บทที่ 155 ทะลวงเปิดช่องเวทอย่างบ้าคลั่ง
ระลอกคลื่นนี้แข็งแกร่งมาก ในเสี้ยวพริบตาที่แผ่ซ่านมารูม่านตาสวี่ชิงหดเล็ก ให้ความรู้สึกประหวั่นพรั่นพรึงบางอย่าง เงาส่งความรู้สึกอันตรายมาอย่างรวดเร็ว
และเงาร่างของอีกฝ่ายก็ปรากฏขึ้นมาอย่างรวดเร็วเช่นกัน
เห็นได้ว่าเป็นชายรูปร่างสูงใหญ่กำยำคนคนหนึ่ง ระลอกคลื่นทั้งร่างแม้จะเป็นระดับสร้างฐานแต่ไฟชีวิตกลุ่มหนึ่งในร่างของเขาแผ่ซ่านมาอย่างชัดเจนจากการส่งข้ามของค่ายกลนี้ 艾琳小說
เห็นได้ชัดว่าเนื่องจากส่งข้ามเข้ามาในเขตศัตรู ดังนั้นในตอนส่งข้ามผู้บำเพ็ญระดับสร้างฐานเผ่าสิงซากสมุทรจึงเปิดสภาวะแสงนภาเพื่อเผชิญหน้ากับอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นได้จากอีกฝั่งหนึ่งของค่ายกลส่งข้าม
สวี่ชิงไม่ลังเลแม้แต่น้อย มือขวายกขึ้นคว้าไปกลางอากาศ ในเสี้ยวขณะที่เงาร่างนั้นชัดขึ้น กระทั่งว่าสายตาประสานกับสวี่ชิงก็ทำลายกับดักที่อยู่บนค่ายกลแหลกละเอียดทันที
เสียงบึ้มดังขึ้น ค่ายกลพังทลาย เงาร่างที่ใกล้ส่งข้ามสำเร็จในนั้นเลือนรางทันที มีเพียงเสียงคำรามที่แฝงด้วยความเจ็บใจดังแว่วออกมาจากในนั้น
สวี่ชิงใบหน้าไร้อารมณ์ ลุกขึ้นเก็บกับดักของที่นี่ไปหาที่ต่อไป
หลังจากนั้นสี่วัน เขาก็หาเจออีกแห่ง รอคอยอย่างเงียบๆ ในที่สุดก็รอจนผู้บำเพ็ญเผ่าสิงซากสมุทรตนที่สองมาปรากฏตัวได้
อีกฝ่ายก็เป็นระดับสร้างฐานเหมือนกัน ในขณะที่สวี่ชิงยืนยันว่าอีกฝ่ายไม่ใช้สภาวะแสงนภาก็สั่งการให้เจ้าเงาไปดูลาดเลาด้วยเช่นกัน และสัมผัสที่ว่องไวต่อไอพลังประหลาดของเงาก็ทำให้การสืบพลังบำเพ็ญของผู้บำเพ็ญเผ่าสิงซากสมุทรโดดเด่นเป็นอย่างมาก
และเพื่อผลประโยชน์ร่วมกัน เจ้าเงาก็จริงจังเป็นอย่างมาก หลังจากมั่นใจว่าพลังบำเพ็ญของผู้มาเยือนไม่ใช่สภาวะแสงนภาแล้ว การสังหารก็เปิดฉากขึ้นทันทีจากการปรากฏตัวขึ้นของอีกฝ่าย
พิษของสวี่ชิงครั้งนี้มีการปรับปรุงจากประสบการณ์ของครั้งที่แล้ว ทำให้ในขณะที่พิษยอดเยี่ยมขึ้น การดักซุ่มของเจ้าเงาก็กลายเป็นการลงมือด่านแรก
ส่วนบรรพจารย์สำนักวัชระเป็นด่านที่สอง ส่วนตัวเขาทางนี้เป็นด่านสุดท้าย
ในขณะเดียวกันเรือเวทก็เป็นไพ่ตายใบสุดท้ายของเขาเพื่อป้องกันเหตุไม่คาดฝัน
เช่นนี้แล้วหลังจากผ่านไปสองก้านธูป ท่ามกลางเสียงดังกึกก้องของที่นี่ที่ค่อยๆ หายไปช้าๆ เสียงร้องโหยหวนน่าสังเวชที่อ่อนแรงลงเรื่อยๆ สวี่ชิงก็สังหารผู้บำเพ็ญระดับสร้างฐานที่มาตนที่สองได้สำเร็จ
วิญญาณที่ถูกเขาดูดไปในร่างเผาไหม้ไม่หยุด กลายเป็นพลังทะลวงกลุ่มหนึ่งทะลวงเปิดช่องเวทช่องที่ยี่สิบสอง!
นี่ทำให้สวี่ชิงตื่นเต้นฮึกเหิมมาก สัมผัสได้ถึงคำบอกเล่าที่ว่าวิญญาณเผ่าสิงซากสมุทรมีผลที่เลิศล้ำอัศจรรย์ล้ำลึกยิ่งกว่า
‘หากเป็นแบบนี้ต่อไป อีกประมาณแปดดวงข้าก็จะก่อไฟชีวิตได้!
‘หากก่อไฟชีวิตขึ้นสำเร็จ วางไว้บนตะเกียงแห่งชีวิต กำลังรบของข้าก็จะพุ่งพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว…’ ในใจสวี่ชิงเต็มเปี่ยมไปด้วยความหวัง กำลังจะทำลายค่ายกลส่งข้ามแห่งนี้ทิ้ง แต่ในตอนนี้เอง ในนั้นก็มีกลิ่นอายแผ่ออกมาอีกครั้ง
กลิ่นอายนี้ทำให้คนรู้สึกว่าไม่ใช่สภาวะแสงนภา แต่เป็นระดับธรรมดา ทว่าทางเจ้าเงาทางนั้นกลับส่งระลอกคลื่นมาให้ในทันที สวี่ชิงก็วิเคราะห์ได้ทันใดว่ากลิ่นอายนี้เหมือนกับเผ่าสิงซากสมุทรสภาวะแสงนภาที่ได้เจอเมื่อก่อนหน้านี้ตนนั้น
เห็นได้ชัดว่านี่เรียนรู้ได้จากข้อผิดพลาดของก่อนหน้านี้ ครั้งนี้เมื่อส่งข้ามใหม่อีกครั้งจึงเก็บสภาวะแสงนภาลงไป แต่โชคไม่ดีที่คนที่ได้เจอก็ยังคงเป็นสวี่ชิงเหมือนเดิม
ตอนนี้แทบจะในทันทีที่เงาร่างของเขาเพิ่งก่อขึ้น มือขวาของสวี่ชิงก็ซัดไปเต็มที่ เสียงบึ้มดังขึ้นค่ายกลนี้ก็พังทลายไป เงาในค่ายกลนั้นดิ้นรนอย่างรุนแรง อยากจะพุ่งออกมาทว่ากลับสายไปแล้ว ทำได้เพียงแค่ส่งเสียงคำรามอย่างเจ็บใจยิ่งกว่าเก่าออกมา
“น่าจะทำได้อีกไม่กี่ครั้งแล้ว ทางเผ่าสิงซากสมุทรทางนั้นจะต้องรู้ตัวแล้วอย่างแน่นอน” สวี่ชิงพึมพำเสียงต่ำ ในใจเสียดายเล็กน้อย ภารกิจเช่นนี้สำหรับเขาแล้วช่างเหมาะจริงๆ
หากดำเนินต่อไปอย่างยาวนานได้ยาก เช่นนั้นเขาคิดจะเปิดสภาวะแสงนภาก็มีแต่จะต้องไปในสนามรบแล้ว
“ลองหาดูอีกทีแล้วกัน” สวี่ชิงหลังจากครุ่นคิดก็ตัดสินใจค้นหาต่อไป เวลาก็ได้ผ่านไปแต่ละวันเช่นนี้ ค่ายกลส่งข้ามใต้เกาะหมีเอ้อของเผ่าสิงซากสมุทรมีไม่มาก แค่สิบกว่าแห่งเท่านั้น
ในจำนวนนั้นสวี่ชิงทำลายไปมากถึงแปดแห่ง และเขาก็ได้เขอผู้บำเพ็ญระดับสร้างฐานอีกสองคน คนหนึ่งเขาฆ่าทิ้งได้อย่างรวดเร็ว ส่วนอีกคนหนึ่งมีอาวุธเวทคุ้มครองชีวิตมากเหลือเกิน กระทั่งว่าระดับของการทะลวงเปิดช่องเวทก็เหมือนจะใกล้ก่อไฟชีวิตได้แล้ว นี่ที่ให้สวี่ชิงต้องลงมืออย่างยุ่งยาก ใช้เวลาหนึ่งชั่วยามกว่าถึงจะฆ่ามันได้
นี่ทำให้เขาได้รู้ซึ้งถึงความแข็งแกร่งของผู้บำเพ็ญเผ่าสิงซากสมุทรระดับสร้างฐาน แต่จำนวนช่องเวทที่ผู้บำเพ็ญระดับสร้างฐานทั้งสองก็ทำให้ช่องเวทของเขาเพิ่มมากขึ้นมาอีกหนึ่งช่อง ทำให้เขาทะลวงเปิดช่องเวทได้สามช่องติดๆ กัน เปิดได้ถึงยี่สิบห้าช่องแล้ว
แต่ก็จบลงแค่นี้แล้ว หลังจากนั้นสวี่ชิงก็หาค่ายกลเจออีกสามแห่ง แต่ก็ไม่เจอใครส่งข้ามมาอีก จึงทำได้แค่ทำลายค่ายกลจากไปอย่างเสียดาย
บรรพจารย์สำนักวัชระก็เสียดายเช่นกัน ทางเจ้าเงาทางนั้นก็เบื่อหน่ายเหมือนกัน
ส่วนค่ายกลส่งข้ามของเกาะหมีเอ้อก็ถูกทำลายโดยสมบูรณ์ สวี่ชิงกลับมาที่เกาะอย่างจนปัญญา เพิ่งส่งภารกิจไป ในตอนที่กำลังครุ่นคิดว่าจะรับภารกิจสงครามดีหรือไม่ ป้ายฐานะของเขาก็มีข้อความส่งมา
“ข้า โอวหยางหลิง ผู้อาวุโสแห่งยอดเขาที่สาม ข้าเห็นข้อมูลตัวตนของเจ้า เจ้าชื่อสวี่ชิงใช่หรือไม่”
สวี่ชิงเห็นข้อความนี้ก็ระแวดระวังขึ้นมาทันที ไม่ได้ตอบกลับไป
“เจ้าอย่าได้คิดมาก ภารกิจทำลายค่ายกลเป็นข้าที่ประกาศเอง แต่ระดับความสำเร็จของอีกสามเกาะที่เหลือธรรมดาๆ ข้าไม่สนใจว่าเหตุใดเจ้าจึงจัดการได้รวดเร็วเช่นนี้ นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของเจ้า แต่นอกจากข้าอยากให้เจ้าไปค้นหาต่ออีกสองเกาะที่เหลือนอกจากเกาะหมีเอ้อและเกาะจวีอิง เจ้าจะทำหรือไม่”
สิ่งที่ออกมาจากแผ่นหยกไม่ใช่ข้อความแต่เป็นเสียงทรงอำนาจดังเข้ามาในจิตวิญญาณของสวี่ชิง ทำให้ช่องเวทยี่สิบห้าช่องในร่างของเขาสั่นสะเทือน
สวี่ชิงหรี่ตา หลังจากครุ่นคิดก็เอ่ยเสียงราบเรียบ ไอรีนโนเวล
“น้อมรับคำบัญชาผู้อาวุโส”
ผู้อาวุโสยอดเขาที่สามคนนั้นได้ยินคำตอบรับของสวี่ชิงก็พอใจเป็นอย่างมาก พริบตาต่อมาก็ปรับภารกิจของสวี่ชิงจากสำรวจเกาะหมีเอ้อเปลี่ยนเป็นสำรวจทุกเกาะ
ส่วนหินวิญญาณที่เป็นรางวัลก็บันทึกไปในป้ายฐานะของเขาแล้ว
สวี่ชิงมองตัวเลขบนนั้น คาดหวังกับรางวัลของสงครามครั้งนี้ขึ้นไปอีก
หนึ่งแสนหนึ่งหมื่นก้อนหินวิญญาณ!


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา