บทที่ 210 นกบินเข้ากรง
ในบ้านที่ถูกทิ้งร้างไม่มีเสียงร้องโหยหวนดังสะท้อนแล้ว รอบๆ เงียบสงัด
สวี่ชิงหลับตา สัมผัสถึงพลังรากฐานพิเศษกลุ่มนั้นที่วิหคทองดูดมา เพียงแต่ปริมาณน้อยเกินไป เขาไม่สามารถสำแดงมันออกมาได้ ทว่าใช้สำหรับบอกตำแหน่งก็เพียงพอแล้ว
‘เช่นนั้น…ฟื้นคืนชีพมันอีกครั้งจะต้องยิ่งตื่นกลัวอย่างแน่นอน แต่ระดับนี้ยังไม่พอ ต้องให้มันตายสิบกว่าครั้งขึ้นไป ถึงจะค่อยๆ เข้มข้นขึ้น’ สวี่ชิงลืมตา มองไปทางเงาของตัวเอง
ตอนนี้เงาของเขาแผ่ลามไปยังเลือดที่อยู่บนพื้น หลังจากแผ่ปกคลุมไปก็ลอยเอ่ออยู่ในซากร่างแห้งร่างนั้น หลังจากผ่านไปประมาณสามสี่อึดใจ เจ้าเงาก็กลับมา ในระลอกคลื่นอารมณ์ที่ส่งออกมาชี้นำไปยังอีกทิศทางหนึ่ง ขณะเดียวกันก็ส่งคำขอร้องออกมา
“จับ…ข้าเชี่ยว…ขังมา…”
การทารุณสังหารก่อนหน้านี้ ด้านหนึ่งคือความโทสะเคืองแค้นในใจของสวี่ชิง ด้านหนึ่งคือเพื่อให้วิหคทองดูดซับ และอีกด้านหนึ่งคือให้เวลาเจ้าเงาเพียงพอเพื่อไปกัดกินเงาของอีกฝ่าย ทำให้บอกพิกัดทิศทางของอีกฝ่ายได้แม่นยำขึ้นจากการนั้น
เช่นนี้เมื่อรวมกับพลังดั้งเดิมกลุ่มนั้นที่สวี่ชิงได้มา ในที่สุดเขาก็จะทำได้ถึงไม่ว่าอีกฝ่ายจะซ่อนตัวอยู่แห่งหนใด ตนก็สามารถหาเจอได้อย่างแม่นยำ
ตอนนี้สัมผัสได้ถึงการร้องขอของเจ้าเงา สวี่ชิงคิดๆ แล้วพยักหน้า
เจ้าเงาแผ่ระลอกคลื่นอารมณ์กู่ก้องยินดี เหมือนมันรู้สึกว่าแบบนี้สนุกมาก ตื่นเต้นมาก
สวี่ชิงสีหน้าสงบนิ่ง หมุนตัวหายไปในบ้าน อำพรางตัวตลอด เขารู้สึกอยู่เลาๆ ว่าสองวันนี้เหมือนมีคนตรวจสอบตน
ความรู้สึกนี้ยิ่งชัดเจนขึ้น สวี่ชิงไม่อยากถูกผืนอินทนิลจับตามอง ดังนั้นจึงอำพรางตัวยิ่งมิดชิดกว่าเดิม
หลังจากนั้นครึ่งชั่วยาม นอกประตูตะวันออกของเมืองหลวงผืนอินทนิล มีคนกลุ่มคนจำนวนมากเข้าแถว ออกจากเมืองอยู่เรื่อยๆ ในนั้นส่วนมากเป็นขบวนรถ ผู้บำเพ็ญก็มี
ในนั้นมีเด็กหนุ่มคนหนึ่ง เด็กหนุ่มคนนี้เสื้อผ้าอาภรณ์นับว่ามีราคา ไม่เหมือนประชาชนทั่วๆ ไป แต่ว่าก็ไม่มีสิทธิพิเศษออกนอกเมืองผ่านช่องทางพิเศษ ต้องรออยู่ในแถวนี้ นี่ก็สามารถมองออกได้ว่าสายเลือดของเขาไม่ได้สูงส่ง
ตอนนี้อยู่ในแถว เด็กหนุ่มสีหน้าซีดขาวเล็กน้อย ลมหายใจหอบถี่ ประเดี๋ยวๆ ก็สังเกตรอบๆ เขา…ก็คือผู้บำเพ็ญเผ่าพรางมารยาตนนั้น
สุดท้ายเขาก็ไม่ได้เลือกใช้ร่างที่อยู่นอกเมืองนั้นทันที เพราะหากใช้ เมื่อถูกไล่ตามสังหารไปไกล หลังจากที่เขาตายก็จะไม่สามารถกลับมายังเมืองหลวงได้
ความสามารถพรสวรรค์ของเขามีขอบเขตจำกัด
และสำหรับเขา สถานที่ที่มีชีวิตมากมายถึงจะเป็นสถานที่ที่แสดงพลังของตัวเขาได้มากที่สุด ดังนั้นเขาจึงไม่คิดจากไปง่ายๆ ในขณะเดียวกันหากร่างนั้นตาย อาการบาดเจ็บของเขาจะสาหัสกว่าร่างอื่นๆ มาก
ดังนั้นเขาจึงเตรียมใช้ร่างนี้ไปจากเมืองนี้หลอกๆ ล่อคนไล่สังหารลึกลับคนนั้นไป แล้วค่อยใช้วิธีลัดกลับมา อย่างไรเสียร่างนี้ตายก็ตายไป ไม่มีผลกระทบอะไรมาก
นอกจากนี้ถูกหาเจอติดๆ กันสามครั้งก็ทำให้เขารู้เป็นอย่างดีว่าอีกฝ่ายจะต้องมีวิธีไล่ตามหาตนอย่างแน่นอน วีธีนี้คืออะไรเขาก็ไม่รู้ และไม่สามารถป้องกันได้เช่นกัน
นี่ทำให้ความไม่เป็นสุขในใจเขายิ่งรุนแรงขึ้น โดยเฉพาะความตายครั้งนั้นก่อนหน้านี้ ความเหี้ยมโหดอำมหิตของอีกฝ่าย และประโยคสุดท้ายประโยคนั้นเหมือนลมยะเยือกพัดเข้ามาในใจเขาอยู่เนิ่นนานไม่สลายไป
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ครั้งนี้หลังจากที่เขาฟื้นคืนชีพก็มีความรู้สึกที่พูดไม่ออกบอกไม่ถูกอย่างหนึ่ง เหมือนในตัวเองมีอะไรที่สำคัญที่สุดบางอย่างหายไปเล็กน้อย
ความรู้สึกนี้ทำให้ในใจของเขาเกิดวิกฤตเป็นตายผุดขึ้นมาเป็นครั้งแรก
‘แปลกประหลาดนัก แต่ข้าก็ยังไม่เชื่อหรอกว่า ด้วยวิชาของข้าจะถูกจับเป้าหมายไปได้อย่างไร!’
ในขณะที่ในใจของเด็กหนุ่มเกิดระลอกคลื่น เขาก็ไม่ได้สังเกตว่าในเงาขององครักษ์ที่อยู่ห่างไปไม่ไกลมีดวงตาข้างหนึ่งปรากฏขึ้นกวาดสายตามองเขาแวบหนึ่ง
เสี้ยวขณะต่อมา ในตอนที่เด็กหนุ่มคนนี้เข้าแถวจะถึงประตูเมืองก็มียุงตัวหนึ่งบินมาอยู่ที่คอของเขาอย่างเงียบเชียบ ไม่ทันให้เด็กหนุ่มได้รู้ตัวก็เจาะไปที่เส้นเลือดบนคออย่างเต็มแรง
จากนั้นก็ส่งจิตเทพแผ่วเบามาที่ข้างหูเขา
“นายของข้าฝากทักทายเจ้า”
จากนั้นก็ระเบิดตัวเองทันที ทำให้แมลงสีดำตัวเล็กที่อยู่ในตัวมันไชไปในร่างของเด็กหนุ่มอย่างรวดเร็ว
เพียงพริบตา เด็กหนุ่มก็สั่นสะท้านไปทั้งร่าง ส่งเสียงโหยหวนน่าสังเวชออกมา จากความตื่นตระหนกของฝูงชนที่แตกฮือ ทั้งตัวเขาดิ้นทุรนทุรายบนพื้นไม่หยุด สุดท้ายร่างก็ส่งเสียงดังบึ้ม หลายเป็นรอยเลือดโปรยสาดไปทั่วพื้น
ชั่วขณะต่อมา องครักษ์ที่หน้าประตูเมืองคนหนึ่ง จู่ๆ ร่างก็สะท้านเฮือก หลังจากที่เปลือกตาปิดสนิทก็ลืมขึ้นมาอีกครั้ง เปลี่ยนคนแล้ว
เขาฉวยโอกาสช่วงวุ่นวายหันหลังคิดจะออกจากเมืองโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง แต่ชั่วขณะต่อมาร่างของเขาก็หยุดชะงัก แปรเปลี่ยนมาแข็งค้าง
ในดวงตาของเขาฉายความหวาดกลัวออกมา คิดอยากจะก้มหน้าแต่ก็ทำไม่ได้ ร่างเหมือนไม่อยู่ในการควบคุม ปากส่งเสียงหัวเราะอ่อนแรงที่ทำให้เขาขนลุกชัน
“อ่าฮ่า ข้าสร้างคุณงามความชอบได้ละ จับเจ้าได้แล้ว”
ระหว่างพูด ร่างขององครักษ์คนนี้ก็หันมาช้าๆ มุมปากยกขึ้นฉายรอยยิ้มออกมา หลังจากบอกกล่าวกับองครักษ์คนอื่นๆ ข้างกาย ก็เดินจากไปอย่างเบิกบาน
เดินมาตลอดทาง ดวงตาแต่ละดวงๆ จากในเงาขององครักษ์ทั้งหมดที่อยู่ในละแวกนั้น จากคนที่เข้าแถวอยู่ทุกคน ก็หายไปอย่างรวดเร็ว ผสานไปยังใต้เท้าของเขา
ทุกคนที่นี่…ถูกเจ้าเงาฝังดวงตาเอาไว้ เห็นได้ชัดว่ามันชำนาญในการเล่นซ่อนแอบที่สุด หลังจากที่มันหาผู้บำเพ็ญเผ่าพรางมารยาเจอแล้ว ก็ฝังตาไปยังทุกคนที่อยู่ในสายตาของอีกฝ่ายแถวๆ นั้น รอการมาเยือนของอีกฝ่าย
และผู้บำเพ็ญเผ่าพรางมารยาก็พลาดท่า เดินตามแผนเจ้าเงา
ตอนนี้ในดวงตาของเขาแฝงด้วยความตื่นกลัวอย่างรุนแรง เรื่องแบบนี้ชั่วชีวิตเขาไม่เคยพบเจอมาก่อนเลยจริงๆ ตอนนี้จิตใจสั่นสะท้าน จิตใจของทั้งคนแทบจะแหลกสลาย


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา