บทที่ 277 ชายหนุ่มใต้หน้ากาก
ในที่สุดเมืองหลักเจ็ดเนตรโลหิตก็แล้วเสร็จ
แม้ประชากรจากการส่งข้ามหลายต่อหลายครั้งทั้งเมืองหลักจะยังไม่สู้ทวีปปักษาสวรรค์ทักษิณ แต่จำนวนของศิษย์หนึ่งร้อยสามสิบแปดสำนักของพันธมิตรก็มีอยู่มากมายมหาศาล พวกเขาย่อมรู้สึกสนใจเมืองใหม่อย่างมาก
ไม่ว่าจะเข้ามาทำการค้า เข้ามาจับจ่ายใช้สอย หรือเข้ามาที่นี่เพื่อสานสัมพันธ์ก็ตาม ล้วนทำให้เมืองหลักที่สร้างใหม่นี้ดูแล้วขวักไขว่จอแจ คึกคักเป็นอย่างมาก
ขณะเดียวกัน กรมต่างๆ ในเมืองหลักก็มีคนออกมาจัดระเบียบ หวงเหยียนยังคงทำเรื่องทดน้ำเช่นเคย
ศิษย์พี่หญิงสองที่เขารักก็มารับหน้าที่รองเจ้ากรมลาดตระเวนปราบปราม สิ่งนี้สอดคล้องกับนิสัยของศิษย์พี่หญิงสอง มีนางอยู่ก็ทำให้คนกริ่งเกรงได้ระดับหนึ่ง
นอกจากนี้ยังแต่งตั้งบางกรมให้ทำงานร่วมกับพันธมิตรอื่นๆ ด้วย
อย่างเช่นกรมการค้า
สิ่งที่จะตัดสินว่าแข็งแกร่งหรืออ่อนแอของขั้วอำนาจหนึ่ง นอกจากพวกระดับสูงและของวิเศษเวทต้องห้ามแล้ว ยังมีอีกหนึ่งปัจจัยที่สำคัญมากนั่นก็คือความมั่งคั่ง
ไม่ว่าจะสถานที่ใด ตราบที่ยังมีระบบสังคมก็ใช้หลักการนี้เหมือนกันหมด
ส่วนการจัดตั้งกรมการค้าก็ราบรื่นดี ผู้ที่รับผิดชอบเรื่องการค้าทั้งในและนอกของเจ็ดเนตรโลหิตทั้งหมด นายท่านเจ็ดเลือกศิษย์คนที่สามของเขามารับตำแหน่งรองเจ้ากรมของกรมนี้
ส่วนสวี่ชิงกับนายกอง นายท่านเจ็ดเองก็รู้ว่าพวกเขาสองคนมีความสัมพันธ์ที่ไม่เลว จึงจัดให้อยู่ด้วยกัน ส่งไปยังกรมที่สำคัญที่สุดกรมหนึ่งหลังจากเจ็ดเนตรโลหิตรวมเข้ากับพันธมิตร
กรมคุ้มครองพิเศษ
ชื่อนี้ผิดกับธรรมเนียมในทวีปปักษาสวรรค์ทักษิณอยู่บ้าง เปี่ยมไปด้วยกลิ่นอายพันธมิตร ชื่อเต็มของมันคือกรมความปลอดภัยและการคุ้มครองพิเศษ
กรมคุ้มครองพิเศษนี้ไม่ได้มีแค่ในเจ็ดเนตรโลหิตเท่านั้น แต่ในเจ็ดสำนักอื่นๆ ก็มีเช่นกัน รวมเป็นหนึ่งเดียว จำเป็นต้องได้รับการจัดสรรจากกรมหลัก ขอบเขตความรับผิดชอบกว้างขวางมากทั้งภายในและภายนอก เจ้ากรมใหญ่คือนายท่านหก
รองเจ้ากรมคนหนึ่งคือนายกอง อีกคนหนึ่งคือสวี่ชิง
ปกตินายท่านหกไม่สนใจ มอบอำนาจให้เบื้องล่างอย่างสวี่ชิงและนายกองรับผิดชอบอย่างหมดจด
ที่ตั้งของกรมนี้ สร้างในจุดที่อยู่ใกล้กับสะพานขนาดใหญ่ทั้งแปดของเมืองหลักเจ็ดเนตรโลหิต มองรวมๆ แล้วรูปร่างเหมือนสามเหลี่ยม ด้านในมีหอนับร้อยหอ ในทุกหอมีเรือนขนาดใหญ่อยู่อีกหนึ่งเรือน แยกตัวเป็นอิสระ แต่เป็นทั้งหมด
ขณะเดียวกันก็ยังแบ่งออกเป็นกรมย่อยเล็กๆ ด้วย มีศิษย์ยอดเขาต่างๆ ของเจ็ดเนตรโลหิตกว่าสามพันถูกจัดให้มารับงานนี้ มีกว่าครึ่งเคยเป็นสมาชิกกรมปราบพิฆาต เจ้าใบ้ก็เป็นหนึ่งในนี้ด้วย
สวี่ชิงที่ได้รับคำสั่งให้มารับตำแหน่งนี้ เมื่อนึกได้ว่าตนเองกับนายกองต้องอยู่กรมเดียวกัน ระหว่างทางจึงแวะแผงผลไม้ซื้อผิงกั่วมาจำนวนหนึ่ง
ตอนที่เดินผ่านกิจการบ่อน้ำที่เปิดใหม่แห่งหนึ่ง เขาก็พบกับคนที่รู้จักอีกคน
สวีเสี่ยวฮุ่ยนั่นเอง
เมื่อสังเกตเห็นสวี่ชิง สวีเสี่ยวฮุ่ยก็ทักทายอย่างดีใจ และยังส่งแผ่นหยกให้เขาชิ้นหนึ่งด้วย
“ศิษย์พี่สวี่ บ่อน้ำเซียนนี่ข้ากับเพื่อนรักเปิดเป็นอาชีพเสริม ถ้าเจ้าว่างก็แวะมาได้ พกตราหยกมาด้วย ไม่เก็บค่าใช้จ่าย”
สวี่ชิงพยักหน้า สายตาไปหยุดอยู่ที่หญิงสาวคนหนึ่งด้านหลังสวี่เสี่ยวฮุ่ย นั่นเป็นสายของเขา
เงินที่สวีเสี่ยวฮุ่ยนำมาเปิดร้าน สวี่ชิงให้สายของเขาเป็นคนออก
ในโลกนี้ สวี่ชิงรู้สึกว่าคนที่รู้จักบุญคุณต้องทดแทนมีอยู่ไม่มาก แม้สวีเสี่ยวฮุ่ยคุณสมบัติการฝึกบำเพ็ญยังไม่เพียงพอ แต่ด้านศีลธรรมถือว่าโดดเด่น เขารู้สึกว่าทำเท่าที่ทำได้ ช่วยเท่าที่ช่วยได้
หลังจากรับแผ่นหยก สวี่ชิงก็จากไป และเดินทางมาถึงประตูใหญ่กรมคุ้มครองพิเศษ
“คารวะเจ้ากรม!”
สมาชิกกรมคุ้มครองพิเศษที่ประตู คารวะอย่างนอบน้อม แววตาบ้าคลั่ง พวกเขาล้วนเคยเป็นสมาชิกของกรมปราบพิฆาต
สวี่ชิงพยักหน้า เดินเข้าไปในกรมคุ้มครองพิเศษ ตลอดทางส่วนใหญ่จะเจอกับคนคุ้นเคย กระทั่งเขายังเห็นติงเซียวไห่ด้วย
ติงเซียวไห่ที่ในอดีตมุ่งมั่นแต่จะเป็นศิษย์หลัก ได้เป็นอย่างราบรื่นหลังจากเสร็จเรื่องที่เกาะเงือก และทะยานสู่ระดับสร้างฐานได้คนนี้ จังหวะที่เห็นสวี่ชิงก็เผยความซับซ้อนยากจะพรรณนาออกมา
เขามองสวี่ชิง ก้มหน้าลงต่ำ คารวะอย่างนอบน้อม
“คารวะท่านเจ้ากรม”
สวี่ชิงมองติงเซียวไห่ คุณสมบัติอีกฝ่ายไม่ธรรมดาจริงๆ เวลานี้มีไฟชีวิตหนึ่งดวงแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นยังเปิดช่องเวทไปถึงสี่สิบช่องแล้วด้วย ช่วงหลายปีทำมาได้ถึงจุดนี้ ถือว่าไม่ง่ายเลย
แต่สวี่ชิงไม่ชอบเขา เห็นคนผู้นี้ สวี่ชิงจะนึกถึงโจวชิงเผิงขึ้นมา ทว่าทุกคนล้วนมีวิถีชีวิตของตนเอง จึงถอนสายตากลับมา เดินจากไป
ติงเซียวไห่เงียบนิ่ง มองสวี่ชิงที่เดินไป ถอนใจออกมา เขารู้เรื่องโจวชิงเผิง แต่คิดว่าตนเองไม่ได้ทำอะไรผิด
อยู่ในโลกาวินาศ สิ่งแรกทุกๆ คนที่ต้องพิจารณา ย่อมต้องเป็นตัวเอง
สวี่ชิงเดินมาถึงใจกลางกรมคุ้มครองพิเศษ เห็นนายกองอยู่นั่น
นายกองกำลังอ่านเอกสารทางการไม่หยุด ประเดี๋ยวก็ออกคำสั่ง จัดการแบ่งกลุ่มในกรมพิเศษ จัดการเรื่องต่างๆ ท่าทางกำลังวุ่นวาย
เห็นฉากนี้ อันที่จริงสวี่ชิงรู้สึกว่านายกองก็ดูเหมาะกับงานพวกนี้อยู่เหมือนกัน จึงนำเอาผิงกั่วที่ซื้อมาระหว่างทาง วางไว้บนโต๊ะนายกอง จากนั้นก็นั่งลงข้างๆ หลับตาฝึกบำเพ็ญอย่างสงบใจ
ผ่านไปครู่หนึ่ง นายกองเงยหน้าขึ้น หยิบผิงกั่วไปกิน กวาดตามองสวี่ชิงที่กำลังฝึกบำเพ็ญก็รู้สึกไม่เป็นสุข เตรียมจะเอาพวกงานที่จัดการยากที่สุดให้สวี่ชิงไปทำ จึงกระแอมไอ
“รองเจ้ากรมสวี่!”
สวี่ชิงลืมตา
“ศิษย์พี่ใหญ่ เอาผิงกั่วอีกหรือไม่” สวี่ชิงพูดพลางล้วงออกมาอีกสองลูก วางไว้บนโต๊ะ
นายกองมองผิงกั่ว จากนั้นก็มองสวี่ชิง สีหน้าเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมขึ้นมา
“เลิกใช้ไม้นี้ได้แล้ว อาชิงน้อยเจ้าชักนิสัยเสียแล้วนะ!”
สวี่ชิงครุ่นคิด จากนั้นก็ล้วงแผ่นหยกอีกชิ้นวางไว้บนโต๊ะ
“นี่อะไร” นายกองประหลาดใจ
“ระหว่างทางที่มา เห็นว่าข้างๆ มีกิจการบ่อน้ำมาเปิด ข้าคิดว่าศิษย์พี่ใหญ่น่าจะชอบไป จึงจัดหาแผ่นหยกที่จะได้ส่วนลดสองส่วนมาให้” สวี่ชิงมองตาของนายกอง เอ่ยอย่างจริงจัง
นายกองได้ยินก็แย้มยิ้ม อารมณ์ขุ่นเคืองก่อนหน้าหายไปในพริบตา
สบายใจขึ้นมาก
แม้เขาจะรู้สึกว่าสวี่ชิงเริ่มนิสัยเสียแล้ว แต่ก็ยังถือว่ารู้ความ รู้จักเอาอกเอาใจศิษย์พี่ จึงคิดว่าตนจะใจแคบไม่ได้ เอาเป็นว่าจะไม่ส่งเรื่องที่จัดการยากที่สุดให้ศิษย์น้องของตนเองไปทำก็แล้วกัน
“ช่างเถอะ ตาเฒ่าจัดให้กรมคุ้มครองพิเศษมีงานเยอะเหลือเกิน เดิมทีข้าจะให้เจ้าไปจัดการความขัดแย้งของพันธมิตรกับสำนักอื่นๆ แต่ด้วยนิสัยของเจ้าคงขี้เกียจขยับปาก เดี๋ยวจะกลายเป็นลานสังหารไปเสีย ข้าไปจัดการเองดีกว่า

ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา