บทที่ 186 เกิดเรื่องแล้ว…
แดนที่ตั้งเทวรูปบรรพชนศพที่เจ็ดเงียบมาก
ปกติที่นี่ไม่มีระลอกคลื่นรุนแรงอะไรอยู่แล้ว เผ่าสิงซากสมุทรก็ไม่ยอมให้เผ่ามนุษย์มาทะลวงขั้นที่แดนที่ตั้งเทวรูปเช่นกัน
ดังนั้นความเงียบสงบของที่นี่ก็เป็นเช่นนี้เสมอมา
และการรักษาก็ต้องมีคุณสมบัติ นอกจากผู้ที่มีตำแหน่งสูงส่งบางคนแล้ว ไม่เช่นนั้นก็มีเพียงผู้ที่สร้างคุณูปการให้กับเผ่าเหล่านั้นถึงจะได้รับอนุญาตให้มารักษาในบ่อเลือดใต้เทวรูปได้ นี่ก็ทำให้ผู้บำเพ็ญที่นี่เทียบกันแล้วมีจำนวนไม่มาก
ตอนนี้เนื่องจากเป็นช่วงสงคราม ดังนั้นจึงมีมากกว่าปกติเล็กน้อย แต่ต่อให้เป็นเช่นนี้ ความสงบของที่นี่ก็ยังเหมือนกับที่ผ่านมา ไม่มีใครกล้าลบหลู่ที่นี่
ในขณะเดียวกันหลายปีมานี้แดนศักดิ์สิทธิ์เผ่าสิงซากสมุทรก็น้อยนักที่จะมีเหตุคนต่างเผ่าบุกเข้ามา ในเมื่อภายใต้การป้องกันเป็นชั้นๆ ทั้งยังมีค่ายกลคัดกรอง คิดอยากจะบุกรุกเข้ามาก็ยากยิ่งนัก
แต่เรื่องแบบนี้ก็แค่เกิดขึ้นน้อยครั้ง ใช่ว่าไม่มี ในประวัติศาสตร์เผ่าสิงซากสมุทรความจริงแล้วเกิดเรื่องประเภทนี้หลายครั้ง
ในอดีตผู้ที่บุกรุกเข้ามาที่นี่ จุดประสงค์ไม่ใช่ดูดซับบ่อเลือดของที่นี่ แต่มาเพื่อตัวเทวรูป
เทวรูปทั้งเก้าของเผ่าสิงซากสมุทรเป็นวัสดุที่พิเศษมาก ในโลกนี้พบเห็นได้น้อย แทบจะมีเพียงรูปสลักเก้ารูปนี้เท่านั้นที่มี ดังนั้นจึงดึงดูดความสงสัยใคร่รู้และการลอบสังเกตจากเผ่าต่างๆ
เพียงแต่วัสดุของเทวรูปแข็งแรงมาก อีกทั้งต่อให้แตกก็สามารถฟื้นสภาพกลับมาได้อย่างรวดเร็ว ประกอบกับเผ่าสิงซากสมุทรก็ไม่ใช่ใครจะมาสยบได้ ดังนั้นจึงดูแลรักษาเอาไว้ได้อย่างสมบูรณ์ดี
แน่นอน หากผู้มาเยือนพลังน่าครั่นคร้ามก็สามารถทำลายมันได้ แต่ว่าผู้มีพลังน่าตื่นตะลึงเหล่านั้นส่วนมากก็ไม่แฝงตัวเข้ามา สามารถอาศัยพลังของตัวเองยื่นข้อเสนอให้เผ่าสิงซากสมุทรให้ความร่วมมือ
ในขณะเดียวกันหากวัสดุของเทวรูปไปจากเกาะเผ่าสิงซากสมุทรก็จะกลายเป็นวัตถุธรรมดา สูญเสียความน่าอัศจรรย์ไป
ดังนั้นแล้ว จากวันเวลาที่ไหลผ่านไป หลังจากประสบกับการสืบสำรวจจากเผ่าแข็งแกร่งครั้งแล้วครั้งเล่า สุดท้ายเผ่าสิงซากสมุทรก็รักษาเทวรูปทั้งเก้าเอาไว้ได้ คนที่หมายตาก็ค่อยๆ น้อยลง
ยิ่งเป็นเพราะสามารถฟื้นสภาพเองได้ ดังนั้นดูแล้วจึงไม่มีความเสียหายใดๆ
แน่นอน ก็มีข่าวลือกันว่า เทวรูปเผ่าสิงซากสมุทรแต่เดิมไม่ใช่เก้าองค์ แต่มีมากกว่านั้น เพียงแต่ตอนนี้เผ่าสิงซากสมุทรรักษาเอาไว้ได้แค่เก้าองค์ก็เท่านั้น
แต่ไม่ว่าจะอย่างไร สำหรับเผ่าสิงซากสมุทรนี่ก็เป็นวัตถุศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขา ไม่ว่าใครก็ตามที่หมายตาวัตถุศักดิ์สิทธิ์ พวกเขาล้วนชิงชังนัก
ต่อให้ไม่สามารถสร้างความเสียหายให้วัตถุศักดิ์สิทธิ์ได้ แต่เรื่องแบบนี้สำหรับเผ่าสิงซากสมุทรแล้วคือความอัปยศอย่างหนึ่ง
การแฝงตัวครั้งล่าสุดคือเมื่อหกสิบปีก่อน คนที่แฝงตัวเข้ามาคนนั้นตอนนั้นยังเป็นเพียงระดับสร้างฐาน ไม่รู้ว่าใช้วิธีอะไรมาที่นี่และดูดซับวารีศักดิ์สิทธิ์ไปจำนวนมหาศาล และหนีรอดออกไปได้อย่างหวุดหวิด
หลังจากนั้นเผ่าสิงซากสมุทรโกรธแค้นเดือดดาลนัก ไล่ล่าสังหารอยู่หลายปี แต่ผู้นั้นก็มีพรสวรรค์ยอดเยี่ยม หลังจากรอดพ้นจากอันตรายครั้งแล้วครั้งเล่า ก็มีผู้ยิ่งใหญ่คนหนึ่งชมชอบ รับไว้เป็นลูกเขย นี่ถึงทำให้เผ่าสิงซากสมุทรจำต้องพักเรื่องนี้ไปก่อนชั่วคราว ภายหลังก็รักษาป้องกันหนาแน่นยิ่งขึ้น
และผู้บำเพ็ญระดับสร้างฐานในตอนนั้นก็ผงาดขึ้นในร้อยปีมานี้ กลายเป็นนายท่านเจ็ด…แห่งยอดเขาลำดับเจ็ดสำนักเจ็ดเนตรโลหิต
วันนี้ข้างเทวรูปบรรพชนศพที่เจ็ดของเผ่าสิงซากสมุทรก็เกิดเรื่องในประวัติศาตร์ขึ้นอีกครั้ง
สวี่ชิงดูดซับอย่างระมัดระวัง วารีศักดิ์สิทธิ์สีเลือดที่สะสมในร่างค่อยๆ เพิ่มมากขึ้น กลิ่นอายที่ทำให้ช่องเวทกระหายที่แผ่ซ่านในนั้นก็ยิ่งรุนแรงขึ้น
ในขณะเดียวกัน อันตรายรอบๆ และผู้แข็งแกร่งระดับแก่นลมปราณที่อยู่เหนือศีรษะล้วนทำให้เขาใจเต้นตุ้มๆ ต่อมๆ ดูดซับไปด้วย สังเกตรอบๆ ที่นี่อย่างระมัดระวังรอบคอบไปด้วย
‘จะโลภมากไม่ได้ พอประมาณก็พอแล้ว ในกายข้าดูดซับจนเต็มที่ก็ไปจากที่นี่’ ในขณะเดียวกับที่สวี่ชิงเตือนตัวเองในใจ เห็นไม่มีใครสังเกตเขาตรงนี้ ดังนั้นก็ดูดซับไวยิ่งขึ้น
นอกจากนั้น เจ้าเงาตอนนี้ก็ดำลงไปในสระน้ำอย่างเงียบงันเช่นกัน หลังจากที่ดวงตาร้อยกว่าดวงบนนั้นกะพริบพร้อมกัน มันก็ดูดซับด้วยหน้าตาที่อยากรู้อยากเห็น จากนั้นดวงตาทุกดวงก็หรี่ลง เหมือนกำลังเคลิบเคลิ้ม ดูดซับอย่างรวดเร็ว
เห็นแบบนี้ สวี่ชิงก็ครุ่นคิด แอบเอาเหล็กแหลมสีดำออกมาวางในสระน้ำ บรรพจารย์สำนักวัชระทางนั้นก็สั่นเทิ้มอย่างเห็นได้ชัด ดูดซับไปเล็กน้อยดวงตาก็เป็นประกายเช่นกัน
‘ดูดซับได้หมด มีผลหมดอย่างนั้นหรือ’
สวี่ชิงตื่นตะลึง หลังจากคิดแล้วก็แอบสำแดงวิชาวิหคทองหลอมหมื่นวิญญาณเล็กน้อย ทันใดนั้นตราประทับสัญลักษณ์ข้างหลังของเขาก็กะพริบเล็กน้อยภายใต้การควบคุมของสวี่ชิง ของเหลวสีแดงมหาศาลไหลทะลักเข้าไปในภาพสัญลักษณ์
ภาพนี้ทำให้สวี่ชิงตื่นเต้นยินดีนัก
และการดูดซับอย่างรวดเร็วจากเขาทางนี้ นายกองก็สังเกตได้อย่างรวดเร็ว ดวงตาแดงก่ำ ในใจเจ็บใจนัก
สวี่ชิงดูดซับได้เร็วกว่าเขาอย่างเห็นได้ชัด นี่ทำให้นายกองเสียหน้ามาก ดังนั้นจึงมองไปรอบๆ หลังจากเห็นว่าไม่มีใครสังเกต เขาก็เอาขวดใบเล็กออกมาใบหนึ่ง วางไปในน้ำแล้วดีดหนึ่งที
ทันใดนั้นวารีศักดิ์สิทธิ์สีเลือดจำนวนมหาศาลก็ไหลเข้าไปในนั้นจากปากขวด
ขวดใบนี้ก็น่าอัศจรรย์นัก บรรจุได้ปริมาณมหาศาล แค่ใช้เวลาไม่นานก็เต็ม หลังจากที่บรรจุเอาไว้อย่างเงียบเชียบ ก็เอาออกมาอีกใบหนึ่งแล้วเริ่มบรรจุอีกครั้ง
เช่นนี้แล้ว เขาก็ดูดซับไปด้วย ใช้ของบรรจุไปด้วย ดูดซับได้ไม่ช้าไปกว่าสวี่ชิงเลย
สวี่ชิงก็สังเกตเห็นภาพนี้เช่นกัน ดังนั้นจึงขมวดคิ้วกวาดตามองนายกองแวบหนึ่ง นายกองก็มาทางเขา ในดวงตาฉายความท้าทายออกมา
สวี่ชิงเงียบนิ่ง เขารู้ว่านายกองเป็นคนบ้า ดังนั้นไม่มีทางไปคิดเล็กคิดน้อยกับคนบ้าแน่นอน ขณะเดียวกันก็เตือนตัวเองต่อไปว่าจะละโมบไม่ได้ เอาแค่พอประมาณก็พอแล้ว หลังจากที่อีกเดี๋ยวคนดูดซับได้เต็มที่แล้ว เจ้าเงากับบรรพจารย์สำนักวัชระหรือจะเป็นวิชาวิหคทองหลอมหมื่นวิญญาณ ไม่ว่าใครถึงขีดจำกัดสูงสุดก็ตาม ตนก็จะจากไป


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา