บทที่ 505 จักรพรรดิหงหลิง (2)
……….
แต่จากการตรวจสอบ ระลอกคลื่นไม่มั่นคงที่แผ่ออกมาจากหิมะที่สัมผัสร่างเขา จู่ๆ ภายในก็แตกสลายเอง
‘ใช่แต่ก็ไม่ใช่…’ ขณะที่สวี่ชิงระแวดระวัง ก็ครุ่นคิดในใจ
ในหิมะนี้มีพลังพระจันทร์สีชาดอยู่ส่วนหนึ่งจริงๆ แต่น้อยถึงน้อยมาก ไม่ควรค่าให้เอ่ยถึง
พลังยุ่งเหยิงบางอย่างที่มีมากกว่ากำลังสั่นคลอนพลานุภาพของมัน แม้สวี่ชิงจะส่งผลกระทบกับมันได้ แต่กลับไม่มากนัก กระทั่งถ้าไม่ระวังก็จะแตกสลายได้
หากคิดจะควบคุมอย่างแท้จริง ก็ยังต้องสังเกตกับทดสอบอีกถึงจะได้
กระทั่งพิษที่แฝงอยู่ภายใน เมื่ออยู่ต่อหน้าพิษจากร่างสวี่ชิง ก็ไม่นับเป็นอะไร
ทว่าหิมะสีดำเหล่านี้หลังจากแปรเป็นวิชาเวทหลายสายแล้ว พลานุภาพก็แข็งแกร่งขึ้นมาก โดยเฉพาะเมื่อเกล็ดหิมะมหาศาลรวมตัวกันก็ยิ่งน่าตกตะลึง
‘สิ่งที่แฝงอยู่มากยิ่งกว่าภายใน คือพลังยุ่งเหยิงที่เต็มไปด้วยความชั่วร้ายซ้ำยังไม่มั่นคงอย่างมาก ฉุดดึงหิมะเหล่านี้หลอมละลายเข้าด้วยกัน…’
ขณะที่สวี่ชิงครุ่นคิดก็เก็บมาทดสอบบางส่วน จากนั้นก็ออกจากที่นี่ไปยังพื้นที่อื่น
เขาอยากจะสัมผัสถึงอาวุธเวททรงสี่เหลี่ยมรูปว่าวบนท้องฟ้า จะดูว่าเหมือนกับหิมะสีดำหรือไม่
แต่อีกฝ่ายอยู่บนท้องฟ้า เป้าหมายใหญ่เกินไป ยิ่งไปกว่านั้นระดับความอันตรายก็สูงมาก
สวี่ชิงจึงพุ่งเป้าไปที่ตัวผู้เก็บกู้ที่มันสร้างขึ้นแทน
ตอนนี้เมื่อไหววูบ เขาก็พุ่งไปที่ผู้เก็บกู้ที่กำลังต่อสู้กับหุ่นเชิดสงครามของเขตปกครองผนึกสมุทรตัวหนึ่งไกลๆ
ส่วนไอพลังประหลาดในนสนามรบ สวี่ชิงก็ตรวจสอบด้วยเช่นกัน
“นี่เป็นไอพลังประหลาดที่มีชีวิต ไม่ได้แผ่ออกมาจากแดนต้องห้าม แต่ถูกสร้างขึ้นมา!”
สวี่ชิงหรี่ตาลง เจ้าเงาแผ่ลามไป สูดรับไอพลังประหลาดที่มาจากรอบด้านอย่างบ้าคลั่ง
สำหรับเจ้าเงาแล้ว ไอพลังประหลาดที่มีชีวิตเหมาะกับการเจริญเติบโตมากกว่า
จากการตรงไปด้านหน้า การสังหารยังคงเปิดฉากต่อเนื่อง
เผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์ในสนามรบมากเกินไป สวี่ชิงพุ่งทะลวงเข้าไปอย่างรีบเร่ง เลือดสดค่อยๆ ชโลมบนชุดนักพรตเขา ทั้งยังไหลมาตามมือกับหน้าเขาด้วย หยดย้อยลงบนพื้น
เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้า จุดที่สวี่ชิงแล่นผ่าน ศพแต่ระร่างร่วงหล่น
เขาระมัดระวังอย่างมาก แม้ว่าตาจะแดงก่ำ แต่ในใจยังคงสงบ ไม่หยุดอยู่กับที่นาน แต่เพียงสังเกตเห็นสมบัติวิญญาณปรากฏตัว เขาก็จะเลี่ยงเป็นลำดับแรก
ต่อมาไม่นาน ในที่สุดสวี่ชิงก็เข้าใกล้จุดที่หุ่นเชิดสงครามตัวหนึ่งปะทะกับผู้เก็บกู้เช่นนี้
เมื่ออยู่ในสนามรบนานเข้า สวี่ชิงก็สัมผัสได้ถึงความยากลำบากของผู้บำเพ็ญเผ่ามนุษย์
เพราะที่นี่ เสียงครืนครันหูแทบดับนั้นรุนแรงยิ่งกว่าด้านในตาข่ายสีทองมาก ขณะที่สะท้อนก้องต่อเนื่อง ก็ค่อยๆ กลบเสียงหวีดแหลมทั้งหมดไป
ผ่านไปนานเข้า ทั้งสองฝ่ายที่ปะทะกัน ก็กลายเป็นคนหูหนวกที่เสียความสามารถทางการได้ยินไปโดยสัญชาตญาณ
เมื่อไม่ได้ยินเสียงกรีดร้องของผู้อื่น ก็จะไม่ได้ยินเสียงกรีดร้องของตนเองเช่นกัน
ผู้หนึ่งหลังจากที่เสียประสาทสัมผัสทางการได้ยินไป อารมณ์รู้สึกของเขาก็จะเกิดความรู้สึกสองอย่างที่ขัดแย้งกัน หนึ่งคือความใหญ่โตของสนามรบที่เห็น ช่างน่าเวทนาเหลือเกิน
ส่วนอีกอย่างคือสัมผัสของตนเอง ก็ราวกับเล็กจ้อยเสียยิ่งกว่าอะไร เพราะไม่ได้ยินเสียงของผู้ใดเลย
สภาวะเช่นนี้ จะทำให้คนยิ่งมีสมาธิในการสังหาร แต่ขณะเดียวกัน ก็ทำให้สภาพจิตใจใกล้จะพังทลายอีกด้วย
คนเช่นนี้ สวี่ชิงเห็นมามากมายตลอดทาง โดยเฉพาะศพ บางส่วนขณะที่ตายไป ก็ป้องหูด้วยสัญชาตญาณ ไม่ให้ได้ยินเสียงครืนครันสนั่นนั่น
เผ่ามนุษย์เป็นเช่นนี้ เผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์ก็เช่นเดียวกัน
เวลานี้ใต้เท้าสวี่ชิง ก็เป็นศพสภาพนี้ร่างหนึ่ง
หลังจากเขามองก็ถอนสายตากลับมาเงียบๆ จ้องงผู้เก็บกู้กับหุ่นเชิดสงคราม สงครามของพวกเขามาถึงช่วงท้ายแล้ว หุ่นเชิดสงครามกำลังได้เปรียบ
ทั้งสองฝ่ายสูงนับสิบจั้ง หุ่นเชิดของเขตปกครองผนึกสมุทรเป็นรูปร่างมนุษย์ ส่วนผู้เก็บกู้รูปร่างเหมือนตั๊กแตน ลงมือกันโหดเหี้ยมมาก ทุกครั้งที่โจมตีใส่บ้างก็เลือดเนื้อหลุดลอยออกมา บ้างก็ชิ้นส่วนของหุ่นเชิดแตกไปเป็นวงกว้าง
ขอบเขตของผลกระทบไม่น้อย พลังต่อสู้ที่สำแดงออกมาก็มากเหนือกว่าปราณก่อกำเนิด ไปถึงระดับของสมบัติวิญญาณแล้ว
ทอดสายตามองไป ระหว่างหุ่นเชิดสงครามนับหมื่นกับผู้เก็บกู้ ก็ล้มตายไปแล้วกว่าครึ่ง
ไม่นานนัก การปะทะกันที่ดำเนินมายาวนานก่อนหน้าก็สิ้นสุด ในที่สุดหุ่นเชิดสงครามเขตปกครองผนึกสมุทรก็ทำลายผู้เก็บกู้ได้ หลังจากที่กระจายเป็นเสี่ยงๆ ร่างของมันก็ไม่ได้หยุด ทะยานไปอย่างรวดเร็ว
สวี่ชิงก้าวมาอยู่ตรงหน้าชิ้นเลือดเนื้อของผู้เก็บกู้ สัมผัสถึงกลิ่นอายที่หลงเหลืออยู่ ไม่นานเขาสังเกตได้ว่าด้านในแฝงพลังพระจันทร์สีชาดไว้จริงๆ ยิ่งไปกว่านั้นยังเข้มข้นยิ่งกว่าหิมะสีดำด้วย
สวี่ชิงดวงตาจ้องเพ่ง ตอนที่จะสัมผัสอย่างละเอียดอีกครั้ง ตอนนี้เอง สงครามก็เกิดการเปลี่ยนแปลงกะทันหัน!
เสียงของเจ้าวัง มาพร้อมความเคร่งขรึมอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ดังก้องไปทั้งสนามรบ
“เหล่าทหารทั้งหมดของเขตปกครองผนึกสมุทร ถอยกลับมาทันที!!”
แทบจะพริบตาที่เจ้าวังพูดออกมา ท้องฟ้าก็เปลี่ยนสี เสียงสะเทือนเลื่อนลั่นที่เหนือกว่าการโคจรของอาวุธเวทสงคราม ก็ดังมาจากคลื่นวนบนฟากฟ้า
เสียงนี้ดังมาก สะกดทุกสรรพสิ่ง ทำให้ผู้บำเพ็ญทั้งสองฝ่ายบนสนามรบ ราวกับฟื้นฟูความสามารถการได้ยินกลับมา
ปึงปึง!
ปึงปึง!
ปึงปึง!

ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา