เข้าสู่ระบบผ่าน

ผู้กล้าเหนือกาลเวลา นิยาย บท 193

บทที่ 193 นายกองทำทั้งหมด!

สวี่ชิงระแวดระวัง

เขามองเห็นสีหน้าของศิษย์คนนั้นในพริบตาที่ส่งข้ามบนเกาะเงือก

แม้สีหน้านั้นมีแต่ความตกตะลึง มองอารมณ์ภายในอันใดไม่ออก

ทว่าสวี่ชิงนำมาเทียบเคียงดูแล้ว ยังรู้สึกว่ารางวัลที่ขนาดตัวเขาเองยังหวั่นไหว คนอื่นก็ไม่มีเหตุผลที่จะไม่หวั่นไหวเลย

“ยิ่งไปกว่านั้นศัตรูคู่แค้นของข้าในเผ่าสิงซากสมุทร ยังมีผู้สืบทอดอะไรนั่นอีก”

สวี่ชิงรู้สึกว่าถ้าจมูกของเทวรูปฟื้นคืนไม่ได้ เช่นนั้นก็อธิบายได้ว่าวิหคทองหลอมหมื่นวิญญาณของตนเองอหังการเสียเหลือเกิน สิ่งที่ถูกมันกลืนกินจะไม่สามารถกลับคืนสู่สภาพเดิมได้

ในเมื่อเป็นเช่นนี้…ความเป็นไปได้ที่ใบหน้าครึ่งหนึ่งกับหูของผู้สืบทอดคนนั้น ก็คงจะไม่ฟื้นคืนสภาพเดิมเช่นกัน

‘คนผู้นี้คงจะแค้นข้าเข้ากระดูกดำแน่นอน ต้องหาโอกาสจัดการเขาเสีย’

พร้อมความคิดนี้ จากการสว่างวาบของแสงค่ายกลส่งข้าม เบื้องหน้าทั้งหมดล้วนกลายเป็นเลือนราง จากนั้นตอนที่ค่อยๆ แจ่มชัด สวี่ชิงก็กลับมาถึงเจ็ดเนตรโลหิต

เพิ่งจะส่งข้ามมา เสียงก็ดังขึ้นก่อนภาพ ดังเข้ามาในประสาทสัมผัสของสวี่ชิง

นั่นคือเสียงวุ่นวายรวมถึงความคึกคักที่คุ้นเคย

เพียงไม่นานเส้นแสงก็ส่งมา เจ็ดเนตรโลหิตสะท้อนเข้ามาในดวงตาสวี่ชิง

สิ่งที่ปรากฏขึ้นเบื้องหน้าเขาเป็นลำดับแรกคือกลุ่มคนรอบๆ ที่กำลังเข้าแถวรอส่งข้าม รวมไปถึงศิษย์สองคนที่กำลังลงทะเบียนคนสัญจรอยู่ไกลๆ

ศิษย์สองคนหนึ่งชายหนึ่งหญิงนี้สวมชุดนักพรตสีเทา

สวี่ชิงกวาดมองสองคนนี้ รู้สึกว่าคุ้นหน้าคุ้นตา ไม่ได้ใส่ใจมากนัก

แต่ตอนที่เขาเดินออกมา ชุดนักพรตสีม่วงบนตัวก็ทำให้เกิดเสียงฮือฮาขึ้นมาจากรอบๆ ศิษย์ที่รับผิดชอบลงทะเบียนสองคนนั้นหน้าเปลี่ยนสี รีบร้อนลุกขึ้นยืนด้วยความเคารพนอบน้อมสุดซึ้ง

“คารวะอาจารย์อา!”

สวี่ชิงที่กำลังจะเดินผ่านพวกเขา หลังจากกวาดตาไปยังศิษย์หญิงคนนั้น เท้าของเขาก็หยุดชะงักจากการเอ่ยขึ้นของคนทั้งสอง พิจารณาตั้งแต่หัวจรดเท้า

ศิษย์หญิงคนนี้หน้าตาสะสวย ผมยาวรวบเป็นหางม้า แต่รูปร่างผ่ายผอมไปหน่อย เวลานี้สวี่ชิงกวาดตามา นางรู้สึกตึงเครียด ร่างกายสั่นสะท้าน ขณะที่ใจเต้นรัวเร็วก็ยิ่งค้อมศีรษะต่ำลง

“พลังบำเพ็ญไม่เลว ห่างจากขั้นหกไม่ไกลแล้ว แต่กลิ่นอายทะเลต้องห้ามในคัมภีร์แปรสมุทรของเจ้าน้อยกว่าศิษย์ยอดเขาลำดับเจ็ดระดับเดียวกันอย่างเห็นได้ชัด นับจากนี้เจ้าจำต้องเพิ่มกลิ่นอายทะเลต้องห้ามให้มากขึ้น เช่นนี้จะทะลวงขั้นได้ราบรื่น”

สวี่ชิงชี้แนะไปหนึ่งคำรบ และเดินจากไปพร้อมคำขอบคุณด้วยเสียงสั่นเทาของหญิงสาวคนนั้น

สาเหตุที่ชี้แนะ เพราะสวี่ชิงนึกขึ้นได้ว่าหญิงสาวคนนี้เป็นใคร

วันที่เขามาถึงเจ็ดเนตรโลหิตครั้งแรก คนที่พบก็คือสองคนนี้

ตอนนั้นหญิงสาวเคยเตือนเขาเรื่องอันตรายในสำนักอย่างเป็นมิตร

แม้เรื่องนี้จะเล็กน้อยมาก แต่สวี่ชิงก็รู้สึกว่าเมื่อได้พบกันใหม่ ยังสามารถชี้แนะเพื่อตอบแทนได้

หลังจากเขาเดินไป ศิษย์สองคนนี้ก็ชุ่มโชกไปทั้งตัว

แรงกดดันจากพลังบำเพ็ญของสวี่ชิงที่แผ่ออกมาโดยธรรมชาติรวมถึงปราณพิฆาตที่ติดมาจากสนามรบ ในสายตาของศิษย์รวมปราณสองคนนี้ก็เป็นราวกับปีศาจ

“พลังบำเพ็ญของผู้อาวุโสคนนี้…แข็งแกร่งมาก!!”

ศิษย์ชายในนั้น เวลานี้สูดลมหายใจ เขาบีบพัดในมือเกือบหัก

พูดจบเขาก็มองไปยังหญิงสาวข้างกายคนนั้น ดวงตาเผยความประหลาดใจถามขึ้นอย่างอดไม่อยู่

“เจ้ารู้จักผู้อาวุโสคนนั้นหรือ”

หญิงสาวเหม่อลอยเล็กน้อย รีบร้อนหมุนตัววิ่งไปตรวจสอบบันทึกข้อมูลของค่ายกลส่งข้าม หลังดูเสร็จนางก็ถลึงตาโตฉับพลัน

“สวี่ชิง!”

“สวี่ชิง!?” ชายหนุ่มพอได้ยินก็สั่นไปทั้งตัว

“สวี่ชิงที่กำลังเลื่องชื่อในช่วงนี้ คนที่ทำลายสิ่งศักดิ์สิทธิ์เผ่าสิงซากสมุทร ที่ทำให้เผ่าสิงซากสมุทรโกรธแค้นจนประกาศค่าหัวออกมาคนนั้นน่ะหรือ”

หญิงสาวพยักหน้าอย่างเลื่อนลอย

“แล้วเขารู้จักเจ้าได้อย่างไร!”

ดวงตาชายหนุ่มเผยความอิจฉาออกมาอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ตื่นเต้นขึ้นมา

“ความจำข้าค่อนข้างดี จำได้ว่าหนึ่งปีก่อน มีเด็กหนุ่มคนเก็บกวาดคนหนึ่งถือป้ายแนะนำสีขาวเข้ามา วันนั้นตอนที่ข้าเตือนเขาเรื่องความอันตรายของสำนัก ข้าเคยดูสถานะของเขา เด็กหนุ่มคนนั้นก็มีชื่อว่าสวี่ชิงเช่นกัน”

หญิงสาวเอ่ยเสียงเบา ในดวงตาเองก็มีแววไม่แน่ใจอยู่บ้าง

ชายหนุ่มข้างๆ สูดลมหายใจอีกครั้ง ยืนมึนอยู่ตรงนั้น พยายามทบทวนความทรงจำอย่างละเอียด

“เจ้าตอนนั้นเคยพูดว่า เขาจะอยู่ได้ไม่เกินสามเดือน”

หญิงสาวหันหน้าไปมองสหายข้างๆ

ชายหนุ่มคนนี้หน้าขาวซีดทันที ลมหายใจหอบถี่ ขณะที่ในใจเกิดความพรั่นพรึงขึ้นอย่างรุนแรง ก็พลันรู้สึกว่าพฤติกรรมในอดีตที่คิดว่าศิษย์น้องหญิงยอดเขาลำดับเจ็ดคนนี้ซื่อบื้อเกินไป กลับมีวาสนาแฝงอยู่เช่นนี้

และสวี่ชิงในตอนนี้ ไม่รับรู้ถึงคำวิพากษ์วิจารณ์ของศิษย์สองคนนี้ เมื่อครู่ก็แค่ถือโอกาสทำไปเท่านั้น

เวลานี้เขาเดินอยู่ในเมือง เปลี่ยนเป็นชุดนักพรตสีเทาแล้ว ก็ปรี่ไปยังกรมขนส่งที่ท่าเรือหนึ่งร้อยเจ็ดสิบหก

เรือเวทของเขาพังกระจุยไปหมดแล้ว จึงไม่รู้ว่าจะพักที่ใด นอกจากกลับไปยังถ้ำพำนักบนยอดเขาลำดับเจ็ด ไม่เช่นนั้นเขาก็ทำได้เพียงหาสถานที่เพื่อพักผ่อนอีกหลายวัน

กรมปราบพิฆาตเป็นตัวเลือกแรก แต่สวี่ชิงก็ตัดสินใจจะไปหาจางซานเพื่อหลอมเรือเวทก่อนไปกรมปราบพิฆาต

ไม่ได้กลับมาครึ่งปี สวี่ชิงที่เดินอยู่ในเมืองหลักเจ็ดเนตรโลหิต มองคนที่สัญจรไปมารอบๆ มองดูร้านรวงและแผงลอยที่คุ้นเคยเหล่านั้น ในใจก็สงบลงมามากอย่างหาได้ยากยิ่ง

และความห่างไกลของสนามรบ ก็ทำให้บรรยากาศสงครามในเจ็ดเนตรโลหิตไม่ชัดเจนนัก ดูแล้วไม่แตกต่างอะไรกับช่วงเวลาปกติ

มีเพียงท่าเรือที่สำนักใช้สำหรับการขนส่งและเทียบท่าในเชิงกลยุทธ์ทรัพยากรเป็นส่วนใหญ่

ถึงอย่างไรค่ายกลส่งข้ามก็สามารถส่งข้ามทรัพยากรได้ แต่สิ้นเปลืองเกินไป

และถึงแม้เรือสินค้าจะช้า แต่เมื่อมองจากสนามรบที่ลากยาวถึงครึ่งปีก็ยังถือว่าพอรับได้

ถึงอย่างไรสนามรบนี้ก็ไม่สามารถจบลงได้ในเวลาอันสั้น

บทที่ 193 นายกองทำทั้งหมด! 1

บทที่ 193 นายกองทำทั้งหมด! 2

Verify captcha to read the content.ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา