บทที่ 181 ตรงประเด็น
เบื้องหน้าบนเรือศึกลำที่หนึ่ง องค์หญิงสามถลึงตาโต ความรู้สึกทิ่มแทงรุนแรง แต่ต่อให้น้ำตาจะไหลเป็นทาง นางเองก็ยังพยายามจะมองทั้งหมดให้ชัดเจน
สีหน้าของนางมีความทึ่งตะลึงยิ่งกว่า ราวกับว่ามองเห็นภาพที่สวยงามที่สุดในโลกมนุษย์อย่างไรอย่างนั้น
และชุดคลุมยาวสีขาวที่อยู่ข้างๆ เวลานี้ก็อึ้งไปครู่หนึ่ง เขามองสวี่ชิง จู่ๆ ในใจก็เกิดความรู้สึกบีบคั้นที่รุนแรงกว่าขึ้นมา
‘ให้ตายเถอะ…เจ้าเด็กนี่ ทำไมถึงแข็งแกร่งขึ้นอีกแล้ว วิหคทองนี่…มันไม่ใช่วิชาระดับจักรพรรดิในตำนานบนทะเลต้องห้ามนั่นหรอกหรือ!’
คิดถึงจุดนี้ ชุดคลุมยาวสีขาวก็รีบเข้าประชิดองค์หญิงสามทันที รีบร้อนเอ่ยขึ้นเสียงต่ำ
“องค์หญิง เจ้าเด็กคนนี้ฝึกบำเพ็ญวิชาสายพิษชั่วร้ายอย่างมาก ข้าเคยอ่านผ่านตำราโบราณมาแล้ว ชื่อว่าเคล็ดนามหยินเด็ดชีวิน ปกติตอนสำแดงพลานุภาพวิชานี้ก็ร้ายกาจแล้ว แต่ถ้าหากถูกเขาล่วงรู้ถึงชื่อของศัตรูแล้วสำแดงอีกครั้ง จะสามารถช่วงชิงชีวิตได้ในพริบตา อีกประเดี๋ยวท่านห้ามพูดชื่อของข้าเด็ดขาด เรียกข้าว่าพี่ชายก็พอ!”
ขณะที่ชุดคลุมยาวสีขาวกำชับนั้น เสียงกรีดร้องก็ดังขึ้นรอบๆ ฉับพลัน
ในเรือศึกที่สวี่ชิงอยู่ เวลานี้วิหคทองสีดำที่กำลังโอบล้อม สะบัดหางฉับพลัน
ทันใดนั้นทะเลเพลิงจากหางสีดำก็กระจายครืนครันออกไปรอบทิศ กลายเป็นโซ่เพลิงสีดำหลายเส้น ราวกับงูเพลิงที่น่ากลัวหลายตัว พริบตาก็พุ่งไปยังผู้บำเพ็ญเผ่าสิงซากสมุทรทั้งหมดในเรือศึก
หลังจากเข้าประชิด ก็จัดการโอบล้อมตัวพวกเขา ม้วนลอยขึ้นกลางอากาศ
ด้วยความแตกต่างมหาศาลของพลังบำเพ็ญ ทำให้ไม่ว่าสิงซากสมุทรเหล่านี้จะกระเสือกกระสนอย่างไรก็ไร้ผล แต่ละคนถูกโซ่เพลิงสีดำม้วนยกลอยวนไปรอบทิศ มองไกลๆ ราวกับหางของวิหคทองกำลังรำแพน!
และเหล่าสิงซากสมุทรก็ส่งเสียงกรีดร้องน่าเวทนาออกมาในการพัดม้วนขึ้นนี้
ร่างของพวกเขากำลังแห้งเหี่ยว เลือดลมหลายสายถูกสูบออกมาจากทวารทั้งเจ็ดรวมถึงทั่วทั้งร่างกายอย่างต่อเนื่อง ลอยเข้ามารวมตัวกันที่วิหคทองซึ่งลอยอยู่กลางอากาศด้านหลังสวี่ชิง
สวี่ชิงสีหน้าปกติ เท้าขวายกขึ้นย่างไปก้าวหนึ่ง พลังกายเนื้อที่น่ากลัวร่วมกับพลานุภาพตะเกียงแห่งชีวิต ทำให้เรือศึกใต้เท้าเขาส่งเสียงครืนครันแตกสลายลงกระจัดกระจายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ร่วงหล่นลงมาจากฟ้า
ตอนนี้สวี่ชิงยืนอยู่กลางอากาศ ชุดนักพรตสีม่วงส่งเสียงพั่บๆ กลางสายลม ขณะที่ผมยาวปลิวสยายวิหคทองสีดำเบื้องหลังเขาก็ลอยวนล้อมรอบ
หางเพลิงรูปพัดสะท้อนไปรอบทิศ ศพแห้งหลายร่างขึงอยู่บนโซ่เพลิงสีดำหลายเส้น ดูแล้วช่างน่าสยดสยอง ไอรีนโนเวล
บวกเข้ากับใบหน้างามราวปีศาจของสวี่ชิง ทำให้ไม่ว่าใครก็ตามที่เห็นสวี่ชิงเวลานี้ ล้วนมีความรู้สึกเหมือนกับเห็นมารปีศาจอย่างไรอย่างนั้น
ดวงตาองค์หญิงสามประหลาดใจยิ่งมากขึ้นไปอีก นางไม่เคยเห็นคนเช่นนี้มาก่อน
แต่สวี่ชิงก็ไม่สนใจองค์หญิงสามที่มีพลังบำเพ็ญเพียงรวมปราณขั้นบริบูรณ์คนนี้ สายตาของเขาผ่านตัวนางไป จนไปหยุดอยู่ที่ชุดคลุมยาวสีขาวข้างกายองค์หญิงสามแทน
ชุดคลุมยาวสีขาวเวลานี้ใช้มือข้างหนึ่งสะกดอสูรสมุทรบรรพกาลไว้ หันหน้ามาจ้องสวี่ชิงเขม็งเช่นเดียวกัน
สวี่ชิงมองเขาอย่างนิ่งงัน
เขามองสวี่ชิง กลับรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก
ตอนที่บรรยากาศเกิดความแปลกประหลาด จู่ๆ เสียงหัวเราะประหลาดก็ดังขึ้น ทำให้บรรยากาศของที่นี่บรรเทาลงบ้าง และทำให้สายตาทั้งหมดจ้องไปยังจุดที่เสียงหัวเราะดังมา
เสียงหัวเราะดังมาจากเรือศึกลำที่สอง สวี่ชิงมองไปก็เห็นว่าบนเรือศึกลำนี้มีแสงอัสนีหวีดหวิวออกมา และลอยคว้างอยู่กลางอากาศ
เหล็กแหลมสีดำนั่นเอง
แสงอัสนีบนนั้นไหลเวียนไม่หยุด ประเดี๋ยวก็มีสายฟ้าแล่นขึ้นมา เกิดเป็นรอยแยกสายฟ้าหลายสายขึ้นไปรอบๆ น่าตกตะลึงมาก
ขณะเดียวกันบนเหล็กแหลมยังมีอักขระอัสนีเจิดจ้าขึ้นมาอีกหลายสาย อักขระทุกสายล้วนแฝงไว้ด้วยความรู้สึกแห่งท่วงทำนองเต๋า ทำให้เหล็กแหลมสีดำดูแล้วงดงามจับตา ราวกับเป็นสมบัติล้ำค่า!
กระทั่งทำให้คนเกิดความรู้สึกว่าเมื่อได้ครอบครองก็ยากจะทิ้งไปขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
นอกจากนี้บนเหล็กแหลมสีดำยังผูกกระดิ่งไว้ด้วย เห็นได้ชัดว่ากระดิ่งถูกสายอัสนีเสริมพลัง บนตัวมันปิดผนึกวิญญาณไว้มหาศาล เมื่อมองวิญญาณเหล่านี้ก็เห็นว่าเป็นเผ่าสิงซากสมุทร แต่ละคนล้วนส่งเสียงกรีดร้องเจ็บปวดออกมา แต่กลับไม่สามารถหลบหนีได้
เห็นได้ชัดว่าบรรพจารย์สำนักวัชระดูใส่ใจมาก เขารู้ว่าสวี่ชิงต้องการวิญญาณ หลังจากพุ่งเข้าไปในเรือศึกลำที่สองก็ใช้ร่างวิญญาณอัสนีของตนเองล่าสังหาร แต่ใช้กระดิ่งสร้างวิญญาณจัดการดูดรับวิญญาณเหล่านั้นเข้ามา ใช้อัสนีปิดผนึกไว้
เมื่อเป็นเช่นนี้ ทั้งสามารถเผยความเอาใจใส่ของตนเอง และยังแสดงความแข็งแกร่งและพลานุภาพของตนเองออกมาได้อย่างไร้ร่องรอยได้ด้วย
ส่วนที่ปล่อยเสียงหัวเราะประหลาด เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่บรรพจารย์สำนักวัชระ
ตอนนี้ด้านหลังบรรพจารย์สำนักวัชระ มีเงาร่างหนึ่งเดินออกมาจากห้องบังคับเรือ
ร่างนี้เป็นเผ่าสิงซากสมุทรคนหนึ่ง ในร่างกายมีไฟชีวิตดวงหนึ่งเผาไหม้อยู่ รูปร่างเหมือนผู้บำเพ็ญเผ่ามนุษย์กลางคน ร่างกายผอมซูบ รอยจ้ำของศพชัดเจนไปทั่วทั้งตัว
เขาสวมชุดนักพรตขาดวิ่น มุมปากยกขึ้นด้วยความลำพอง เดินไปพลางส่งเสียงเคี๊ยกๆ ด้วย
เพียงแต่การปรากฏตัวของเขา กลับให้ความรู้สึกที่แปลกประหลาด!
เพราะการก้าวเดินของเขาไม่ค่อยจะประสานกัน ราวกับเพิ่งจะหัดเดินโยกไปเยกมา แม้สีหน้าจะหยิ่งลำพอง แต่ขณะเดียวกันสายตาของเขากลับเผยความพรั่นพรึงขีดสุดออกมาอย่างแรงกล้า
ความสะพรึงนี้เข้มข้นถึงขีดสุด สิ่งที่ขัดกับสีหน้าจึงก่อเป็นภาพที่แปลกประหลาดขึ้นมา
และเมื่อเขาเดินออกมาที่กาบเรือศึก เขาก็ลุกยืนขึ้น
กวาดสายตาเหยียดหยามไปยังชุดคลุมยาวสีขาวรวมถึงองค์หญิงสาม และเผ่าสิงซากสมุทรทั้งหมดบนเรือศึกลำแรก จากนั้นตอนที่หันมามองสวี่ชิง ทันใดนั้นเขาก็ดูเคร่งขรึมขึ้น คุกเข่าข้างหนึ่งให้แก่สวี่ชิง เผยความเคารพยำเกรงออกมา
หลังจากนั้นเขาก็ยกสองมือขึ้น วางไว้บนคอของตนเองและบิดอย่างรุนแรง
เสียงกร๊อบดังขึ้นท่ามกลางความตกตะลึงของเผ่าสิงซากสมุทรเหล่านั้นบนเรือศึกลำแรก คนผู้นี้ก็หักคอของตนเอง
ยังไม่จบ เขายังฉีกหัวของตนเองออกมาอย่างดุดัน ศีรษะที่หลุดออกจากร่างสีหน้ายังคงลำพอง ขณะที่ในปากยังส่งเสียงเคี๊ยกๆ เขาก็ยกมือแทงเข้าไปในท้องของตนเอง จับไฟชีวิตที่เผาไหม้อยู่…แล้วดับมัน!
พริบตาต่อมา ร่างกายก็สั่นเครือ เสียงปึงปังดังก้องไปทั้งฟ้า ช่องเวททั่วร่างเขาเวลานี้ถูกเขาบีบจนระเบิดทั้งหมด กระทั่งสุดท้ายร่างกายก็แตกสลายร่วงลงบนพื้น
ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา