บทที่ 345 ทัณฑ์สวรรค์ล่อวัว
สวี่ชิงพึงพอใจกับการยกระดับของเจ้าเงามาก
วิชาลับที่ผสานร่างกับตนเองแล้วเปลี่ยนแปรคือสิ่งที่ทำให้เขาตกตะลึง
เดิมสามารถมองเป็นท่าไม้ตายได้ แตกต่างแต่ได้ผลแบบเดียวกันกับวิชาลับที่หญิงสาวชุดแดงสำแดงออกมาครั้งนั้น
เพียงแต่ของหญิงสาวชุดแดงคือการอัญเชิญวิญญาณสงครามมาประทับร่าง แต่ของสวี่ชิงคือแปรร่างกายตนเองกลายเป็นร่างฝึกบำเพ็ญกายาบริสุทธิ์
‘ตอนนี้ตะเกียงแห่งชีวิตกับพิษในตัวข้าไม่ได้เป็นความลับอะไรแล้ว ดังนั้นตอนนี้ความลับสำคัญลำดับแรกก็คือตัวตนของเจ้าเงา และอาวุธของหญิงสาวชุดแดงก็เป็นรากฐานให้ข้าด้วยเช่นกัน
‘ถ้าหากในอนาคตเจ้าเงาถูกเปิดโปง ข้าคงต้องใช้วิธีนี้มาปิดบังไว้ เช่นนี้ก็จะไม่สะดุดตาใคร
‘และความลับลำดับสอง ก็คือวิชาใต้ยมโลกรวมถึงวิชาลับนี้ของเจ้าเงา อย่างแรกไม่เท่าไร แต่ฝอย่างหลังคงต้องคิดคำร่ายบางอย่างตอนที่ต่อสู้ เช่นนี้ก็สามารถเก็บงำไว้ได้แล้ว และบางทีในอนาคตก็อาจจะมีสิ่งที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้นก็เป็นได้
‘ความลับสำคัญลำดับสาม ก็คือวิชาสร้างไอพลังประหลาดที่ข้ามีทั้งหมด
‘และความลับสำคัญสุดท้ายลำดับสี่ ก็ยังคงเป็นผลึกวารีสีม่วง’
สวี่ชิงเรียบเรียงความคิด หลังจากสงบมากขึ้น ก็กวาดสายตาไปยังเจ้าเงาที่สร้างโลงศพ
“ไม่รู้ว่าการยกระดับครั้งหน้า เจ้าเงาจะเปลี่ยนเป็นอะไรอีก”
การสร้างรูปร่างครั้งนี้ของเจ้าเงา สวี่ชิงเห็นว่าจะต้องมีจุดที่แปลกประหลาดยิ่งกว่านี้แน่ เพียงแต่ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาซักไซ้ ถึงอย่างไรเล่าเรื่องราวต่างๆ ของเจ้าเงาเองก็ยังไม่ชัดเจนนัก
ตอนนี้ สวี่ชิงนึกบรรพจารย์สำนักวัชระ จึงมองไป
เวลานี้บรรพจารย์สำนักวัชระดูน่าเวทนามาก
ร่างกายของเขาสั่นเทิ้ม มีสายฟ้าอัสนีนับไม่ถ้วนแล่นแปลบปลาบต่อเนื่องทั่วร่างที่คอยแล่นเข้าๆ ออกๆ ในร่างกายเป็นระยะ ทำให้บรรพจารย์สำนักวัชระทนไม่ไหวจนกรีดร้องออกมาเป็นบางครั้ง
แต่สิ่งที่บรรพจารย์ต้องการก็คือเกียรติยศ
ขณะที่เจ็บปวดอย่างยิ่ง เขาเห็นสายตาท้าทายของเจ้าเงา เห็นสายตาคาดหวังของสวี่ชิง สิ่งเหล่านี้ทำให้ดวงตาบรรพจารย์เผยแววคุ้มคลั่งขึ้นทันที
ตอนนี้เขาเป็นกายวิญญาณอัสนี เดิมทียังต้องใช้เวลาชุบเลี้ยงอีกสักพักจึงจะสามารถควบรวมทัณฑ์สวรรค์จิตแปรวิญญาณออกมาได้ และเข้ารับการทดสอบชำระล้างจากการแบกรับทัณฑ์สวรรค์
แต่ตอนนี้เขาจะสนเรื่องพวกนั้นไม่ได้แล้ว จึงใช้การกลืนกินกระจกวิญญาณศัสตราแลกกับการพุ่งทะยานฉับพลัน ควบคุมพลังอัสนีทั้งหมด แหงนหน้าคำรามกราดเกรี้ยว สองมือประกบปางมือ ชี้นิ้วขึ้นเบื้องบน
“ทัณฑ์จงมา!”
พริบตาต่อมา สายอัสนีนับไม่ถ้วนก็ปะทุขึ้นมาจากตัวบรรพจารย์สำนักวัชระ ก่อเป็นแสงเจิดจ้าแยงตา พุ่งขึ้นสู่ดินโคลนเบื้องบน
สายอัสนีแล่นทะลวงดินโคลน ก่อตัวขึ้นเป็นสายฟ้าคดเคี้ยวนับไม่ถ้วนในหุบเขาด้านนอก สุดท้ายรวมกันเป็นอัสนีทอดยาวพุ่งทะยานสู่ท้องฟ้า
เมฆดำบนท้องฟ้าส่งเสียงครืนครันตีเกลียวม้วนอย่างรุนแรงด้วยถูกสายอัสนีทอดยาวที่ก่อตัวขึ้นทะลุทะลวง เสียงสายฟ้าครืนครันลั่นฟ้าสะเทือนดิน ฉับพลันเมฆหมอกเบื้องบนก็ฟุ้งกระจาย
จากเสียงครืนครันที่กึกก้อง สายอัสนีสีแดงหลายสายแล่นไปตามเมฆหมอก และรวมตัวกันอย่างรวดเร็ว ก่อตัวเป็นสายฟ้าสีแดงสายหนึ่ง
ราวกับพร้อมด้วยเจตจำนงที่ยิ่งใหญ่ ฟาดผ่าลงมาฉับพลัน
มุ่งสู่แผ่นดินใหญ่ มุ่งสู่หุบเขา มุ่งสู่ถ้ำใต้ดินส่วนลึกมาฉับพลัน
ขณะเดียวกันในแดนต้องห้ามกระบี่ ในป่าที่ห่างจากจุดที่พวกสวี่ชิงกำลังทะลวงขั้น นายกองกำลังหลบหนีอย่างบ้าคลั่งด้วยความเร็วที่น่าตกตะลึง ทุกจุดที่แล่นผ่านล้วนแผ่ซ่านไอเย็น จนทำให้ด้านหลังทั้งหมดถูกผนึกเป็นน้ำแข็ง
สีหน้าของเขาแดงเรื่อ ดวงตาเผยประกาย ส่งเสียงหัวเราะพิกลออกมา ในมือถือผลไม้สีแดงผลหนึ่ง หัวเราะพลางกัดไปคำใหญ่
“ของดีๆ ผลไม้ศักดิ์สิทธิ์ที่เกิดขึ้นท่ามกลางไอพลังประหลาดและความชั่วร้ายขีดสุด เจ้าสิ่งนี้เติบโตขึ้นมาอย่างยากลำบาก จะต้องไม่ธรรมดาอยู่แล้ว เมื่อครู่ข้าได้กลิ่นมาแต่ไกลเลย ฮ่าๆๆ….ให้ตาย!”
ขณะที่กำลังหัวเราะ จู่ๆ ด้านหลังเขาก็มีแสงสลัว กวาดมาจากด้านหลังตัวเขาในพริบตาราวดาบคม ต้นไม้ที่สัมผัสกับมันล้วนหักโค่นลงในพริบตา
เมื่อเข้าประชิด เห็นว่ากำลังจะตัดลำตัวของนายกอง แต่ร่างกายแปลกประหลาดของเขาก็บิดหนีอย่างรวดเร็ว แต่ก็ยังตัดเส้นผมบางส่วนของเขาได้
นายกองสูดลมหายใจ โยนผลไม้เข้าปาก ขณะที่หลบหนีโดยไม่หันหน้ากลับมามอง จู่ๆ เขาก็เห็นสายอัสนีบนท้องฟ้าห่างไกล และได้ยินเสียงสายฟ้าเดี๋ยวชัดเดี๋ยวเลือนอีกด้วย ในดวงตาเปล่งประกายขึ้นมาอีกครั้ง
“สมบัติอีกแล้วหรือ ไปดีหรือไม่ ข้างหลังนี่ค่อนข้างอันตราย ยิ่งไปกว่านั้นข้าก็เกือบจะกระตุ้นหัวหน้าเผ่าพวกเขาจนตื่นขึ้นแล้ว ขี้งกเสียเหลือเกิน”
ขณะที่พูด นายกองก็ลังเล สุดท้ายก็กัดฟันเปลี่ยนทิศทาง
เขารู้สึกว่าปล่อยไปเช่นนี้ ตนเองได้เสียใจภายหลังแน่นอน
เมื่อเป็นเช่นนี้ เช่นนั้นก็ไปดูเสียหน่อย ขอแค่ตนเองเร็วพอ ไม่แน่อาจยิงศรดอกเดียวได้นกสองตัวก็เป็นได้
นอกจากนี้หัวหน้าเผ่านั้น ก่อนหน้าเขาสัมผัสได้ว่าอีกฝ่ายเหมือนจะมีบาดแผลเก่าอยู่แล้ว เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายยังมีบาดเจ็บอยู่ คิดจะฟื้นขึ้นมาคงไม่ง่ายเท่าไรนัก
ยิ่งไปกว่านั้นที่นั่นยังมีพวกผนึกต้องห้ามของเผ่าอื่นๆ ด้วย ราวกับว่าป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายหลุดออกมาได้
‘หรือเขาจะเป็นหนึ่งในลูกน้องที่เคยติดตามจักรพรรดิแดนต้องห้ามไปข้างนอกด้วย ผลลัพธ์คือถูกเผ่าต่างๆ ของเขตปกครองผนึกสมุทรเข้าผนึกหมดทุกด้าน แม้จะหนีกลับมาได้ก็ยังบาดเจ็บมาตลอด และยังถูกเผ่าต่างๆ ไล่ล่า เพิ่มระดับผนึกต้องห้าม จนทำให้แดนต้องห้ามนี้ราวกับถูกคุมขัง
‘แดนต้องห้ามกระบี่ แดนแห่งการคุมขัง?’
นายกองครุ่นคิด เขานึกชื่อเดิมอีกชื่อหนึ่งของแดนต้องห้ามนี้ เวลานี้เขาวิ่งไปพลางล้วงผลไม้สีแดงอีกผลออกมากิน
ด้านหลังเขา แผ่นดินสั่นสะเทือน ต้นไม้หักโค่น ยักษ์หกแขนกลุ่มหนึ่ง กำลังสาวเท้าไล่ตามมาด้วยโทสะ
ยักษ์เหล่านี้แต่ละตนร่างกายสูงราวสิบจั้ง ผิวสีเขียว ใบหูใหญ่โต สิ่งที่สะดุดตาที่สุดคือติ่งหูของพวกเขาที่ผูกกระดิ่งจำนวนมหาศาลเอาไว้ ส่งเสียงกรุ๊งกริ๊งกังวาน ราวกับว่ากำเนิดขึ้นมาพร้อมกับพวกเขา แสงสลัวก่อนหน้านี้ก็แผ่ออกมาจากกระดิ่ง
ยักษ์เหล่านี้ก็คือชนเผ่าพิเศษที่ถือกำเนิดขึ้นในแดนต้องห้ามแห่งนี้
ปัจจุบันดวงตาแต่ละตนฉายแววบ้าคลั่งและจิตสังหาร ไล่ล่าไม่หยุด บรรดานี้พลังบำเพ็ญระดับแก่นลมปราณมีนับสิบตน
ที่น่าตกตะลึงยิ่งกว่าคือดินแดนเผ่าด้านหลังพวกเขา หรือก็คือสถานที่ที่นายกองวิ่งออกมา เวลานี้มีกลิ่นอายการฟื้นคืนแผ่ออกมาเลาๆ
ราวกับว่ามีผู้บำเพ็ญผู้ยิ่งใหญ่คนหนึ่งกำลังจะตื่นขึ้น
เขาเห็นสายฟ้าสีแดงที่มาพร้อมกับเจตจำนงแรงกล้านับไม่ถ้วน ปรากฏขึ้นฉับพลันจากดินโคลน ระหว่างที่ส่งเสียงครืนครันก็พุ่งตรงมาทางบรรพจารย์สำนักวัชระ
ร่างบรรพจารย์สั่นสะท้าน ส่งเสียงกรีดร้องออกมา สายฟ้าสีแดงนับไม่ถ้วนคลุมตัวเขา ขณะที่ฟาดผ่าตัวเขาอย่างต่อเนื่อง ก็กระตุ้นกายวิญญาณของบรรพจารย์สำนักวัชระอีกด้วย ทำให้เกิดแสงสีแดงมหาศาลอย่างรวดเร็ว
ร่างกายของเขากำลังแปรเปลี่ยนจากวิญญาณศัสตราเป็นจิตวิญญาณศัสตรา
แสงนี้แผ่ลงไปบนร่างบกพร่องของบรรพจารย์สำนักวัชระ จนทำให้บรรพจารย์สำนักวัชระดูน่าอดสูเป็นอย่างมาก ลมหายใจรวยริน
แต่อัสนีสีแดงนี้ ก็ยังทำให้ดวงตาทั้งหมดของเจ้าเงาหดลงครู่หนึ่ง จดจ้องอย่างจริงจัง
แต่ไม่นานมันก็ได้สติกลับมา รู้สึกว่าเช่นนี้ไม่ค่อยดี จึงจ้องมองอย่างหยามหมิ่นอีกครั้ง
สวี่ชิงก็มองออกว่าอัสนีสีแดงนี้ไม่ธรรมดา จังหวะที่แสงสว่างวาบในดวงตา สายอัสนีก็แผ่ลามรางๆ เสียงกรีดร้องของบรรพจารย์สำนักวัชระแปรเป็นเสียงคำรามต่ำ ความคุ้มคลั่งในดวงตารุนแรงยิ่งขึ้น

ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา