บทที่ 395 อักษรเจ็ดตัวจากวังครองกระบี่
เห็นภาพฉากนี้ ผู้บำเพ็ญวังอาญาที่ควบคุมตัวสวี่ชิงสองคนนั้นสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างมหันต์ทันที ในใจเกิดความโมโหตื่นตระหนกอย่างมหาศาล พวกเขามั่นใจว่าไม่ได้ลงมือกับสวี่ชิง
ไม่ใช่แค่พวกเขาที่ไม่ได้ลงมือ ทั้งหน่วยที่สามล้วนไม่ได้ทำ
ที่คุกสามวันนี้ พวกเขาไม่แม้แต่จะได้เห็นหน้าสวี่ชิงแม้เพียงแวบเดียว
เรื่องนี้ภายใต้ความร้อนรนโมโห เอ่ยขึ้นรัวๆ ว่า
“เรื่องนี้เป็นไปไม่ได้ พวกเราไม่เคยลงมือทรมาน!
“นี่เป็นเรื่องที่พวกเจ้าปั้นน้ำขึ้นมาเองชัดๆ วังอาญาเป็นสถานที่เช่นไรพวกเจ้าไม่รู้หรือ กล้ามาหลอกลวงรีดไถวังอาญาอย่างนั้นหรือ!”
เห็นนายกองตีอกชกหัวได้สมบทบาท จอมเซียนจื่อเสวียนก็รู้ว่าถึงคราวที่ตนต้องออกหน้าแล้ว จึงก้าวขึ้นไปก้าวหนึ่ง ย่างก้าวนี้เพียงเหยียบลงมา พลังบำเพ็ญหวนสู่อนัตตาในตัวนางก็ปะทุทันที
ในดวงตาของนางเส้นเต๋าพันเส้นหมุนวน ระลอกคลื่นพลังน่าครั่นคร้ามทั้งร่างทำให้ฟ้าดินเปลี่ยนสี ทั่วทุกสารทิศสะเทือนเลื่อนลั่น
ต่อให้ที่นี่เป็นเมืองหลวงเขตปกครอง แต่หวนสู่อนัตตาก็คือหวนสู่อนัตตา พลังของคนคนเดียวสั่นสะท้านไปทั่วทั้งแปดทิศ สีหน้าของนางยิ่งแฝงไว้ด้วยความเคร่งขรึม แฝงด้วยความโกรธเคือง ไม่สนใจลิ่วล่อไร้ชื่อที่โต้แย้งสองคนนั้น แต่เงยหน้ามองไปทางจุดลึกในวังอาญา
“จื่อเสวียนผู้บำเพ็ญสำนักเผ่ามนุษย์ มณฑลรับเสด็จราชัน คุ้มกันสวี่ชิง ผู้ได้ประกายแสงหมื่นจั้ง ผู้ครองกระบี่หน้าใหม่ที่มหาจักรพรรดิคัดเลือกเดินทางสู่เมืองหลวงเขตปกครอง เรื่องนี้ของวังอาญาได้โปรดให้คำตอบว่าสวี่ชิงผู้สืบมรรคาแห่งสำนักข้าถูกคนริษยาใส่ความ หรือว่ามีความผิดจริง!”
วังอาญาใหญ่มาก สถานที่ที่หน่วยที่สามตั้งอยู่เป็นเพียงแค่ส่วนเล็กๆ เท่านั้น แต่ว่าไม่ว่าจะเป็นนายกองเมื่อก่อนหน้านี้หรือจื่อเสวียน กลับส่งเสียงได้ดังก้อง ดังไปทั่วทุกทิศ
ผู้บำเพ็ญวังอาญาจำนวนไม่น้อย ต่างได้ยินจากที่ที่ตัวเองอยู่ แต่เดิมที่ได้ยินเสียงคำรามของนายกองทีแรก มีผู้แข็งแกร่งวังอาญาไม่พอใจ เตรียมจะไปห้ามปรามไม่ให้ใช้เสียง
อย่างไรเสียมาโหวกเหวกเอะอะที่วังอาญาแบบนี้ เดิมก็สร้างความไม่ชอบใจให้กับวังอาญาอยู่แล้ว
แต่เมื่อได้ยินเรื่องริษยาใส่ความจากคำพูด บางคนก็หยุดฝีเท้า
ริษยาใส่ความสองคำนี้เห็นได้ชัดว่าแสดงถึงความแค้นส่วนตัว ไม่เกี่ยวกับเรื่องส่วนรวม และไม่เกี่ยวกับตัวเอง ย่อมไม่มีเหตุผลที่จะสอดมือเข้ามา
ต่อให้มีบางคนที่ยังคงแสดงอำนาจจะมาห้ามปราม แต่เมื่อได้ยินคำว่าประกายแสงหมื่นตั้ง มหาจักรพรรดิคัดเลือกจากปากนายกอง ก็ต่างหยุดความคิดไม่ไปยุ่งเกี่ยวด้วย
อย่างไรเสียคนที่สามารถทำงานที่นี่ได้ คนโง่มีไม่มาก
ต่อให้เป็นสหายที่สนิทสนมกันดีกับเหยาอวิ๋นฮุ่ยหัวหน้าหน่วยที่สามคนนั้น ตอนนี้เมื่อเห็นจื่อเสวียนออกหน้าก็ลังเลไปเหมือนกัน
สิ่งที่ทำให้พวกเขาลังเลนอกจากจะเป็นท่าทีของจื่อเสวียนแล้ว ยังมีผู้ครองกระบี่ที่เคืองแค้นต่อความไม่เป็นธรรมหลายสิบคนเหล่านั้นด้วย
และเมื่อไม่มีใครมาห้ามปราม เรื่องนี้ย่อมใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ กระทั่งว่าผู้ครองกระบี่เหล่านั้นต่างส่งกระแสจิตเรียกสหายมา เห็นเรื่องเปลี่ยนไปเช่นนี้ มารดาของจางซืออวิ้นก็นั่งไม่ติดแล้ว
นางสัมผัสได้ถึงความจัดการยากของสวี่ชิงแล้ว ยิ่งเข้าใจว่าเรื่องนี้จะยืดเยื้อต่อไปไม่ได้ ต้องจัดการทันที ไม่เช่นนั้นจะเป็นผลเสียกับนาง
อย่างไรเสียเรื่องนี้ก็ไม่มีเหตุผลอะไรเลย หากเป็นไปตามแผนของนางยังดี แต่ตอนนี้การพลิกโจมตีกลับของอีกฝ่ายรวดเร็วฉับไวนัก อีกทั้งยังโจมตีถึงจุดสำคัญ
นางจึงเดินออกมาจากห้องทำงานด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ฝีเท้าก้าวหนึ่งเหยียบย่างลงมาก็มาถึงนอกคุกหน่วยที่สาม มาปรากฏตัวต่อหน้าคนทั้งหลาย
การมาถึงของนางทำให้ลูกศิษย์วังอาญาสองคนนั้นถอนหายใจโล่งอก รีบวิ่งไปคารวะทำความเคารพ
ขณะเดียวกันคนของพันธมิตรแปดสำนักและผู้ครองกระบี่เหล่านั้นก็ต่างมองมาทางเหยาอวิ๋นฮุ่ยที่มาถึง
โดยเฉพาะจื่อเสวียน ระลอกคลื่นพลังทั้งตัวทำให้ลมเมฆเปลี่ยนสี ดวงตาหงส์ของนางแฝงด้วยความเย็นเยือก มองหญิงงามที่หน้าตาไม่แพ้ตนเลย
เหยาอวิ๋นฮุ่ยเงียบนิ่ง พลังบำเพ็ญของนางไม่ใช่หวนสู่อนัตตา เป็นเพียงแค่ระดับสมบัติวิญญาณเท่านั้น หากอยู่ในที่ที่ไม่มีคนอื่นย่อมหวาดกลัวจื่อเสวียน แต่ที่นี่คือวังอาญา นางไม่กลัว
แต่การมาถึงของนางคือเพื่อมาแก้ไขปัญหา จึงสูดลมหายใจลึก โค้งคารวะจอมเซียนจื่อเสวียน ในตอนที่หันไปมองสวี่ชิง สายตาแฝงด้วยแววขอโทษ เอ่ยเสียงแผ่วเบา
“สวี่ชิง เรื่องนี้เป็นความประมาทของหน่วยที่สาม ข้าในฐานะที่เป็นหัวหน้าหน่วย จะต้องสืบอย่างจริงจังจนประจ่างให้คำตอบกับเจ้า และในตอนนี้ข้าสามารถยืนยันว่า เรื่องนี้สาขาย่อยพันธมิตรแปดสำนักและสวี่ชิงแค่มาให้ความร่วมมือในการตรวจสอบเท่านั้น วันนี้ทุกอย่างตรวจสอบอย่างกระจ่างแล้ว พวกเจ้าไม่ได้กระทำผิดฐานกระทำการละเมิด
“ดังนั้นก่อนหน้านี้ข้าจึงออกคำสั่งให้ปล่อยตัวพวกเจ้า แต่ตอนนี้เกิดปัญหาเช่นนี้ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอันใดล้วนไม่สำคัญ และไม่ต้องดูบันทึกภาพเงาเคลื่อนไหวในคุก นี่จะต้องเป็นความรับผิดชอบของข้า เป็นความเลินเล่อของข้า”
เหยาอวิ๋นฮุ่ยเอ่ยอย่างจริงใจ พูดจบนางก็หยิบแผ่นหยกชิ้นหนึ่งออกมา เหมือนว่าตรวจสอบเรื่องนี้จริงๆ
และคำพูดนี้ก็มีความหมายลึกซึ้งมาก ดูเหมือนขอโทษ แต่กลับกระทำในฐานะที่เป็นหัวหน้าหน่วยที่สาม
เช่นนี้แล้วย่อมมีความหมายเป็นนัยๆ ว่าไม่รู้เรื่อง เหมือนว่าทุกอย่างล้วนเป็นการกระทำตามอำเภอใจของผู้ใต้บังคับบัญชา ขณะเดียวกันนางก็ก้าวออกมาแสดงให้เห็นถึงความรับผิดชอบของตัวเอง
นอกจากนี้ยังอธิบายว่าทุกอย่างคือการตรวจสอบ ใช้การปล่อยตัวพิสูจน์ว่าเรื่องนี้ไม่ใช่ความแค้นส่วนตัว ริษยาใส่ความ
นี่คือกันตัวเองออกจากเรื่องนี้
สุดท้ายยังพูดถึงภาพบันทึกเงาเคลื่อนไหว แฝงการเตือนเป็นนัยๆ
ภาพนี้ทำให้สวี่ชิงหรี่ตาจ้องเพ่ง ส่วนนายกองเลิกคิ้วขึ้น กวาดตามองเหยาอวิ๋นฮุ่ยแวบหนึ่ง
การวางแผนของอีกฝ่ายแม้จะหยาบ แต่ฝีมือการแก้ไขปัญหาก็นับว่าพอใช้ได้
“ต้นสายปลายเหตุของเรื่องนี้ข้ากำลังตรวจสอบอยู่ ไม่นานก็จะได้คำตอบ อาการบาดเจ็บของสวี่ชิงสาหัสมาก ที่ข้ามีโอสถหล่อเลี้ยงวิญญาณเม็ดหนึ่ง ขอโปรดรับไว้รักษาอาการบาดเจ็บก่อน”
เหยาอวิ๋นฮุ่ยใบหน้าเต็มไปด้วยความขอโทษ เอาโอสถออกมาเม็ดหนึ่ง
โอสถเม็ดนี้ส่องประกายแสงอ่อนโยน แค่เห็นก็รู้แล้วว่าไม่ใช่ของธรรมดา
“พวกเจ้าวางใจ ไม่ต้องพูดถึงประกายแสงหมื่นจั้ง มหาจักรพรรดิคัดเลือก ต่อให้เป็นประชาชนคนธรรมดา ในสายตาของวังอาญาก็ปฏิบัติอย่างเท่าเทียม ปฏิบัติอย่างเที่ยงธรรม นี่คือหน้าที่ของพวกเรา”
เหยาอวิ๋นฮุ่ยพูดพลางวางโอสถไว้ข้างๆ จากนั้นแผ่นหยกในมือก็กะพริบแสงวาบขึ้น หลังจากนางตั้งสมาธิตรวจสอบสีหน้าก็ฉายความทรงอำนาจน่าเกรงขามออกมา มองไปทางลูกศิษย์วังอาญาสองคนที่อยู่ข้างๆ
“ที่แท้เป็นพวกเจ้านี่เอง ตรวจสอบได้แล้วว่าเป็นพวกเจ้าสองคนลงทัณฑ์โดยพลการ”
ไม่รอให้ลูกศิษย์วังอาญาสองคนนั้นได้เอ่ยปาก ในเสี้ยวพริบตาที่พวกเขาสีหน้าเปลี่ยน เหยาอวิ๋นฮุ่ยก็สะบัดมือทันที
“คุมตัวไปห้องขัง”
ทันใดนั้นก็มีลูกศิษย์หน่วยที่สามบินออกมา หิ้วคนทั้งสองที่ไม่รู้ว่ากลายเป็นศพแล้วหรือไม่จากไป
ภาพนี้นับตั้งแต่ต้นจนจบ เหยาอวิ๋นฮุ่ยจัดการอย่างสะอาดหมดจดรวดเร็ว ยิ่งตรงๆ ไม่อ้อมค้อมกำหนดทิศทางของเรื่อง แน่นอนว่านางใช้เหตุผลที่ว่าข้อมูลจากแผ่นหยกที่ได้คือแผ่นหยกบันทึกภาพเคลื่อนไหวเงาในคุกถูกคนทำลาย ไม่สามารถใช้มาเป็นหลักฐานได้
ตอนนี้จัดการลูกน้องใต้บัญชาการสองคนแล้ว นางโค้งคารวะไปทางสวี่ชิงและจื่อเสวียน ใบหน้าแสดงความละอาย
“เรื่องนี้เป็นข้าที่ดูแลบกพร่องทำให้สวี่ชิงได้รับความไม่เป็นธรรม ข้าเห็นว่าสวี่ชิงอาการบาดเจ็บสาหัส ทุกท่านกลับไปพักผ่อนก่อนเถิด เรื่องนี้สืบกระจ่างแล้ว อีกครู่ข้าจะให้คำตอบกับพวกท่าน อีกทั้งจะไปเยี่ยมเยือนด้วยตัวเอง”
ในดวงตาสวี่ชิงฉายประกายเย็นวาบ วิธีการต่างๆ นานาของอีกฝ่ายทำให้เรื่องนี้คลี่คลายลงไปกว่าครึ่ง แต่หากยังจี้เรื่องอาการบาดเจ็บต่อไป สถานการณ์จะพลิกผัน ทำให้คนรู้สึกเหมือนกำลังข่มขู่


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา