เข้าสู่ระบบผ่าน

ผู้กล้าเหนือกาลเวลา นิยาย บท 47

บทที่ 47 เจ็ดเนตรโลหิต

[ภาค 2 ฝนธัญชาติ] บทที่ 47 เจ็ดเนตรโลหิต

เดือนแปด สิ้นฤดูร้อน

ดวงอาทิตย์ร้อนแรงกลางท้องฟ้าแม้จะยังคงผสานอุณหภูมิของตัวเองไปในสายลมตามอำเภอใจ อาศัยการเคลื่อนที่ของลมทำให้ความร้อนอบอวลโลก แต่ตามการเปลี่ยนแปลงของช่วงฤดูกาล ความร้อนก็มาถึงเวลาสิ้นสุดอย่างไม่อาจเลี่ยงได้

สุดท้ายมันก็ทำได้แค่อยู่บนท้องฟ้า มองผืนแผ่นดินอย่างจนปัญญา รอการมาเยือนของห่านป่า รอนกนางแอ่นหวนคืนกลับมา รอการมาเยือนของน้ำค้างขาวช่วงฤดูกาลถัดไป

แต่เทียบกับเหล่าผู้คนบนโลกแล้ว จากตำแหน่งของดวงอาทิตย์ ทำให้มันเห็นเกาะที่ถูกทะเลกว้างใหญ่ไพศาลโอบล้อมเอาไว้ได้อย่างชัดเจนขึ้นระหว่างรอคอยได้

ความจริงแล้วทั้งทวีปปักษาสวรรค์ทักษิณเป็นเพียงแค่เกาะแห่งหนึ่งเท่านั้น

รูปร่างของมันเป็นวงรีเบี้ยวๆ ด้านในถูกเทือกเขาอันกว้างใหญ่ประดุจมังกรนอนทอดยาวเหนือจรดใต้ ขวางกั้นตะวันออกและตะวันตก

เทือกเขานี้มีชื่อว่าเทือกเขาสัจธรรม

ทางด้านตะวันตกของเทือกเขากินพื้นที่ไปถึงเจ็ดส่วนของทวีปปักษาสวรรค์ทักษิณทั้งหมด ที่นั่นเป็นแดนต้องห้ามที่ใหญ่ที่สุดของทวีปปักษาสวรรค์ทักษิณ มีชื่อว่าแดนต้องห้ามปักษาราชัน

ในนั้นเต็มไปด้วยป่าหนาทึบมืดครึ้ม ฝังกลบซากโบราณสถานบรรพกาลมากมาย หมอกลอยอวลอยู่ตลอด มีอสูรกลายพันธุ์มากมาย เรื่องแปลกประหลาดนับไม่ถ้วน ไอพลังประหลาดเข้มข้นหนาทึบ

ส่วนพื้นที่ทางด้านตะวันออกของเทือกเขาทั้งหมดสามส่วนที่เหลือของทวีปปักษาสวรรค์ทักษิณถึงจะเป็นสถานที่อาศัยตั้งถิ่นที่อยู่ของมนุษย์

และที่นี่ก็มีตำแหน่งหนึ่งที่พิเศษมาก ตำแหน่งที่ตั้งอยู่ทางทิศเหนือของเทือกเขาสัจธรรม เป็นจุดเริ่มต้นของจุดเชื่อมต่อกับมหาสมุทร

ที่แห่งนี้ทางทิศตะวันตกเชื่อมติดกับแดนต้องห้ามปักษาราชัน ทิศตะวันออกติดกับพื้นที่ของมนุษย์ ทิศเหนือเป็นผืนทะเลกว้างใหญ่ไพศาล ทิศใต้คือเทือกเขาสัจธรรมที่ทอดตัวยาวไปถึงอีกด้านหนึ่ง

ภูมิประเทศเช่นนี้ทำให้มันกลายเป็นท่าเรือที่ใหญ่ที่สุดของทั้งทวีปปักษาสวรรค์ทักษิณ ปกติแล้วมีเรือสินค้าใหญ่โตสัญจรไปมาตลอดเวลา มีการค้าที่มาจากเกาะรอบๆ และมีที่มาจาก…แผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์

ในฐานะที่เป็นจุดยุทธศาสตร์พิเศษและสำคัญเช่นนี้ ย่อมไม่ใช่ขั้วอำนาจธรรมดาๆ ทั่วไปควบคุมได้ และที่นี่ก็เป็นที่ตั้งของสำนักเจ็ดเนตรโลหิตนั่นเอง

มองไกลๆ เมืองที่ท่าเรือตั้งอยู่แบ่งเป็นเจ็ดเขตพื้นที่ใหญ่ๆ ท่าเรือเป็นแค่หนึ่งในนั้นเท่านั้น เมืองที่รวมตัวกันจากเขตพื้นที่ทั้งเจ็ดนี้ใหญ่โตจนน่าตกใจ เรียกได้กระทั่งว่าเป็นเมืองขนาดมหึมา

นี่ก็คือเมืองหลักของเจ็ดเนตรโลหิต

และข้างๆ ก็ยังมียอดเขาเจ็ดยอดที่อยู่ทางเหนือสุดของเทือกเขาสัจธรรม ยอดเขาทุกยอดมีรูปดวงตาแกะสลักใหญ่โตขนาดร้อยจั้ง สีสันแตกต่างกันไป แต่ล้วนฉายความเฉียบขาดดุดันออกมา

ไม่ว่าจะเป็นกลางวันหรือกลางคืน แสงเจิดจ้าไม่เคยหายไป ก่อเป็นค่ายกลขนาดใหญ่ปกคลุมไปทั่ว

ดวงตาขนาดมหึมาเจ็ดดวงนี้ก้มมองผืนแผ่นดินเหมือนกับดวงตาของสัตว์ยักษ์ มาพร้อมความน่าเกรงขามสง่างามและเย็นชา ทำให้ทุกคนเมื่อได้เห็นแล้วต่างจิตใจสั่นสะท้าน

นี่ก็คือที่มาของชื่อเจ็ดเนตรโลหิต

เมืองหลักที่ท่าเรือตั้งอยู่ รวมถึงยอดเขาเจ็ดยอดนี้ก็คือรูปร่างหน้าตาของสำนักเจ็ดเนตรโลหิตทั้งหมด

ยอดเขาที่เจ็ดที่อยู่ใกล้เมืองหลักและยอดเขาที่หนึ่งไกลๆ ที่สูงที่สุดเหมือนยักษ์สองตนยืนตระหง่านอยู่ที่นี่ ทำให้บุคคลตัวเล็กๆ และขั้วอำนาจทั้งหลายในทวีปปักษาสวรรค์ทักษิณต่างหวาดกลัว

อย่างไรเสีย ในทวีปปักษาสวรรค์ทักษิณ ต่อให้เป็นเขตพื้นที่สามส่วนที่มนุษย์พำนักอาศัยก็มีอันตรายมากมาย

ป่าตลบอวลไปด้วยไอพลังประหลาด มีอสูรกลายพันธุ์ชนิดต่างๆ และโจรผู้ร้ายดักซุ่ม

แม้อสูรกลายพันธุ์จะดุร้ายสู้ในแดนต้องห้ามไม่ได้ แต่จากคำพูดของมนุษย์ส่วนใหญ่ หากออกไปจากเมืองและได้พบกับมันเข้า นั่นก็คือวิกฤตชีวิตความเป็นตายแล้ว โดยเฉพาะเมื่อเจอกับโจรผู้ร้าย…ในป่ารกร้างที่ไม่มีกฎเกณฑ์อะไรเท่าไร น่ากลัวว่าจะอนาถเสียยิ่งกว่าความตาย

ดังนั้นเมืองที่สามารถพำนักอาศัยได้ สำหรับมนุษย์ส่วนมากแล้วเป็นสิ่งที่ถวิลหาแม้แต่ในยามฝัน

และเมืองหลักของเจ็ดเนตรโลหิตก็มีชื่อเสียงเป็นอย่างมากจากทั่วทั้งทวีปปักษาสวรรค์ทักษิณ ไม่ใช่แค่ความเจริญรุ่งเรืองของเมืองเท่านั้น แต่ในการแผ่ปกคลุมของค่ายกลเจ็ดเนตรโลหิต และการสกัดกั้นไอพลังประหลาดในระดับสูงสุด ทำให้อายุขัยของมนุษย์มากกว่าโลกภายนอกมหาศาล

ดังนั้นการที่สามารถเข้าไปในเมืองเจ็ดเนตรโลหิตได้จึงเป็นความฝันของผู้คนมากมาย

คนจำนวนนับไม่ถ้วนเฝ้าใฝ่ฝันอยากจะมาเยือน คนจำนวนนับไม่ถ้วนเมื่อมาถึงแล้วก็ไม่อยากจากไป เหมือนว่าอยู่ที่นี่พวกเขาสามารถไล่ตามความฝันได้ เพียงแต่…กฎเกณฑ์ของเมืองหลักเจ็ดเนตรโลหิตโหดร้ายเข้มงวดมาก

คล้ายแส้ไร้รูปร่างเฆี่ยนมาที่ร่างของผู้มาเยือนทุกคน

ชื่อของแส้เส้นนี้คือ…การคัดสรรทางธรรมชาติ

ตอนนี้ ค่ายกลส่งข้ามขนาดใหญ่มโหฬารสามค่ายกลในท่าเรือเมืองหลักเจ็ดเนตรโลหิต เขตใจกลางเมือง กำลังส่องแสงกะพริบไม่หยุด

มันวางเรียงเป็นรูปสามเหลี่ยม ผู้มาเยือนหลั่งไหลไม่ขาดสาย

ในค่ายกลส่งข้ามที่สาม เงาร่างของเด็กหนุ่มคนหนึ่งปรากฏขึ้นตามแสงที่ส่องกะพริบ

ท่อนบนของเด็กหนุ่มสวมเสื้อขนสัตว์สีเข้ม สวมกางเกงใหญ่โคร่ง ขากางเกงรัดเอาไว้ด้วยเชือกฟาง เต็มไปด้วยรอยเลือดที่แห้งกรัง ผมเผ้ายุ่งเหยิง ใบหน้าก็สกปรกมอมแมม

แต่ดวงตากลับเป็นประกายราวกับดวงดาวน่าประหลาด

เพิ่งจะปรากฏตัวมาเขาก็ได้ยินเสียงเอะอะโหวกเหวกและเสียงคลื่น ยิ่งไปกว่านั้นมีลมร้อนชื้นพัดผ่านร่าง ทำให้เขารู้สึกเหนียวเหนอะหนะไปหมด

ทุกอย่างนี้กลายเป็นความรู้สึกแปลกใหม่มากมายผุดขึ้นในใจของเด็กหนุ่ม

เด็กหนุ่มก็คือสวี่ชิงที่ถูกส่งข้ามมาจากเมืองเขากวางนั่นเอง

“ถึงแล้วหรือ…”

หลังจากที่สวี่ชิงถูกส่งข้ามมาถึงที่นี่ ก็รู้สึกปวดศีรษะตุบๆ นิดๆ ตอนนี้จึงนวดหว่างคิ้ว ไม่ยืนชักช้าบนค่ายกล ตอนที่สาวเท้ายาวๆ เดินออกมาเขาก็เงยหน้ากวาดตามองไปรอบๆ

ทุกอย่างที่นี่เป็นระบบระเบียบ

องครักษ์สวมเกราะสีดำจำนวนมากเดินลาดตระเวน นอกค่ายกลส่งข้ามทุกแห่งล้วนมีแถวยาวราวมังกร ในแถวผู้คนแตกต่างหลากหลาย มีทั้งผู้ชายและผู้หญิง เสียงเอะอะโหวกเหวก ห่อสัมภาระเล็กใหญ่ ในขณะเดียวกับที่ผู้คนเบียดเสียดมากมาย ก็มีคาราวานรถอยู่ในนี้ด้วย

พวกเขาล้วนเป็นคนที่ถูกส่งข้ามมา ใบหน้าของทุกคนล้วนแฝงไว้ด้วยความปรารถนาต่อเมืองนี้ อีกทั้งยังเห็นได้ชัดอีกด้วยว่าค่าส่งข้ามไม่ใช่น้อยๆ เลย ดังนั้นความวาดหวังในสีหน้าของพวกเขาจึงยิ่งมากขึ้นไปอีก

กวาดตามองรอบหนึ่งแล้ว สวี่ชิงก็ถอนสายตากลับมา มองไปยังโลกภายนอกตามกลุ่มคนที่เดินออกไป

ค่ายกลส่งข้ามของที่นี่ไม่เหมือนกับที่เมืองเขากวาง เวลาออกไปต้องตรวจสอบก่อน ในแถวตรวจสอบ สวี่ชิงเงยหน้ามองสภาพแวดล้อมรอบๆ จากที่นี่สามารถมองเห็นทะเลกว้างใหญ่ดำสนิทที่อยู่ห่างไกลออกไป

ส่วนอีกฝั่งหนึ่งของเทือกเขา เจ็ดยอดเขานี้สว่างยิ่งนักใต้แสงอาทิตย์ยามเย็น โดยเฉพาะรูปสลักดวงตาเจ็ดดวงบนนั้น ระลอกคลื่นที่แผ่ออกมาเหมือนเชื่อมกับฟ้าดิน ทำให้พื้นที่บนท้องฟ้าเจ็ดยอดเขาเกิดเป็นคลื่นวนขนาดมหึมา

ในคลื่นวนชั้นเมฆโอบล้อม เหมือนมีสัตว์ร้ายตัวใหญ่ยักษ์อะไรแฝงตัวอยู่รางๆ ในขณะที่เคลื่อนตัวก็มีของวิเศษล้ำค่าปรากฏขึ้น แผ่ความศักดิ์สิทธิ์สยบทั่วทุกที่

ภาพนี้ทำให้สวี่ชิงจิตใจสั่นสะท้าน

จนเมื่อคนข้างหน้าเขาตรวจสอบเสร็จ หยิบเอาแผ่นหยกที่แจกให้จากไปก็มาถึงตาเขา สวี่ชิงถึงสูดลมหายใจลึก ดึงสายตากลับมา

“แสดงหนังสืออนุญาตเดินทางและตอบมาว่ามาที่นี่เพื่ออะไร” ข้างหน้าสวี่ชิงมีโต๊ะตัวหนึ่ง ข้างหลังโต๊ะมีคนสองคนนั่งอยู่ เป็นชายหนึ่งหญิงหนึ่ง

ผู้ชายหน้าตาหล่อเหลางดงามนัก สวมเสื้อคลุมยาวสีเทา ตอนนี้กำลังหลับตาอยู่ เหมือนกำลังพัก แต่ระลอกคลื่นพลังบนร่างแข็งแกร่งมาก

ผู้หญิงสวมชุดนักพรตสีเทาเหมือนสีเสื้อของชายคนนั้น อายุไม่มากประมาณสิบแปดสิบเก้า ใบหน้าน้อยๆ งดงาม ผิวขาวนวลเนียน

บทที่ 47 เจ็ดเนตรโลหิต 1

บทที่ 47 เจ็ดเนตรโลหิต 2

Verify captcha to read the content.ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา