บทที่ 219 อักษรบรรพจารย์สยบผู้บำเพ็ญปราณก่อกำเนิด (2)
ความแข็งแกร่งของกลิ่นอายกลุ่มนี้ทำให้ท้องฟ้าแข็งค้างไปในทันที คลื่นทะเลก็สงบนิ่งไปในทันใด
พลังแข็งแกร่งทรงอำนาจที่สยบหมื่นเผ่า ทำลายท้องฟ้า ปะทุท่วมฟ้าออกมาจากผืนธง
เสียงไป๋ลี่หยุดชะงัก เสี้ยวขณะต่อมาการดิ้นรนอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนก็ปะทุออกมจากร่างของมัน เสียงของมันเปลี่ยนไปแล้ว เต็มไปด้วยความตื่นตกใจ ยิ่งมีความหวาดกลัวอยู่ลึกๆ
“ธงศึกเผ่ามนุษย์! ที่เล็กๆ แบบนี้มีของชิ้นนี้ได้อย่างไร!!”
เห็นได้ชัดว่ามันซ่อนตัวอยู่ในร่างของหัวหน้าเผ่าดาราสมุทรก็ไม่ได้รู้อะไรทุกอย่าง อย่างน้อยๆ มันก็ไม่รู้ว่าสำนักเจ็ดเนตรโลหิต…เคยใช้ธงศึกเผ่ามนุษย์ผืนนี้บนเกาะเผ่าเงือก!
ตอนนี้การปรากฏขึ้นของธงศึกเผ่ามนุษย์ทำให้ไป๋ลี่หวาดกลัวจนขวัญกระเจิดกระเจิง
มันดิ้นรนสุดกำลังคิดจะสะบัดหนี และในขุนเขายอดเขาลำดับหกที่สะกดมันไว้ ก็ดังสะเทือนเลื่อนลั่นสั่นคลอนภายใต้การดิ้นรนของมัน เริ่มมีสัญญาณว่าไม่อาจสะกดเอาไว้ได้อีก
นายท่านหกที่อยู่บนฟ้าดวงตาฉายประกายวาบ มือทั้งสองประสานปางมืออย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นธงศึกเผ่ามนุษย์โบกสะบัด แผ่ประกายแสงแสบตาระลอกแล้วระลอกเล่าไปที่ขุนเขา
แต่เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ใช่นายท่านเจ็ด พลังบำเพ็ญก็สู้ไม่ได้ ดังนั้นสำแดงธงศึกเผ่ามนุษย์ผืนนี้ก็ไม่อาจรวดเร็วและสุขุมได้แบบนายท่านเจ็ดในตอนนั้น
สำหรับนายท่านหก กระตุ้นพลังทั้งหมดของธงศึกเผ่ามนุษย์ เขาจำเป็นต้องใช้เวลา
เห็นเป็นเช่นนี้ สวี่ชิงสายตาฉายความเด็ดเดี่ยว ร่างไหววูบพุ่งออกไป นายกองทางนั้นก็หายใจหอบถี่ จ้องร่างที่อยู่ข้างใต้ยอดเขาหกของไป๋ลี่เขม็ง ความบ้าคลั่งในดวงตาพุ่งถึงขีดสูงสุด
“คุณสมบัติเทพ! เป็นคุณสมบัติเทพที่เข้มข้นและบริสุทธิ์ถึงปานนี้!! เป็นคุณสมบัติเทพที่ไม่มีไอพลังประหลาดใดๆ เจือปนในนั้น!!!” นายกองดวงตาแดงก่ำ
ทั้งสองรวดเร็วรี่พุ่งตรงไปที่ภูเขา และที่นี่เต็มไปด้วยเสียงคำรามและระลอกคลื่นพลังเทพภายใต้การดิ้นรนของไป๋ลี่ ระลอกคลื่นพลังเทพสำหรับผู้บำเพ็ญระดับต่ำแล้วแค่สัมผัสเพียงเล็กน้อยก็แตกดับได้
แต่สวี่ชิงทางนี้มีการคุ้มครองจากจี้ห้อยคอ ตอนนี้เกราะแสงรอบกายบิดเบี้ยวอย่างรุนแรง ฝืนต้านทาน ส่วนนายกองทางนั้นก็ยากลำบากเช่นกัน เดินออกมาก้าวหนึ่งก็กระอักเลือดออกมาคำหนึ่ง แต่รอบกายเขาก็มีโล่อันหนึ่ง ในขณะที่คุ้มกันเขาไว้ ความบ้าคลั่งในดวงตาก็เข้มข้นเป็นอย่างยิ่ง
สวี่ชิงจ้องไป๋ลี่ที่แบกภูเขาคิดจะหลบหนีอยู่ใต้ภูเขาที่ส่งเสียงครืนครานข้างหน้าโดยไม่สนใจนายกอง มือขวาก็พลันยกขึ้นมา แมลงสีดำมหาศาลก็พุ่งออกไปหามันอย่างเร็วรี่ทันที
แต่คุณสมบัติเทพในตัวไป๋ลี่แข็งแกร่งเกินไป ตอนนี้แมลงสีดำยังไม่ทันได้เข้าใกล้ก็แหลกสลายตายไปเป็นจำนวนมหาศาลแล้ว ในขณะเดียวกันทางไป๋ลี่ก็สังเกตเห็นสวี่ชิงและนายกองแล้ว แต่ตอนนี้มันไม่มีเวลาไปสนใจ ทั่วทั้งร่างปะทุท่ามกลางเสียงคำรามต่ำทุ้ม แบกภูเขาเอาไว้อีกครั้ง ยันเอาไว้อย่างสุดกำลัง
ภูเขาส่งเสียงดังสะท้านเลื่อนลั่นทันที ถูกเขาโยนออกไปหลายจั้ง อาศัยจังหวะนี้ร่างเพียงไหววูบคิดจะหลบหนี แต่ตอนนี้เอง ในดวงตาสวี่ชิงก็มีความเย็นเยือกปรากฏขึ้น มือขวาถือตัวอักษรของบรรพจารย์เอาไว้ แล้วขยำเต็มแรง
“จมูก!”
‘เพลิงลุกบนจมูก’ ในตัวอักษรสี่ตัวนี้ ตัวอักษรเพลิงก่อนหน้านี้ได้รางเลือนไปแล้ว ตอนนี้ตัวอักษร ‘จมูก’ บิดเบี้ยวทันที เพียงพริบตาก็ปรากฏเป็นจมูกมหึมาพุ่งปรี่ไปหาไป๋ลี่ทางนั้น
รวดเร็วรี่ ประดุจพายุสายอัสนี พุ่งผ่านระยะ ประชิดเข้ามาทันที
ในเสี้ยวพริบตาที่ไป๋ลี่หน้าเปลี่ยนสี จมูกนี้ก็ชนเข้าอย่างจัง เสียงดังกึกก้องสะท้อนไปทั่วฟ้า ไป๋ลี่กระอักเลือดออกมา ร่างสะเทือนถอยหลังไป พลาดโอกาสหนี ภูเขาข้างบนกดลงมาอีกครั้ง
เสียงครืนครันดังลั่น ไป๋ลี่ส่งเสียงคำรามโหยหวนออกมา ในขณะที่ต้านทานขุนเขาสุดกำลัง เปลวไฟสีฟ้าจากขุนเขาก็เผาไหม้หลอมมันอย่างบ้าคลั่ง
“มดปลวกเผ่ามนุษย์สมควรตาย!!” ไป๋ลี่กัดฟัน ดวงตาแดงก่ำ ในขณะที่ต้านทานสุดกำลัง ทางนายกองทางนั้นก็ฉวยโอกาสนี้พลันปะทุความเร็วขึ้น พุ่งตรงมาอย่างไม่กลัวตาย
แม้ในตอนที่ประชิดเข้ามา ร่างของเขาจะถูกกลิ่นอายของไป๋ลี่ส่งผลกระทบเกิดการกัดกิน แม้แต่ใบหน้าเองก็เช่นกัน แต่เขาไม่สนใจ ไม่สนค่าตอบแทนใดๆ หลังจากมาถึงก็กัดไปที่กิ่งก้านของมัน
เสียงกร๊อบดังขึ้น ไป๋ลี่ตัวสั่นสะท้าน ทางนายกองส่งเสียงร้องน่าสังเวช ร่างถอยหลังกลับมา ร่างกายท่อนล่างส่งเสียงระเบิดบึ้มแหลกสลาย แขนขวาก็แหลกละเอียดไปเช่นกัน ร่างกายครึ่งหนึ่งหายไปแล้ว ดวงตาก็หายไปข้างหนึ่งเช่นกัน ในขณะเดียวกับที่ลำไส้กระจายทั่วพื้น ปากและฟันก็แหลกเละไปเช่นกัน
แต่ในปากมีเนื้อชุ่มเลือดของไป๋ลี่ชิ้นหนึ่ง นายกองกลืนมันลงไป ใบหน้าเผยรอยยิ้มที่ทั้งบ้าคลั่งและพอใจออกมา
ไป๋ลี่เพลิงโทสะลุกไหม้ เงยหน้าคำราม แต่เขาถูกสะกดเอาไว้ไม่อาจต่อต้าน ทุกอย่างก่อนหน้านี้เป็นการทำร้ายภายนอก ล้วนแต่เป็นการปลดปล่อยจากสัญชาตญาณของตัวเอง ทว่าเปลวไฟรอบๆ บั่นทอนพลังของเขาอยู่ตลอด นี่ทำให้เขาคุ้มคลั่งไปแล้วโดยสมบูรณ์
ดวงตาของมันแดงก่ำ คุณสมบัติเทพทั้งร่างปะทุอีกครั้ง หลังจากที่ยันภูเขาที่อยู่บนร่างอีกครั้ง ร่างเพียงไหววูบก็แยกเป็นสองร่าง หนีไปอย่างรวดเร็วสองทาง คิดจะสลัดให้หลุดจากอาณาเขตของภูเขา
แต่เสี้ยวขณะต่อมา สวี่ชิงที่จ้องเขาเอาไว้ตั้งนานแล้วก็ลงมืออีกครั้ง ทันใดนั้นในตัวอักษรของบรรพจารย์ ตัวอักษร ‘บน’ จาก ‘เพลิงลุกบนจมูก’ ก็รางเลือน เกิดเป็นกำปั้นมหึมาพุ่งตรงไปหาไป๋ลี่อย่างรวดเร็ว
สวี่ชิงกำลังจะกระตุ้นตัวอักษรของบรรพจารย์ต่อ แต่เงาหมัดนั่นก็ไม่จำเป็นต้องแยกแยะ เหมือนสามารถจับเป้าหมายได้ มาถึงหน้าไป๋ลี่ตัวจริงได้ในทันที ท่ามกลางความสิ้นหวังและโกรธแค้นเดือดดาลของไป๋ลี่ หมัดหนึ่งซัดลงมา
ไป๋ลี่สั่นสะท้านบ้าคลั่งไปทั้งตัว เลือดสดๆ พุ่งออกมา ในขณะที่ร่างถอยหลัง ภูเขาที่มันยันเอาไว้ก็ทับลงมาเช่นเดิม
ตูม!
ไป๋ลี่ทั่วร่างสะท้านเฮือก ครั้งนี้ทนรับไม่ได้อีกต่อไป คุกเข่าลงมาทันที ในขณะเดียวกับที่ไฟสีฟ้าพุ่งมาอย่างบ้าคลั่ง ทำการกัดกินไม่หยุด นายกองทางนั้นก็ตาแดงก่ำ ใช้มือข้างเดียวยันพื้น พุ่งปรี่ตรงมา
ความเร็วกลับเร็วกว่าก่อนหน้านี้เล็กน้อยด้วยซ้ำ ประชิดไปหาไป๋ลี่ทางนั้น กำลังจะกัด แต่ไป๋ลี่พลันหันกลับมาคำรามใส่เขาอย่างเหี้ยมเกรียม
คลื่นเสียงโจมตี นายกองร้องโหยหวนชวนเวทนา เศษเสี้ยวร่างกายที่เหลือแหลกสลาย มือข้างนั้นหายไปแล้ว เหลือเพียงศีรษะที่มีเลือดเนื้อเหลืออยู่ไม่เท่าไรแล้ว ม้วนออกมาจากในนั้น ต่อให้เขาเป็นแบบนี้แต่ก็ยังไม่ตาย ในดวงตาแฝงด้วยความเจ็บใจไม่ยอมจำนน ตะโกนบอกสวี่ชิง
“โยนข้าไป โยนไป!!”
แทบจะในเสี้ยวพริบตาที่นายกองเอ่ยปาก ไป๋ลี่ก็บ้าคลั่งท่ามกลางวิกฤตอันตรายอีกครั้ง ร่างกายส่งเสียงระเบิดกึกก้อง ทำการระเบิดตัวเอง ระลอกคลื่นพลังที่เกิดขึ้นไม่ได้แผ่ไปรอบๆ แต่รวมตัวโจมตีไปยังภูเขาที่อยู่ข้างบน
ในการโจมตีนี้ ในร่างที่ระเบิดตัวเองก็มีหนอนไหมเหล็กตัวหนึ่งพุ่งออกมา อาศัยเสี้ยวพริบตาที่ขุนเขาถูกยันขึ้น ก็ห้อตะบึงหนี

ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา