บทที่ 463 กล่องในหัวใจ
……….
แต่ครั้งนี้แตกต่างไปจากที่อุโมงค์ภูตในครั้งนั้น!
ตอนนั้นในอุโมงค์ภูต สวี่ชิงมองเห็นเทพเจ้าของจริง การโจมตีที่เกิดขึ้นหลังจากอีกฝ่ายลืมตา ส่งผลกระทบต่อทุกอย่างในอุโมงค์ภูต
พลานุภาพประเภทนั้นไม่อาจต่อต้านได้ ไม่อาจแบกรับได้ ไม่อาจจับต้องได้
กระทั่งว่าสิ่งที่ถูกแยกส่วนไม่ได้มีเพียงกายเนื้อเท่านั้น แม้แต่พลังเวทในกายและความคิดที่เกิดขึ้นในใจก็คล้ายว่าจะถูกแยกส่วนด้วยเช่นกัน อีกทั้งยังทำให้มีชีวิตเป็นอีกตัวตนหนึ่งขึ้นมา
ความรู้สึกในเสี้ยวขณะนั้นทำให้สวี่ชิงรู้สึกว่า ทุกอย่างล้วนต้องพังทลาย แตกสลายเป็นเสี่ยงๆ
หากไม่ใช่การปรากฏตัวขึ้นจากหญิงสาวตะขาบ เกรงว่าเขาในตอนนั้นคงต้องเผชิญกับวิกฤตอันตรายที่ไม่อาจจินตนาการได้ ต่อให้อาศัยตัวเองฝืนรอเสียงเพลงปลอบประโลมเทพเจ้าที่ดังมาจากบ้านไม้ห้าเหลี่ยม แต่การเสียเวลาก็สร้างอาการบาดเจ็บให้สวี่ชิงอย่างแสนสาหัสเช่นกัน
ต่อให้ไม่ตายก็จะกลายพันธุ์กลายเป็นสิ่งมีชีวิตอย่างพวกผีประหลาดในอุโมงค์ภูตพวกนั้น
แต่ตอนนี้เผชิญหน้ากับฉู่เทียนฉวิน แม้วิธีจะคล้ายกัน แต่แตกต่างกันราวฟ้ากับเหว
แม้เสียงรำพึงรำพันของฉู่เทียนฉวินจะใช้ร่างทดสอบเทพเจ้าของตัวเองเป็นสื่อกลาง ลอกเลียนแบบการรำพึงรำพันของเทพเจ้า แต่สุดท้ายก็ไม่ใช่เทพจริงๆ มาเยือน อย่างไรเสียก็เป็นเพียงแค่การลอกเลียนแบบเท่านั้น
ต่อให้ข้างหลังมีเงาเทพเจ้าปรากฏขึ้น แต่จากแก่นแท้แล้วก็แตกต่างไปจากทุกอย่างที่สวี่ชิงเคยประสบพบเจอในอุโมงค์ภูต
อีกทั้งสวี่ชิงในตอนนี้ ก็แตกต่างไปจากในตอนที่อยู่ในอุโมงค์ภูตตอนนั้นเช่นกัน
สวี่ชิงพลันเงยหน้าขึ้น เส้นเลือดในดวงตาเต็มไปหมด ฉายประกายแสงแปลกประหลาด
เขาจ้องฉู่เทียนฉวินที่นั่งขัดสมาธิ ทั่วทั้งร่างเปล่งแสงสีทองพร่างพรายเจิดจ้า ไม่สนใจติ่งเนื้อนับไม่ถ้วนที่งอกบนร่างกายภายใต้ฟ้าดินที่บิดเบี้ยวในตอนนี้ ปล่อยให้ติ่งเนื้อเหล่านี้เกิดขึ้น ยืดยาวออกไป
เขารู้ดี อยากต่อต้านพลังเทพประเภทนี้ของฉู่เทียนฉวิน ก็ใช่จะไม่มีวิธี
ไม่ว่าจะเป็นอสูรสมุทรบรรพกาลวิถีสวรรค์หรือจะเป็นเขาจักรพรรดิภูต หรือจะเป็นขวดจับเสียงที่เก็บเสียงผู้หญิงร้องเพลงงิ้วที่ตนซื้อมาจากย่านการค้าเมืองผี ล้วนสามารถลองดูได้ทั้งนั้น
ส่วนพลังพิษลูกกลอนต้องห้ามกับพระจันทร์สีม่วง ก็สามารถทำให้ตนต้านทานเสียงพึมพำ ในเสี้ยวขณะนี้ได้เช่นกัน
แต่จิตสังหารในดวงตาสวี่ชิงฉายวาบ สิ่งที่เขาอยากได้ไม่ใช่การต่อต้าน แต่เป็นการสะกดสยบ!
ใช้พลังเทพสะกดพลังเทพ!
สวี่ชิงอยากลองดู
เพราะการใช้พลังเทพประเภทนี้ของฉู่เทียนฉวินสร้างแรงบันดาลใจให้เขา
‘ข้าก็ทำได้เหมือนกันหรือเปล่านะ’
สวี่ชิงพึมพำในใจ
ตัวอยู่ในเศษชิ้นส่วนโลกเผ่าควันขจร ดูเหมือนอันตรายแต่ก็เป็นวาสนาแบบหนึ่ง อย่างน้อยที่นี่ก็ค่อนข้างลับตา
แม้ก่อนหน้านี้พลังพระจันทร์สีแดงพยายามค้นหา แต่สวี่ชิงรู้ หากอยู่ที่โลกภายนอก เกรงว่าเสี้ยวพริบตาที่เอาพระจันทร์สีม่วงออกมา ตัวเองก็จะถูกเจอตัวทันที
‘เช่นนั้นหากข้ากระตุ้นไม่มาก ร่วมกับใช้พิษต้องห้ามปกปิด รวมกับเศษชิ้นส่วนโลกใบนี้ของเผ่าควันขจร…’ สวี่ชิงดวงตาฉายแววเด็ดเดี่ยว เงยหน้าอย่างยากลำบากมองไปยังรอยแยกบนท้องฟ้า
จากการที่ความคิดของเขาเพียงขยับ ทันใดนั้น ท้องฟ้าที่อยู่ท่ามกลางเสียงพึมพำก็ได้รับผลกระทบ อสูรสมุทรบรรพกาลวิถีสวรรค์ที่เห็นได้ชัดว่ายังสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ หางพลันสะบัด ซัดไปบนรอยแยก
เสียงตูมดังขึ้น รอยแรกที่ถูกสวี่ชิงฉีกเมื่อก่อนหน้านี้รางเลือนไปในทันที ผสานตัวอีกครั้ง กลับคืนสู่สภาวะพันธนาการแต่เดิม
จากนั้นสายตาของสวี่ชิงก็จับจ้องไปที่ร่างของฉู่เทียนฉวิน วังสวรรค์วังที่สามและสี่ปะทุขึ้นพร้อมกัน
พิษต้องห้ามที่มาจากแผ่นดินเทวะอันลึกลับเกินหยั่ง ในเสี้ยวขณะที่แผ่ซ่านมาในร่างสวี่ชิง ขณะเดียวกับที่ตลบอวลในเลือดเนื้อทั้งหมด ติ่งเนื้อบนร่างเหล่านั้นก็เน่าสลายไปในทันที กลายเป็นเลือดสีดำสาดกระเซ็นไปทั่วทุกทิศ
สิ่งที่ถูกพิษกำจัดไปยังมีเสียงที่แทรกเข้าไปในเลือดเนื้อของเขา ไม่อาจหลบหนีไปได้ ถูกสลายไปในทันที การต้านทานทุกอย่างล้วนถูกกำจัด การแยกส่วนทุกอย่างถูกลบล้างไป
จากนั้นพิษต้องห้ามก็แผ่ออกมานอกกายของเขา ผสานไปในความว่างเปล่ารอบๆ ทำให้รอบๆ เขายิ่งเกิดการบิดเบี้ยวและรางเลือนปั่วป่วนหนักขึ้นไปอีก
ขณะเดียวกัน ไอพลังประหลาดที่เป็นเฉพาะของเขาอันเกิดจากพลังพิษต้องห้าม ในเสี้ยวขณะนี้ก็ถูกหล่อเลี้ยงออกมา วนล้อมออกมาไม่ขาดสายโดยมีสวี่ชิงเป็นศูนย์กลาง สวี่ชิงในเสี้ยวขณะนี้คล้ายว่าเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีคุณสมบัติพิเศษของเทพเจ้า
ยังไม่จบแค่นั้น เสี้ยวขณะต่อมา พระจันทร์สีม่วงในร่างสวี่ชิงก็พลันแผ่ลาม ทุกที่ที่ผ่าน เลือดเนื้อของเขาล้วนกลายเป็นสีม่วง สุดท้ายทั้งร่างก็กลายเป็นเช่นนั้น กลายเป็นคนสีม่วง
แสงสีม่วงที่แผ่ซ่านทั่วร่างส่งผลกระทบต่อโลกภายนอก ทำให้ในบริเวณรอบๆ เขา แสงสีม่วงพราวพร่างเจิดจ้าในทันที
ภายใต้การปกคลุมของแสงสีม่วงนี้ ไอพลังอีกประเภทหนึ่งที่เป็นของสวี่ชิงก็หล่อเลี้ยงออกมาจากในนั้น
นั่นคือไอพลังประหลาดที่พระจันทร์สีม่วงสร้างขึ้น หลังจากที่โจมตีทุกสรรพสิ่งแล้ว ก็มีสวี่ชิงทางนี้เป็นจุดกำเนิด
ตอนนี้พวกมันพันรัดเข้ากับไอพลังประหลาดพิษต้องห้ามอย่างรวดเร็ว พร้อมทั้งพันล้อมรอบกายสวี่ชิงด้วย หมุนวนไม่หยุด เพียงพริบตาก็ก่อเป็นลมพายุ เชื่อมต่อกับท้องฟ้า พัดกวาดไปทั่วสารทิศดังกึกก้อง
ในลมพายุจะเห็นพระจันทร์สีม่วงมายาดวงหนึ่งอยู่รางๆ
นั่นแปลงมาจากอำนาจแห่งเทพเจ้า เป็นพลังเทพเจ้าของแท้
และข้างหลังพระจันทร์สีม่วงเป็นดวงตาสีดำคู่หนึ่งที่อยู่ในโลกสีม่วงใบนี้ และไม่อาจถูกโจมตีอาบย้อมได้
ในดวงตาคู่นี้แฝงไว้ด้วยพิษมหาศาล พันธนาการไม่สิ้นสุด
อำนาจเทพเจ้าที่ต่างกันสองประเภทปะทุขึ้นในร่างสวี่ชิง ต่างไม่ผสานเข้าหากัน และไม่ซ้อนทับ แต่ในขณะเดียวกับที่ต่อต้านซึ่งกันและกัน ก็อยู่ร่วมด้วยกัน
ตอนนี้ทั้งหมดล้วนแผ่พลานุภาพที่เป็นของเหล่าองค์ท่าน!
สวี่ชิงในเสี้ยวขณะนี้ ท่ามกลางพลานุภาพแห่งเทพที่ตลบอวล สีหน้าฉายแววเฉยชา บนร่างแผ่ความสูงส่งสูงสุด พลังของเขาส่งเสียงดังกึกก้องในฟ้าดิน ยิ่งพวยพุ่งขึ้นไปอย่างทรงพลังท่ามกลางมิติที่สั่นสะเทือน!
สุดท้ายภายใต้การเพิ่มพลังจากอำนาจเทพสองประเภท มาถึงยังระดับที่น่าครั่นคร้าม คล้ายว่า…กลายเป็นเทพองค์ใหม่ที่เป็นเค้าร่างแต่ยังไม่เสร็จสมบูรณ์องค์หนึ่ง
เจ้าเงาสั่นสะท้าน บรรพจารย์สำนักวัชระสั่นงันงก พวกมันไม่ลังเลใดๆ ทั้งสิ้น รีบปรากฏตัวออกมาทันที คุกเข่าคารวะอยู่ข้างหน้าสวี่ชิง เทียบกับความหวาดเกรงกับบรรพจารย์สำนักวัชระแล้ว เจ้าเงาทางนั้นกลับแผ่ความคลั่งไคล้และภักดีอย่างหาสิ่งใดเทียบได้ออกมา
สวี่ชิงลืมตาขึ้นช้าๆ ในดวงตามีแสงสีทองแผ่ซ่าน สุดท้ายก็ปกคลุมทั่วทั้งร่าง ดูแล้วเต็มไปด้วยความศักดิ์สิทธิ์ เอ่ยขึ้นอย่างราบเรียบว่า
“พันธนาการขังเงา โองการสั่งผี วิชาเซียนสังหารวิญญาณ ฟ้าดินชีวิตข้า”


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา