บทที่ 226 ถนนโบราณเสวียนโยว
การมาเยือนของจอมคนบูรพาสงัด สวี่ชิงรู้ได้ในทันที
แม้อีกฝ่ายจะไม่ได้ขึ้นมาจากท่าเรือที่หนึ่งร้อยเจ็ดสิบหก แต่ตอนนี้กรมปราบพิฆาตทั้งสำนักเจ็ดเนตรโลหิตล้วนค้นหาไล่ล่าตัวกลุ่มนกเขาราตรีตามคำสั่งของสวี่ชิง เขาย่อมรู้ข่าวคราวต่างๆ เป็นอย่างดี
และเรื่องไล่ล่าจับกลุ่มนกเขาราตรีเรื่องนี้ก็ลดความตึงเครียดระหว่างสวี่ชิงกับกรมปราบพิฆาตอีกหกยอดเขาลำดับเหลือเนื่องจากความขัดแย้งข้ามเขตเมื่อก่อนหน้านี้
อย่างไรเสีย เรื่องการไล่ล่าจับกุมไม่ว่าจะเป็นคุณงามความชอบหรือผลประโยชน์ล้วนมหาศาลนัก โดยเฉพาะเรื่องกลุ่มนกเขาราตรี ทุกครั้งที่จับได้คนหนึ่งก็ได้หินวิญญาณเป็นจำนวนที่ไม่น้อยเลย
นี่ก็เป็นเหตุผลที่สำคัญที่สุดว่าทำไมเจ้ากรมปราบพิฆาตหกกรมที่เหลือถึงได้ยอมฟังคำสั่งการของสวี่ชิง
ไม่เช่นนั้นแล้ว อยากจะให้เจ้ากรมอีกหกยอดเขาเชื่อฟังคำสั่งสวี่ชิง ต่อให้กำลังรบและชื่อเสียงของสวี่ชิงมากมาย ทว่าพวกเขาก็ยังคงไม่ไว้หน้าก็ได้
ในเมื่อโลกนี้ไม่มีใครติดค้างใครทั้งนั้น
ต่อให้สวี่ชิงมีรายชื่ออยู่ในอันดับ แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีผู้บำเพ็ญที่มีรายชื่ออยู่ในอันดับจู่ๆ ก็ตายไปอย่างน่าแปลกประหลาด ทุกคนต่างก็เป็นคนที่ดิ้นรนออกมาจากทะเลเลือดกันทั้งนั้น ทั้งยังดำรงตำแหน่งเจ้ากรม ไม่ขาดสติปัญญา วิธียิ่งมีเยอะแยะมากมาย
ทว่าเมื่ออยู่ต่อหน้าผลประโยชน์ก็ต่างเป็นสหายที่ดีต่อกัน ดังนั้นแลกเปลี่ยนข่าวสารก็เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล
สวี่ชิงหลังจากได้ยินข่าวนี้ก็ระมัดระวังเป็นอย่างมาก แต่ว่าในใจเขาก็วิเคราะห์เรื่องนี้เช่นกัน ดังนั้นแม้จะระมัดระวัง แต่ก็ไม่มากพอที่จะส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวันของเขา
ในขณะเดียวกันนี้ เสี่ยเลี่ยนจื่อก็เชิญจอมคนบูรพาสงัดมายังยอดเขาลำดับสี่ท่ามกลางการระมัดระวังของสวี่ชิง
เสี่ยเลี่ยนจื่อมาจากยอดเขาลำดับสี่ ดังนั้นสถานที่พักอาศัยของเขาโดยปกติแล้วอยู่ที่ยอดเขาลำดับสี่ หลังจากไล่คนรอบๆ ตัวไปแล้ว คนทั้งสองที่พลังบำเพ็ญถึงขั้นผู้วิเศษก็พูดคุยธุระกัน
หลังจากคุยจบแล้ว จอมคนบูรพาสงัดก็พูดขึ้นมาว่า
“ได้ยินว่าหลานสาวคนเล็กของข้าช่วงนี้อยู่ยอดเขาลำดับเจ็ด รู้จักสหายคนหนึ่งชื่อว่าสวี่ชิง เด็กคนนี้เหมือนจะไม่เลวเลย ข้ามอบของกำนัลให้เขาสักชิ้นก็แล้วกัน” ใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยย่นของจอมคนบูรพาสงัดเผยรอยยิ้มบางๆ ออกมา หยิบกล่องหยกใบหนึ่งยื่นไปให้เสี่ยเลี่ยนจื่อ
เสี่ยเลี่ยนจื่อหัวเราะฮ่าๆ แล้วก็ทำเป็นไม่รู้ พลังบำเพ็ญเมื่อมาถึงระดับอย่างพวกเขา วิธีการจัดการเรื่องราวบางอย่างก็เฉียบแหลมนัก ยกตัวอย่างเช่นเรื่องนี้ จอมคนบูรพาสงัดไม่ถามอะไรเลยแม้แต่น้อย แต่มอบของกำนัลให้ นี่ก็เป็นการบอกท่าทีของนางแล้ว
ส่วนเสี่ยเลี่ยนจื่อย่อมรู้ดี รับเอาไว้ท่ามกลางเสียงหัวเราะ และไม่เห็นเขาจะจัดการอย่างไร แต่ทั้งสองคนคุยกันไม่นานเท่าไร ข้างนอกก็มีเสียงพุ่งมาอย่างรวดเร็ว เหยียนเหยียนที่เพิ่งถูกปล่อยตัวก็พุ่งเข้ามา
บาดแผลเล็กน้อยของนางก่อนหน้านี้ หลังจากผ่านการรักษาในช่วงนี้ก็ฟื้นฟูเป็นปกติตั้งนานแล้ว อีกทั้งหน้าตาก็ไม่มีแววร้องขอความเป็นธรรมแม้แต่น้อย ตอนนี้เมื่อเห็นย่าของตัวเองนางยิ่งตาวาววาบ รีบก้าวไปกอดแขนของจอมคนบูรพสงัด เอ่ยออดอ้อน
“ท่านย่ามาได้อย่างไรเจ้าคะ”
จอมคนบูรพาสงัดสายตาจับจ้องที่ร่างของหลานสาว สำรวจเห็นว่าหลานสาวเป็นปกติดีทุกอย่าง กระนั้นแล้วจึงยิ้มออกมา แต่ในใจก็ยังปวดใจนิดๆ ที่อีกฝ่ายต้องได้รับความลำบากในช่วงหลายวันมานี้ ส่วนทางสวี่ชิงทางนั้นความจริงแล้วนางไม่พอใจอยู่นิดๆ ตอนนี้ยกมือลูบศีรษะของเหยียนเหยียน กำลังจะพูดอะไร
แต่เหยียนเหยียนกลับชิงพูดอย่างน่าตกใจออกมาก่อน
“ท่านย่า ข้าจะแต่งงานกับสวี่ชิง!”
จอมคนบูรพาสงัดอึ้งตะลึง นางรู้ถึงปัญหาของหลานสาวคนนี้ของตัวเอง และยิ่งรู้ ตอนนี้ได้ยินประโยคที่พูดออกมาอย่างกะทันหัน นางก็ยิ่งรู้สึกเหลือเชื่อเล็กน้อย
เสี่ยเลี่ยนจื่อก็อึ้งตะลึงไปเช่นกัน เรื่องนี้เกิดความคาดหมายของเขาจริงๆ เขาย่อมรู้ปัญหาของผู้เยาว์ของสหายเก่าแก่คนนี้ว่ามีปัญหานิดๆ แต่จะอย่างไรก็คิดไม่ถึงว่าถูกเจ้าหนูสวี่ชิงอัดไปรอบหนึ่ง จับขังไปสองสามเดือน เมื่อปล่อยออกมากลับพูดเช่นนี้ได้
“ข้ารู้สึกว่าบนโลกนี้มีเพียงเขาที่คู่ควรกับข้า ท่านย่า ข้าจะแต่งงานกับเขา ไม่ใช่เขาข้าไม่แต่ง!!” เหยียนเหยียนเขย่าแขนของจอมคนบูรพาสงัด สีหน้าฉายความจริงจังอย่างไม่เคยมีมาก่อน
“เหลวไหล อยู่ต่อหน้าผู้ใหญ่ ใช้ได้ที่ไหน!” เห็นเช่นนี้ จอมคนบูรพาสงัดดุเสียงต่ำ เหยียนเหยียนก้มหน้าลงอย่างน้อยเนื้อต่ำใจ
จอมคนบูรพาสงัดแม้จะทำเช่นนั้น แค่ความตกใจในใจรุนแรงมาก ดังนั้นแล้วจึงหันไปหาเสี่ยเลี่ยนจื่อ
“สหายเสวี่ยเลี่ยน ถ้ามีเวลาช่วยจัดวันให้ได้หรือไม่ ข้าอยากพบสวี่ชิงเด็กคนนั้นหน่อย”
เสี่ยเลี่ยนจื่อลังเล เขารู้สึกว่าเรื่องนี้แปลกๆ แต่หากผลักดันงานแต่งงานครั้งนี้ได้ ก็เหมือนว่าจะไม่เลวเลย ดังนั้นแล้วจึงหัวเราะ พยักหน้าตอบรับ แต่ก็ไม่ได้บอกเวลาที่แน่นอน
และเรื่องนี้ก็แพร่ไปทั่วสำนักได้อย่างไรไม่รู้ เพียงหนึ่งวันยอดเขาทั้งเจ็ดก็ต่างรู้เรื่องนี้ ติงเสวี่ยที่อยู่ในนั้นมีปฏิกริยารุนแรงสุด ทั้งคนเหมือนจะระเบิด
ส่วนเจ้าจงเหิงดีใจลิงโลด
นอกจากนั้น ในยอดเขาลำดับสอง ในถ้ำของกู้มู่ชิงลูกกลอนระเบิดไปหลายลูก
สวี่ชิงย่อมได้ยินข่าวเช่นกัน คิ้วขมวด เขารู้สึกว่าเรื่องนี้เหลวไหลไร้สาระนัก อีกทั้งเรื่องระหว่างชายหญิง เขารู้สึกว่าน่าจะเสียเวลาฝึกฝน อีกทั้งยังไม่มีประโยชน์ใดๆ
ตอนที่เขายังเด็กก็เคยได้ยินอาจารย์สอนหนังสือพูดถึงความหวั่นไหวระหว่างชายหญิงอะไรนั่น แต่จนตอนนี้เขาไม่เคยสัมผัสมันมาก่อน และไม่รู้ด้วยว่านั่นเป็นความรู้สึกอย่างไร
ถ้ำยาจกและฐานที่มั่นคนเก็บกวาดในความทรงจำส่วนมากล้วนเป็นคนที่อยู่คนเดียวเยอะ
“แปลกประหลาดเสียจริง” สวี่ชิงสีหน้าสงบนิ่ง ในใจไม่มีระลอกคลื่นอารมณ์ใดๆ
ในวันเวลาหลังจากนั้น เขาปฏิเสธการนัดเจอของเหยียนเหยียนไปหลายครั้ง
สำหรับสวี่ชิงที่จมอยู่ในการหล่อเลี้ยงกล่องปรารถนาและเรื่องของกลุ่มนกเขาราตรีแล้วเวลาล้ำค่ามาก เขาไม่อยากไปสนใจคนและเรื่องที่ไม่สำคัญ
นอกจากนี้ จากวันเวลาที่หมุนไป ภายใต้การทยอยมาของทูตท่าเรือสำนักเจ็ดเนตรโลหิตที่ประจำอยู่ต่างเผ่าของและพันธมิตรก็เปลี่ยนมาคึกคักมาก ในบรรดาคนที่มาเยือนนี้มีผู้บำเพ็ญแห่งแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์ที่ปรากฏตัวเป็นครั้งแรกด้วย!
ผู้บำเพ็ญแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์ที่มาคือหญิงสาวสวมชุดกระโปรงสีเขียวครามและผ้าคลุมหน้าโปร่งบางสามคน

ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา