บทที่ 333 วัวเคี้ยวโบตั๋น
ขณะที่เสียงสวี่ชิงดังออกไป นายกองก็หันหน้ามา เห็นอาภรณ์วิเศษเปล่งแสงอยู่หลายชุดแขวนอยู่บนราวที่ห่างออกไป ตาก็ตั้งขึ้นมาทันควัน
อาภรณ์วิเศษนับสิบชุดแขวนไว้อย่างเป็นระเบียบ เนื้อผ้าเรียบลื่นประณีตมาก ไม่มีรอยยับเลยแม้แต่น้อย ยิ่งไปกว่านั้นพวกมันยังเว้นช่องว่างไว้ระหว่างกันอีกด้วย
เห็นถึงรายละเอียด จะเห็นว่าเจ้าของรักชุดเหล่านี้มาก
อาภรณ์วิเศษเหล่านี้มีชุดกระโปรงเป็นหลัก ในนี้มีชุดหนึ่งเป็นกระโปรงผ้าโปร่งสีเขียวมรกต หลอมหยกเซียนจนกลายเป็นเส้นใย ปักดิ้นเป็นดอกโบตั๋น เสริมขอบด้วยทองเซียน ขณะที่ปักวนคดเคี้ยว ที่ชายเสื้อก็ราวกับมีเซียนวารีสีชมพูโปรยดอกไม้อยู่ งามจับตา
โดยเฉพาะ ข้างๆ ยังมีผ้าเรียบลื่นสีเขียวมรกตตัดขอบทองอยู่ จินตนาการได้เลยว่าต่อให้เป็นหญิงสาวทั่วไปมาสวมใส่คงจะสวยเด่นเป็นสง่า ขับความงามขึ้นอีกโข
ยังมีชุดกระโปรงสีเขียวมรกตชาววัง ลายเงาผีเสื้อสีน้ำเงินแกมม่วง ยิ่งมีภาพมายาฉายออกเป็นระยะ โบยบินราวกับมีชีวิต
ด้านล่างเป็นกระโปรงจีบหญ้าหมอกขจีวารีบุปผากำจาย ดูแล้วงดงามไม่ธรรมดา มีประกายแสงไหลเวียน และเนื้อผ้าด้านบนก็ตัดเย็บเป็นชุดแนบเนื้อ จะต้องเป็นเกราะวิเศษที่น่าตกตะลึงแน่นอน
ยังมีชุดคลุมสีขาวเรียบๆ อีกตัวหนึ่ง ใช้เส้นใยจากต้นไม้ประหลาดปักกิ่งก้านที่แปลกแต่ทรงพลังไว้ปักบนเนื้อผ้า ใช้เส้นใยพืชประหลาดถักทอเป็นดอกเหมยเบ่งบานหลายดอก ขณะที่แผ่พลังวิญญาณแผ่วเบาออกมา ก็ยังมีเงาของอสูรกลายพันธุ์ฉายเป็นภาพมายาอยู่ด้านนอกชุดรางๆ
มากมายเต็มไปหมด อาภรณ์วิเศษหลายสิบชุดนี้ไม่เหมือนกันเลย วัสดุไม่ธรรมดาทุกชุด ขณะที่มูลค่าไม่ธรรมดา ดอกไม้ไข่มุกบนนั้นก็แผ่กลิ่นอายที่ทำให้พลังบำเพ็ญของคนไหลเวียนอย่างรวดเร็ว
สิ่งเหล่านี้ ไม่เพียงแต่นายกองที่ตาตั้ง อันที่จริงดวงตาของเหยียนเหยียนที่อยู่ข้างๆ ก็จ้องอาภรณ์วิเศษเหล่านั้นนานแล้ว
เพียงแต่นายกองมองด้วยสายตาตีมูลค่ากินบ้างขายบ้าง แต่เหยียนเหยียนสั่นไหวเพราะความงดงามบริสุทธิ์ของพวกมัน
“คุ้มแล้ว!” นายกองกลืนน้ำลายเอื๊อก พุ่งตรงไปยังอาภรณ์วิเศษทันที ปลดลงมาชุดหนึ่งทันควัน คิดจะเก็บเข้าไปในถุงเก็บของ แต่ไม่สามารถเก็บเข้าไปได้
อาภรณ์วิเศษเหล่านี้แต่เดิมก็แปลกประหลาดมาก มีความพิเศษที่ไม่ธรรมดาอยู่ ยากจะเก็บใส่เข้าไปในถุงเก็บของ
“ข้าเดาได้นานแล้วว่าจะเป็นเช่นนี้ อาชิงน้อย เรื่องที่สำนักโลกันต์ทมิฬเดี๋ยวกลับไปแล้วเจ้าต้องช่วยข้าจัดการหน่อย ครั้งนี้เพื่อการใหญ่ของพวกเรา ข้าจึงเข้าไปเอาเขี้ยวชิ้นนั้นมา”
นายกองพูดพลางโบกมือซ้าย ฉับพลันเบื้องหน้าเขาก็ปรากฏเขี้ยวใหญ่แหลมคมสูงขนาดตัวคนออกมา!
บริเวณหนึ่งในเขี้ยวใหญ่นี้มีสีทองซึมเข้าไปจนถึงด้านในตัวฟัน เมื่อปรากฏเวลานี้ก็มีคลื่นน่าตกตะลึงแผ่ซ่านออกมา หลังจากสวี่ชิงเหลือบมอง ก็จำเขี้ยวชิ้นนี้ได้ทันที เขี้ยวของอสรพิษปีศาจนั่นเอง
เหยียนเหยียนไม่เคยเห็นอสรพิษปีศาจ หลังจากเห็นเขี้ยวนี้ก็สูดปาก สัมผัสได้ว่าเขี้ยวนี้ไม่ธรรมดา
นายกองมีเขี้ยวอยู่ในมือก็หยิ่งทะนง
เขากอดเขี้ยว กรีดลงไป บนเสื้อผ้าชุดนี้หนักๆ ขณะที่เหยียนเหยียนกำลังปวดใจ เสียงแควกดังขึ้น นายกองกระชากชุดกระโปรงผ้าโปร่งสีเขียวมรกตสวยงามตัวนั้นจนขาด
แสงวิเศษก็หม่นลงจากการฉีกขาด เสื้อผ้าดีๆ ตัวหนึ่งเกิดรอยขาดที่น่ากลัวขึ้นเป็นทาง
ส่วนนายกองก็เหมือนจะเสพสุขกับเสียงนี้ กรีดไปกรีดมาอย่างรวดเร็ว และ อาภรณ์วิเศษชุดนี้…ก็กลายเป็นเศษผ้าท่ามกลางเสียงแควกไปแล้ว
แต่ไม่ส่งผลกระทบกับเครื่องประดับด้านบนรวมถึงมูลค่าของเนื้อผ้าแต่เดิมเหล่านั้นของมัน
เห็นว่าฟันนี้ได้ผล นายกองก็ยิ่งฮึกเหิม
“ตอนที่เห็นเสื้อผ้าของเหล่ายายแก่เทพวิญญาณโยวจิง ข้าก็คิดแล้วว่าหากวันหนึ่งพบกับเสื้อผ้าพวกนี้จะฉีกขาดมันอย่างไร เห็นหรือไม่ พอมีของสิ่งนี้ จากนี้จะมีสมบัติอะไรอีกที่เฉินเอ้อหนิวอย่างข้าฉีกไม่ขาด” นายกองเงยหน้าหัวเราะร่า
“ต่อให้ถูกสำนักโลกันต์ทมิฬถลกหน้า ข้าก็ยอม”
สวี่ชิงกระพริบตาปริบๆ แสดงอารมณ์ออกมาอย่างเหมาะสม
นายกองพอเห็นภาพนี้ ในใจก็ยิ่งเป็นสุข สวี่ชิงถือโอกาสรีบสาวเท้าเข้าใกล้ คว้าจับเสื้อผ้าที่ขาดวิ่นของนายกอง ยัดเข้าไปในถุงเก็บของได้สำเร็จ ทั้งสองคนไม่จำเป็นต้องพูดจา ก็แบ่งงานกันชัดเจนแล้ว
สวี่ชิงรับผิดชอบหยิบเสื้อผ้า จัดการกางมันออก เผยส่วนที่มีมูลค่าให้เห็น และนายกองก็แค่กอดเขี้ยวเอามากรีดแค่นั้น
ไม่นาน เสียงฉีกขาดแควกก็ดังขึ้นไม่หยุด เหยียนเหยียนที่อยู่ข้างๆ ก็ปวดใจเหลือเกิน แม้จะไม่ใช่ของนาง แต่นางก็จินตนาการได้ว่าถ้าเทพวิญญาณโยวจิงรู้เรื่องนี้เข้าจะโกรธเคืองคลั่งแค้นเพียงใด
ตอนนี้เมื่อมองพวกสวี่ชิงที่กำลังลงแรงสุดกำลัง นางก็พึมพำเสียงเบาขึ้นมา
“เทพวิญญาณโยวจิงนั่นก็เหลือเกิน ไม่ควรมาวางของล่อโจรแบบนี้ พวกเขาโหยหาจับจ้องไปหมดแล้ว เรื่องนี้ เกรงว่าเมื่อนางพบเข้าคงจะควันพุ่งออกจากทวารทั้งเจ็ดแน่…ฉีกทึ้งเสื้อผ้าของหญิงสาว พวกเขาชั่วร้ายเหลือเกิน!”
นายกองได้ยินก็หัวเราะเยาะ
“แค่นี้จะนับเป็นอะไร อาจารย์ของข้ากับอาชิงน้อยก็เป็นตาแก่เหมือนกัน เขาต่างหากที่ชั่วร้าย ครั้งนั้นตาแก่ยังหนุ่มยังแน่น ข้าเห็นอาจารย์แม่ทะเลาะเขามากับตา อาจารย์แม่ทำลายพวกแผ่นหยกโบราณที่อาจารย์รักมากทิ้งด้วยความโกรธ”
นายกองกอดเขี้ยว กรีดอาภรณ์วิเศษตรงหน้าต่อ จากนั้นก็เอ่ยว่า
“ต่อมาอาจารย์ก็ล้วงกรรไกรเล่มหนึ่งออกมาอย่างอารมณ์ดี หยิบเสื้อผ้าที่อาจารย์แม่รักมากออกมา จากนั้นก็ตัดทิ้งต่อหน้าต่อตานางเลย!
“ตอนนั้นอาจารย์แม่เห็นฉากนี้ก็ตกตะลึง จากนั้นก็ระเบิดความโกรธออกมา เพราะเรื่องนี้ พวกเขาทั้งสองคนก็ไม่พบหน้ากันถึงสามปี”
สวี่ชิงมองนายกองผาดหนึ่ง ไม่พูดอะไร เขาสังเกตเห็นจุดสำคัญไม่กี่คำที่นายกองพูดว่าครั้งนั้นที่ตาแก่ยังหนุ่มยังแน่น
ท่านอาจารย์ตอนนี้อายุอานามก็ไม่น้อยแล้วนะ
จากจุดนี้ก็มองออกว่านายกองน่าจะฝึกบำเพ็ญซ้ำมาแล้วไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง
และสิ่งที่เหยียนเหยียนให้ความสนใจคือความรู้สึกเกี่ยวกับเรื่องนี้ ถึงอย่างไรผู้ชายจะทำอะไรก็ตรรกะต้องมาก่อน ส่วนผู้หญิงจะทำอะไรก็จะให้ความสำคัญที่ความรู้สึกก่อน
นางจึงเข้าใจได้ง่าย รู้สึกถึงความคุ้มคลั่งในจิตใจของอาจารย์แม่สวี่ชิงเมื่อครั้งนั้น

ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา