บทที่ 492 แสงประกายอรุณสะเทือนพันมาร
……….
นอกเขาประกายอรุณ หนามแหลมทุกอันที่พุ่งหวีดหวิวมาระเบิดพลังทำลายล้าง
โดยเฉพาะค่ายกลเป้าหมาย ยิ่งมีผลในการพันธนาการด้วย
มองไป หลังจากพวกมันทะลวงค่ายกลป้องกันของเขาประกายอรุณ ก็กลายเป็นอัสนีสีดำหลายสายผสานกันด้านบน ขณะที่สายอัสนีกะพริบวาบ ต่อให้ค่ายกลเขาประกายอรุณจะแข็งแกร่ง แต่ในที่สุดก็ถูกทำให้เบาบางลงอยู่ดี
“จะแตกออกแล้ว!”
“ฮ่าๆ ทุกคนออกแรงอีก!”
“หลังจากแตกแล้ว พวกเราจะพุ่งเข้าไปสุดกำลัง สังหารทุกผู้ ชิงข้าวของมาให้หมด ทำลายเขาลูกนี้ทิ้ง!”
การล้อมโจมตีเขาประกายอรุณครั้งนี้ มีการเตรียมการไว้แล้วล่วงหน้า รอบด้านเขาประกายอรุณเวลานี้ จำนวนผู้บำเพ็ญมากนับหมื่น
ในบรรดานี้มีนักโทษจากกรมราชทัณฑ์แปดสิบกว่าคนเป็นศูนย์กลาง ส่วนใหญ่เป็นพวกผู้บำเพ็ญไร้สังกัดชั่วร้ายที่พวกเขาเรียกเข้ามา
กระทั่งเบื้องหลังของพวกเขายังมีร่องรอยของพวกเผ่าใหญ่ๆ ในมณฑลประกายอรุณแฝงอยู่
เช่นหนามแหลมที่ทลายค่ายกลเขาประกายอรุณเวลานี้ รวมถึงกับดักต่างๆ นานา ไม่ใช่สิ่งที่ผู้บำเพ็ญธรรมดาจะเตรียมได้แน่นอน ต้องเป็นพวกเผ่าใหญ่เท่านั้นทมี
ด้านพลังบำเพ็ญ ผู้บำเพ็ญนับพันนี้มีหลอมตันเถียนและสร้างฐานเป็นหลัก แม้ในบรรดานี้จะมีปราณก่อกำเนิดอยู่บ้างแต่ก็ไม่มาก เหมือนจะมีแค่สามคน
แก่นลมปราณสามคนนี้สองชายหนึ่งหญิง ล้วนเป็นผู้บำเพ็ญต่างเผ่า ชายสองคนในนี้คนหนึ่งบนใบหน้ามีเกล็ด คนหนึ่งมีสี่แขน และผู้หญิงคนนั้นดูเหมือนวัยกลางคน แต่ที่หน้าผากมีใบหน้าเล็กสวยเพริศพริ้งอยู่ดวงหนึ่ง ค่อนข้างแปลกประหลาด
ส่วนพลังบำเพ็ญ พิจารณาจากกลิ่นอายที่แผ่ซ่านออกมาจากร่างกาย นอกจากหญิงวัยกลางคนแก่นลมปราณขั้นกลางแล้ว อีกสองคนล้วนเป็นแก่นลมปราณขั้นต้น
พวกเขาเป็นนักโทษเขตปิ่งที่หนีออกมาจากกรมราชทัณฑ์ และเป็นคนปลุกระดมการล้อมโจมตีเขาประกายอรุณครั้งนี้
ตอนนี้ทั้งสามแต่ละคนสายตาเย็นชา จ้องเขาประกายอรุณเขม็งจากบนท้องฟ้า
“คนที่คอยคุ้มกันโถงครองกระบี่นี่ไม่ยอมขอกำลังเสริมเสียด้วย แล้วยังให้สำนักเผ่ามนุษย์อื่นไม่ต้องมาอีก! เมื่อเป็นเช่นนี้ ก็ดูจะไม่ค่อยตรงกับที่พวกเราคาดการณ์ไว้…”
“เป็นการคาดการณ์ของเผ่าใหญ่พวกนั้น ไม่ใช่การคาดการณ์ของพวกเรา จะว่าไปครั้งนี้พวกเราก็ร่วมมือกันได้ดีมาก เมื่อสถานการณ์เป็นเช่นนี้แล้ว…ก็สู้ชิงมาเสียก่อนแล้วค่อยว่ากันดีกว่า!”
“ถูกต้อง ข้าอยากจะกินเนื้อของผู้ครองกระบี่ คิดมานานมากแล้ว”
ปราณก่อกำเนิดต่างเผ่าสามคนนี้ ขณะที่ยิ้มเหี้ยมเกรียมก็ออกคำสั่งเร่งใช้อาวุธทำลายค่ายกลรอบด้าน ไม่นานหนามแหลมสีดำก็ยิงออกมามากกว่าเดิม โจมตีค่ายกล
ค่ายกลสั่นไหวอย่างรุนแรง ทั้งเขาประกายอรุณเกิดคลื่นโหม
ส่วนในบรรดาผู้ครองกระบี่หลายสิบคนที่คอยคุ้มกันอยู่ในเขาประกายอรุณเหล่านั้น สัมผัสถึงพื้นดินสะเทือนเขาสั่นไหวได้ เวลานี้แต่ละคนฉายแววเดือดดาล พวกเขาเข้าใจดีว่านี่เป็นการป้องกันที่ไม่มีโอกาสชนะได้เลย
เพราะไม่มีกองหนุน และมีกองหนุนไม่ได้ด้วย
โถงครองกระบี่เขาประกายอรุณรวมถึงกำลังหลักของเผ่ามนุษย์ทั้งหมดไปที่สนามรบ พลังของวิเศษต้องห้ามทั้งหมดถูกเมืองหลวงเขตปกครองควบคุมไปแล้ว กำลังทำศึกเป็นตายกับเผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์เพื่อปกป้องเขตปกครองผนึกสมุทร ยากจะย้อนกลับมา และยากมากที่จะมาช่วยสนับสนุน
กองหนุนที่เป็นไปได้เพียงหนึ่งเดียว อันที่จริงคือสำนักเผ่ามนุษย์เขาผนึกของมณฑลประกายอรุณเหล่านั้น
นอกจากนี้ พวกโจรชั่วนี่ยังมีอาวุธเวทที่ใช้ในการก่อกวน เปิดใช้งานอย่างต่อเนื่อง แต่บางครั้งก็หละหลวมเพราะความระลอกคลื่นบางอย่าง เหมือนจงใจเปิดช่องโหว่ให้เขาประกายอรุณออกไปขอความช่วยเหลือ
“การล้อมโจมตีเขาประกายอรุณครั้งนี้ เป้าหมายของพวกโจรชั่วไม่ใช่แค่โถงครองกระบี่ของข้า แต่ยังรวมถึงสำนักเผ่ามนุษย์ของข้าเหล่านั้นในมณฑลประกายอรุณด้วย
“ใช้เขาประกายอรุณเป็นเหยื่อล่อ!”
ในผู้ครองกระบี่หลายสิบคนนี้ ผู้ครองกระบี่ปราณก่อกำเนิดคนนั้น ในสายตามาพร้อมกับคำสาบานที่พร้อมจะตาย เอ่ยอย่างแน่วแน่
“ดังนั้น พวกเราจึงไม่ขอความช่วยเหลือตั้งแต่ต้นจนจบ กระทั่งข้ายังใช้ช่วงหละหลวมที่อีกฝ่ายเปิดไว้ แจ้งกับสำนักเผ่ามนุษย์ทั้งหมดในมณฑลประกายอรุณว่าห้ามช่วยเหลือโดยเด็ดขาด!
“ครั้งนี้ พวกเราจะต่อสู้เพียงลำพัง
“ส่วนตาข่ายของวิเศษเวทต้องห้าม พวกเราก็ไม่มีอำนาจขับเคลื่อนใช้งาน สนามรบเวลานี้อยู่ในช่วงวิกฤต สถานการณ์เผ่ามนุษย์กำลังง่อนแง่น…
“แต่ข้าเชื่อเจ้าวัง ศึกใหญ่เขตปกครองผนึกสมุทรครั้งนี้ เผ่ามนุษย์ของเราจะต้องชนะ ต่อให้ข้าต้องสู้จนตัวตาย ตอนที่กองทัพใหญ่ได้รับชัยชนะ โจรชั่วทั้งหมดด้านนอก ต่างเผ่าที่อยู่เบื้องหลังการล้อมโจมตีครั้งนี้จะต้องชดใช้ด้วยการล่มสลายของเผ่า!”
ผู้ครองกระบี่ปราณก่อกำเนิดคนนั้นคำรามเสียงต่ำ สองตาแดงเถือก ผู้ครองกระบี่หลายสิบคนที่อยู่ข้างๆ หายใจหอบถี่ เตรียมจะออกไปสู้ตายแล้ว
ตอนนี้เอง เสียงครืนครันสั่นสะเทือนฟ้าดินก็ดังก้องไปทั้งแปดทิศ
หุบเหวสมุทรตีเกลียว เขาสั่นไหว
ค่ายกลใหญ่ของเขาประกายอรุณแตกสลายแล้ว
จากเศษชิ้นส่วนของค่ายกล ภูตผีปีศาจโหดเหี้ยมจากโลกภายนอก แต่ละตนคำรามออกมาอย่างละโมบและลิงโลด แห่มาจากรอบด้านของเขาประกายอรุณ
บนเขาประกายอรุณ ผู้ครองกระบี่ที่คุ้มกันอยู่เหล่านั้นก็พากันพุ่งออกมา ยิ่งเปิดใช้งานอาวุธเวทบนเขาประกายอรุณหลายสาย สาดแสงจ้าโจมตีไปรอบด้าน
ศึกใหญ่พลันเปิดฉากขึ้น
อาวุธเวทที่มาจากเขาประกายอรุณ พลานุภาพที่ระเบิดออกมาน่าครั่นคร้ามมาก ทำให้ผู้บำเพ็ญไร้สังกัดระลอกแรกที่พุ่งมาจากรอบด้านก็เข้าประชิดได้อย่างยากลำบากทันที
แต่ศัตรูก็เตรียมพร้อมมาอย่างดี พริบตาต่อมาจากการลงมือของต่างเผ่าแก่นลมปราณสามคนนั้น ม่านแสงหลายทางก็พาดลงมาจากฟ้าทันที
นั่นคือพันธนาการที่ก่อขึ้นจากของวิเศษเวทที่เผ่าใหญ่มอบให้ กลายเป็นฝ่ามือประทับขนาดยักษ์นับไม่ถ้วน ปกคลุมเขาประกายอรุณ สะกดกับดักอาวุธเวทที่ในเขาลูกนี้
ระหว่างที่เสียงบึ้มๆ ดังกึกก้อง อาวุธเวทเหล่านั้นของเขาประกายอรุณเริ่มปริแตกมากขึ้น
ขณะที่ฟ้าดินครืนครัน พวกผู้บำเพ็ญไร้สังกัดและนักโทษชั่วระลอกสองระลอกสามก็พุ่งเข้ามาพร้อมตาแดงก่ำ
วิกฤตอันตราย ปะทุขึ้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
เห็นเช่นนี้ ผู้ครองกระบี่แก่นลมปราณคนนั้นดวงตาก็ฉายแววบ้าคลั่ง คำรามเสียงดังขึ้นมา ร่วมมือกับผู้ครองกระบี่หลายสิบคนข้างกายโต้กลับ
แต่การโต้กลับเช่นนี้ ก็เหมือนเรือเล็กในเขื่อนแตกที่ไม่สลักสำคัญ
ในพริบตา พวกเขาแต่ละคนก็บาดเจ็บ กระอักเลือด น่าเวทนาถึงขีดสุด
โดยเฉพาะผู้ครองกระบี่แก่นลมปราณคนนั้น ถูกนักโทษแก่นลมปราณสามคนโจมตีพร้อมกัน บาดเจ็บสาหัสทันที


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา