บทที่ 1053 สลักชะตาของเจ้าลงไป
………………..
พื้นที่แสนลี้ ทะเลไฟสีดำลุกโชน ความร้อนของเปลวไฟทำให้ฟ้าดินบิดเบี้ยว เกิดเป็นผนึกขึ้นเอง
ยิ่งกว่านั้น บนที่ราบแสนลี้แห่งนี้ โลกเจ็ดใบที่มาจากซีหมัวจื่อแต่ละใบๆ ต่างทับซ้อนเข้าด้วยกัน ก่อเป็นคุกโลกันต์เจ็ดชั้น
ภายใต้การเพิ่มพลังนี้ ก็คืออำนาจที่แข็งแกร่งที่สุดในอำนาจแปลกประหลาดที่ซีหมัวจื่อตอนนี้…โลกมารฟ้าเจ็ดโลกันต์
ในโลกมีฟ้า มืดสนิทเป็นอย่างยิ่ง
ในโลกมีแผ่นดิน แดงก่ำไร้ขอบเขต
เพลิงมารฟ้าลุกไหม้อย่างบ้าคลั่ง คลายว่าจะเผานักโทษที่ขังอยู่ในโลกใบนี้ให้กายสลายจิตดับสูญ
และซีหมัวจื่อที่นั่งขัดสมาธิอยู่นอกโลกมารฟ้า กิริยาท่าทางของเงามารฟ้าที่อยู่ข้างหลังเหมือนกับเขาทุกประการ นั่งขัดสมาธิเหมือนกัน แต่เงาร่างกลับรางเลือนกว่ามาก
ส่วนซีหมัวจื่อเอง สีหน้าของเขาเหนื่อยล้า กลิ่นอายอ่อนแรง นี่คือค่าตอบแทนที่ร่างมารฟ้าของเขาหลอมเป็นหนึ่ง และเป็นค่าตอบแทนของการปะทุพลังโลกมารฟ้าเจ็ดโลกันต์ขึ้นมา
แต่ในตอนนี้ เขาไม่สนใจเรื่องพวกนี้ สิ่งเดียวที่เขาสนใจคือจะหลอมสวี่ชิง
สวี่ชิงช่างจัดการยากจริงๆ ทำให้ก่อนหน้านี้เขามักจะรู้สึกว่าพลังหลอมรวมทั่วร่างแต่กลับซัดไปบนนุ่น
ทั้งๆ ที่ตัวเองโจมตีไปหลายๆ ครั้งก็สามารถทำให้สวี่ชิงได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่ร่างของอีกฝ่ายกลับเปลี่ยนแปลงอย่างประหลาด ว่องไวปราดเปรียวจนถึงขั้นวิปริต สามารถมาปรากฏอยู่รอบๆ กายตนไม่ว่าที่ใดก็ตามอย่างเงียบเชียบ
หากเป็นแค่นี้ก็ช่างเถิด ตนก็ใช่ว่าจะไม่มีวิชาป้องกัน แต่พลังวิเศษที่หลอมผสานของอีกฝ่ายเช่นนั้นก็ชวนให้หงุดหงิดน่ารำคาญเช่นกัน ทุกครั้งที่ประทะ ล้วนหลอมผสานกลิ่นอาย ร่องรอย การป้องกัน ตลอดจนชีวิตของตน
หากเปลี่ยนเป็นเวลาอื่นก็ไม่เป็นไร แต่ภายใต้สถานการณ์ที่แปลงเป็นมารฟ้าไม่สามารถดำรงอยู่ได้นานของตน วิธีการต่อสู้เช่นนี้ทำให้ในใจของเขาอัดอั้นเป็นอย่างยิ่ง
จิตสังหารรุนแรงขึ้นตลอด
ดังนั้นเขาไม่เสียดายค่าตอบแทนใดๆ ทั้งสิ้น ใช้ไม้ตาย จะลบข้อได้เปรียบของอีกฝ่ายออกไป ทำให้การต่าสู้ครั้งนี้เปลี่ยนมาให้อยู่ในสภาวะที่เหมาะกับตน
กลิ่นอายมารของเขาระเบิดดังก้อง เพิ่มพลังไม่หยุด และยังมีทวนยาวที่เขาโยนไปกลางท้องฟ้าเมื่อครู่ ก็พุ่งลงมาในตอนนี้เช่นกัน แทงมายังโลกมารฟ้า
ทำให้เพลิงมารที่หลอมอยู่ในโลกมารฟ้าเจ็ดโลกันต์ปะทุพวยพุ่งขึ้นมาในทันที
ในโลกมารฟ้า ในดวงตาสวี่ชิงฉายประกายแปลกประหลาด ไม่ไปสนใจเทียนสีแดงข้างหลังที่กลืนกินเพลิงมารที่อยู่รอบๆ อย่างบ้าคลั่ง และไม่ได้ไปสนใจกลิ่นอายที่ฟื้นคืนกลับมาในนั้นยิ่งรุนแรงขึ้น
เขาในตอนนี้ จิตใจทั้งหมดล้วนรวมอยู่ที่มีดสลักที่แปลงมาจากอำนาจเทพแห่งชะตาที่อยู่ข้างหน้าเล่มนั้น
นี่แม้ในความหมายที่แท้จริงแล้วจะเป็นครั้งแรกที่สำแดงพลังอำนาจเทพแห่งชะตาของตัวเองออกมาก็ตาม
แต่จากจำนวนครั้งในการศึกษาค้นคว้าในอดีต ตลอดจนการชี้แนะของจักรพรรดินี ทำให้สวี่ชิงมีความเข้าใจใจพลังอำนาจเทพแห่งชะตาของตัวเองในขั้นต้นแล้ว
ดังนั้น เขาสูดลมหายใจลึก มือขวายกขึ้นคว้า
มีดสลักข้างหน้าพลันสั่นสะเทือนขึ้นมาทันที พุ่งตรงมาหาสวี่ชิง ในพริบตาที่มาอยู่ในมือของเขาก็กะพริบระลอกคลื่นที่ทรงพลังน่าตื่นตะลึงเป็นระลอกๆ ออกมา แผ่อิทธิพลไปทั่วสารทิศ บิดม้วนโลกใบนี้
ซีหมัวจื่อที่อยู่ข้างนอกก็ไม่อาจมองเห็นได้อย่างชัดเจนเช่นกัน ในใจเกิดความระมัดระวังขึ้นมา กัดฟันเผาไหม้เลือดดวงใจของตัวเอง เร่งการหลอมให้เร็วขึ้นและรุนแรงขึ้น
ส่วนสวี่ชิงตอนนี้สีหน้าเคร่งขรึม
หัวใจของเขาหยุดเต้นแล้ว
โลกของเขาเปลี่ยนเป็นสีขาวดำสองสี
สีดำคือเวลา สีขาวคือมิติ
และระหว่างสีขาวดำนี้ เป็นเส้นสีเทานับไม่ถ้วน
นี่คือชะตาของสรรพสิ่งทั้งหลาย
อารมณ์ของสวี่ชิงจากหัวใจที่หยุดเต้นก็เปลี่ยนมาสงบนิ่งเป็นอย่างยิ่งเช่นกัน ไม่มีระลอกคลื่นอารมณ์ใดๆ เหมือนความเป็นมนุษย์ในเสี้ยวขณะนี้หายไปจากในตัวเขาโดยสมบูรณ์แล้ว
สิ่งที่เหลือมีแค่ความเป็นเทพ
อีกทั้งความเป็นเทพนี้ไม่มีความสงสาร ไม่มีเป็นตาย มีเพียงการควบคุมต่อชะตาเท่านั้น
“ซีหมัวจื่อ”
สวี่ชิงใช้พลังอำนาจเทพเรียกชื่อนี้
ทันทีที่เสียงดังออกมา ซีหมัวจื่อที่อยู่โลกภายนอกสั่นสะท้านไปทั้งร่าง ความรู้สึกหวาดกลัวแปลกประหลาด ทำให้เขาลมหายใจหอบถี่ขึ้นมา
ส่วนในโลกมารฟ้า จากลมหายใจที่หอบถี่ของสวี่ชิง เส้นสีเทานับไม่ถ้วนที่เห็นในครรลองสายตาหายไปทั้งหมดในพริบตา เหลือเพียงเส้นเดียวเท่านั้นที่ลอยอยู่ข้างหน้าเขา
บิดม้วนไม่หยุด ขยายใหญ่ไม่หยุด สุดท้ายสิ่งที่ปรากฏในสายตาของสวี่ชิงคืออดีต ปัจจุบันและอนาคตของซีหมัวจื่อ
อดีตกลายเป็นตราประทับไปแล้ว
ปัจจุบันกำลังพัฒนา
อนาคตล้วนกำหนดไว้แล้ว
ภาพที่เกี่ยวกับอนาคตของซีหมัวจื่อนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นมาข้างหน้าสวี่ชิง เขารู้ อนาคตเหล่านี้ล้วนมีความเป็นไปได้ทั้งสิ้น
หากเป็นจักรพรรดิรัฐม่วงคราม เขาจะต้องเลือกเรื่องหนึ่ง ให้อนาคตที่เลือกกลายเป็นหนึ่งเดียว
แต่การควบคุมชะตาของสวี่ชิงไม่ได้ควบคุมโชคชะตาโดยการเปลี่ยนแปลงสิ่งที่ถูกกำหนดไว้ หากแต่เป็นการสร้างความไม่แน่นอนขึ้นมา
ดังนั้น เขาผสานความคิดของตัวเองไปในมีดสลักในมือ แล้วสลักขีดแรกลงไปข้างหน้า
ขีดแรกที่สลักลงไปนี้ ไม่จำเป็นต้องมีพรสวรรค์ในการวาดรูปใดๆ ทั้งสิ้น เพราะวาดเหมือนหรือไม่เหมือนล้วนไม่สำคัญ สิ่งที่สำคัญคือสิ่งที่คิดในใจของผู้ที่ถือมีดสลักเล่มนี้
ความคิดแรกที่สวี่ชิงคิดคือ
“คนคนนี้ต้องตาย”
ดังนั้น ขีดแรกที่เขาสลักลงไป ในภาพที่ร่างขึ้นมาคือภาพที่ซีหมัวจื่อตาย
ความตายของเขาอเนจอนาถนัก ศีรษะและร่างแยกจากกัน เลืดเนื้อแห้งเหือด
นี่คือผล
จากนั้น สวี่ชิงยกมือ สลักความคิดที่สองลงไป เพิ่มเหตุผลให้กับให้ภาพที่เป็นผลลัพธ์นี้
“ศีรษะขาดสะบั้นใต้กระบี่จักรพรรดิ!”
มีดสลักวาดลงไปปรากฏในภาพข้างหน้าสวี่ชิง กระบี่จักรพรรดิมาปรากฏอยู่ข้างหลังซีหมัวจื่อที่หัวและศีรษะอยู่คนละที่
ทันทีที่วาดออกมา สวี่ชิงร่างสะท้านเฮือก ในสมองยิ่งซัดโหม กระอักเลือดสดๆ คำโตออกมา ส่วนในโลกมารฟ้าทั้งใบตอนนี้ก็สั่นสะเทือนขึ้นมา
ความน่ากลัวอย่างยิ่งยวดกลุ่มหนึ่งลงมาเยือนอย่างไร้รูปร่าง
นั่นคือการเปลี่ยนแปลงโชคชะตา!
เพราะก่อนหน้านี้ ในความแน่นอนในอนาคตนับไม่ถ้วนของซีหมัวจื่อ แม้จะมีความตายแต่กลับไม่มีภาพที่ตายด้วยมือสวี่ชิง ยิ่งไม่มีภาพที่ตายใต้กระบี่จักรพรรดิ
สิ่งเหล่านี้แต่เดิมล้วนไม่มีทั้งสิ้น
แต่ตอนนี้จากการปรากฏของภาพฉาก จากการประทับไปในเส้นไหมสีเทาแห่งชะตาของซีหมัวจื่อ อนาคตของเขาเพิ่มมาหนึ่งอย่าง
อีกทั้งเป็นอนาคตเพียงอย่างเดียวที่เกี่ยวกับกระบี่จักรพรรดิ
นี่หมายถึงกระบี่จักรพรรดิเพียงปรากฏขึ้น เช่นนั้นอนาคตของซีหมัวจื่อก็ไม่มีทางเป็นอย่างอื่น
นี่ก็คือพลังของเทพเจ้า
นี่ก็คืออำนาจเทพ!
แต่ราคามหาศาลนัก
เพียงแค่ภายใต้ภาพสลักออกมา อวัยวะภายในทั้งห้าของสวี่ชิงก็พุ่งพล่าน วิญญาณเจ็บปวด หลังจากเลือดกระออกออกมา ก็เหมือนว่าจะหยุดไม่อยู่ กระอักออกมาอีกถึงเจ็ด แปดครั้ง
กายเนื้อที่แข็งแกร่งของเขาเกิดความเหนื่อยล้าขึ้นมา


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา