บทที่ 446 พบคนรู้จักที่ดินแดนอื่น
เผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์ เผ่าที่ตอนนั้นต้ากงคลื่นศักดิ์สิทธิ์หักหลังเผ่ามนุษย์ก่อตั้งเผ่าขึ้นเผ่านี้ยังรักษาความคิดบางอย่างที่เผ่ามนุษย์เคยมีเอาไว้ ยกตัวอย่างเช่น ลำดับขั้น
ความจริงเขตปกครองผนึกสมุทรยังดี เขตปกครองอื่นๆ ก็เช่นกัน เนื่องจากเป็นหัวเมืองห่างไกล ดังนั้นความรู้สึกเป็นลำดับขั้นในนั้นจึงไม่ได้ชัดเจนและรุนแรงขนาดนั้น แต่ดินแดนเมืองหลวงจักรพรรดิไม่เป็นเช่นนั้น
เนื่องจากสภาพโดยรวมของเผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์ยังนับว่าสมบูรณ์ดี อีกทั้งยังเชื่อมต่อซึ่งกันและกัน ความรู้สึกเป็นลำดับขั้นจึงรุนแรง รากฐานมั่นคงอยู่ในความรู้ความเข้าใจของเผ่ามนุษย์ทุกคน
สมาชิกเผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์แบ่งตามชนชั้นได้ทั้งหมดหกชนชั้น สองชนชั้นบนเรียกว่าผู้สูงส่ง สองชนชั้นกลางเรียกว่าทหาร สำหรับสองชนชั้นล่างคือทาส
อย่างเจ้ารัฐยอดฟ้า เขาเป็นชนชั้นที่สี่ ลูกชายของเขาก็เช่นกัน
ที่เผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์ความสำคัญของชนชั้นมาก นอกเสียจากจะฝึกบำเพ็ญจนถึงขั้นฝืนชะตาได้ มิเช่นนั้นแล้วก็ยากจะเปลี่ยนแปลง ในเมื่อสายเลือดของชนชั้นบนยอดเยี่ยมยิ่งกว่า ทรัพยากรมีมากกว่า ความเป็นไปได้ที่จะมีผู้แข็งแกร่งเกิดขึ้นก็ย่อมมากว่า
และในเผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์ มีอำนาจเลื่อนชนชั้นก็เท่ากับควบคุมศูนย์กลางของเผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์แล้ว อำนาจนี้…มีเพียงตำหนักเทวะฟ้าทมิฬเท่านั้นที่พึงมี
ในทุกราชวงศ์ล้วนมีตำหนักเทวะฟ้าทมิฬ
เทวรูปฟ้าทมิฬตำหนักเทวะเป็นผู้มอบให้
การเลื่อนชนชั้นประเภทนี้ก็คือฟ้าทมิฬประทานพร
ผู้ที่ได้รับการประทานพร ทางด้านกลิ่นอายก็จะยิ่งใกล้เคียงกับเผ่าฟ้าทมิฬขึ้นไปอีก
ดังนั้นในเวลาเนิ่นนานหลายปีมานี้ ภายใต้การปลูกฝังความคิดให้โดยไม่รู้ตัวจากเผ่าฟ้าทมิฬ สมาชิกเผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์ล้วนปรารถนาในการเลื่อนชนชั้นเป็นอย่างยิ่ง
นี่ก็เป็นเหตุที่ว่าทำไมเจ้ารัฐยอดฟ้าตอนนี้จิตใจถึงได้เกิดคลื่นยักษ์ซัดโหม
ต่อให้ก่อนหน้านี้มีข้อสงสัยมากมาย แค่ตอนนี้หลังจากได้เห็นบุตรชายของตัวเองได้รับการประทานพร จิตใจของเขาก็หวั่นไหวขึ้นมา
ผู้ที่ทำได้ถึงจุดนี้หากไม่ใช่ผู้แข็งแกร่งในเผ่าฟ้าทมิฬก็คือ…ผู้บำเพ็ญจากตำหนักเทวะ
เผ่าฟ้าทมิฬนั้นมีเทพเจ้า จุดนี้เผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์รู้ดี เผ่าอื่นๆ ก็รู้ดีเช่นกัน ต่อให้ส่วนใหญ่ไม่อยากยอมรับ แต่ความจริงก็เป็นเช่นนั้น
เทพเจ้าเผ่าฟ้าทมิฬหลับอยู่ในห้วงนิทราลึกบนพระจันทร์สีชาด ได้รับการเคารพบูชาจากพวกเขามาทุกยุคทุกรุ่น
และเนื่องจากมีการคุ้มครองจากเทพเจ้า ดังนั้นเผ่าฟ้าทมิฬจึงมีผู้รับใช้เทวะ และมีตำหนักเทวะ พวกเขาถึงจะเป็นเจ้าเหนือหัวของทั้งเผ่าฟ้าทมิฬ และเป็นขั้นสูงสุดในเผ่าฟ้าทมิฬ
ความคิดพวกนี้หลังจากที่ซัดกระหน่ำในใจของเจ้ารัฐยอดฟ้า เขาก็สูดลมหายใจลึก โค้งคารวะอย่างเคารพนบนอบ
หลังจากจากไปก็ออกคำสั่งให้สืบสำรวจค้นหาลูกกลอนจันทราปีศาจฟ้าทมิฬ ขณะเดียวกันก็ติดต่อรัฐอื่นๆ จัดสรรปันส่วนผลเซียนแท้สิบลำไส้ครั้งนี้ใหม่อีกครั้ง
แต่ขั้นตอนนี้ไม่ราบรื่น
รัฐอีกสามสิบห้ารัฐที่เหลือไม่ได้เชื่อเรื่องนี้เหมือนกับเขา อย่างไรเสีย เรื่องนี้ก็ทำให้พวกเขารู้สึกว่าเหลือเชื่อเกินไป ต้องรู้ว่าในช่วงเวลาอันเนิ่นนานมานี้ เผ่าฟ้าทมิฬปลอมที่มาที่นี่มีมากมาย ไม่มีครั้งใดที่เป็นตัวจริง
พิจารณาถึงจุดนี้เจ้ารัฐยอดฟ้าก็ไม่ได้รายงานเรื่องนี้ไปยังราชสำนักในทันที เขาเตรียมรายงานขึ้นไปหลังจากที่รัฐอื่นๆ ยืนยัน
อย่างไรเสีย…ต่อให้เชื่อจนจะหมดใจ แต่หากมีปัญหาจริงๆ ตนไม่ได้รายงานก็ช่างเถอะ ยังสามารถทำการอธิบายแก้ต่างได้ แต่หากรายงานไปแล้ว เกรงว่าตัวเองจะได้รับผลกระทบไปด้วย ได้รับโทษประมาทเลินเล่อ
เวลาก็ได้ค่อยๆ ผ่านไปเช่นนี้เอง เจ็ดวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว
แม้จะยังเหลืออีกสองวันถึงจะมีผลมรรคาเซียนแท้จำนวนมากสุกงอม แต่ความจริงหลายวันนี้ บริเวณรอบนอกป่าเซียนแท้สิบลำไส้ ก็มีผลมรรคาที่เก็บได้บ้างแล้ว
ขณะเดียวกัน ต่างเผ่าที่ใช้วิธีต่างๆ แฝงตัวเข้ามาพวกนั้นก็ทยอยเคลื่อนไหว บ้างสำเร็จ บ้างล้มเหลว และทุกวันก็มีกลุ่มลาดตระเวนที่รวมตัวจากจากสามสิบหกนครรัฐจับต่างเผ่าที่แฝงตัวเข้ามาได้เป็นจำนวนไม่น้อย
จุดจบแตกต่างกันไป บ้างถูกลงโทษโดยการแขวนคอไว้บนยอดฉัตรสิบลำไส้บนท้องฟ้าเป็นการเตือน บ้างเนื่องจากเหตุผลต่างๆ หากไม่ถูกลงโทษตักเตือนแล้วขับไล่ออกไป ก็ถูกคุมขัง
แม้จะเป็นเช่นนี้ แต่เนื่องจากผลมรรคามีราคาไม่ธรรมดา ดังนั้นผู้บำเพ็ญที่แฝงตัวเข้ามาก็ยังมีจำนวนไม่น้อยอยู่ดี
ส่วนทางนายกองทางนั้น หลังจากที่รู้ว่ามีผลมรรคาบางส่วนที่สุกแล้ว ก็สะกดความปรารถนาในใจเอาไว้ไม่อยู่ ปรึกษากับสวี่ชิง ตัดสินใจว่าจะลงมือ
สวี่ชิงก็คิดเช่นนั้นเหมือนกัน
หลายวันมานี้พวกเขาอาศัยอยู่ในวังหลวง ดูเหมือนปลอดภัย แต่ความจริงแล้วมีความเสี่ยงสูงมาก แม้พวกเขาจะมั่นใจว่าสถานะไม่มีปัญหา แต่ก็ยังกังวลนิดๆ ว่า หากเจอกับผู้แข็งแกร่งจะปกปิดได้จริงๆ หรือไม่ ในเมื่อเรื่องอะไรก็ตามล้วนไม่มีความแน่นอน
โดยเฉพาะยันต์ซ่อนอำพรางในตัวที่สลายหายไปอยู่ทุกชั่วขณะ
ดังนั้นเวลาจึงสำคัญมาก
ดังนั้น เช้าวันที่แปด สวี่ชิงและนายกองจึงไปจากวังหลวง ภายใต้การนำจากองค์ชายที่ชื่อว่ามู่เยี่ยกับองครักษ์กลุ่มหนึ่ง ก็ตามพวกเขามายังบริเวณรอบนอกเซียนแท้สิบลำไส้
“นายท่าน ที่นี่ก็คือเซียนแท้สิบลำไส้ของเผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์เรา ผลในจุดลึกยังไม่สุก ตอนนี้ไม่อาจเข้าไปได้” ที่นอกป่า มู่เยี่ยสายตาแฝงด้วยความจริงใจ เอ่ยอย่างเคารพนอบน้อม
“ภายในป่าเซียนแท้สิบลำไส้ตลบอวลไปด้วยพลังกดดันที่น่ากลัวตลอดเวลา ยากจะเหยียบย่างเข้าไป มีเพียงทุกครั้งในวันที่ผลของมันสุกโดยสมบูรณ์ พลังกดดันในนั้นจึงจะหายไป”
ช่วงนี้มู่เยี่ยแทบจะมาคารวะหน้าวังของสวี่ชิงทุกวัน ทำเหมือนเตรียมพร้อมที่จะถูกเรียกตัวในทุกชั่วขณะ พูดได้ว่าเขาในตอนนี้เป็นคนที่จงรักภักดีกับสวี่ชิงที่สุดของทั้งรัฐยอดฟ้าแล้ว
ด้านหนึ่งเป็นเพราะสวี่ชิงเลื่อนชนชั้นให้เขา อีกด้านหนึ่งก็เพราะผสานไอพลังประหลาดในกายของเขา จุดกำเนิดพลังก็คือสวี่ชิง ดังนั้น คำเรียกว่านายท่านของเขานั้นเรียกได้ไม่ผิด
สวี่ชิงสัมผัสไอพลังประหลาดที่คุ้นเคยในร่างของอีกฝ่ายเล็กน้อย พยักหน้าเบาๆ จากนั้นก็มองไปยังป่ามืดมิดที่ไร้จุดสิ้นสุดนั่น แล้วเงยหน้ามองไปทางต้นหลักที่คดเคี้ยวพุ่งสู่ท้องฟ้า ก่อเป็นฉัตรขนาดใหญ่ในที่ไกลๆ สิบต้นนั่น
จวบจนตอนนี้เขาก็ยังไม่อาจจินตนาการได้ว่า นี่แปรเปลี่ยนมาจากลำไส้ของเผ่าเซียนพิบัติที่กลายเป็นเซียน
“นายท่าน วันสองวันหลังจากนี้ ในยามราตรีท่านอย่าได้สัมผัสรับรู้ที่นี่ ที่ผ่านมาในช่วงหลังจากที่เซียนแท้สิบลำไส้ติดผล ที่นี่จะเกิดกลิ่นอายพิเศษขึ้นมา
“หลังจากที่สัมผัสรับรู้จะถูกมันโจมตี มีผลร้ายกับร่างกาย”
ฟังคำพูดของมู่เยี่ย นายกองที่อยู่ข้างหน้าก็ถามขึ้นอย่างสงสัย

ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา