บทที่ 578 ร่ายระบำแด่เทพเจ้า ยอดเยี่ยมประทานรางวัล ยอดแย่ประทานความตาย!
ความรู้สึกวิงเวียนของสวี่ชิงตอนนี้ยังคงรุนแรงเช่นเคย แต่ประสบการณ์หลายครั้งทำให้เขาพอจะคุ้นชิน ตอนนี้มองทุกอย่างรอบๆ แล้วมองไปทางลูกท้อในมือนายกอง
สวี่ชิงหัวเราะ
“มองออกนิดหน่อย เทือกเขามิรู้สิ้นเป็นเหมือนละครฉากหนึ่ง”
นายกองได้ยินในดวงตาฉายแววชื่นชม หัวเราะร่า
“เป็นละครฉากหนึ่งจริงๆ นั่นแหละ
“ศิษย์น้องเล็ก นี่เป็นละครที่ถวายแด่พระจันทร์สีชาดชื่อหมู่ เจ้าและข้าโชคดีได้เป็นผู้ร่วมแสดงในละคร ดีจะตายไป”
สวี่ชิงพยักหน้า สังเกตถึงคำว่าถวายแด่พระจันทร์สีชาดชื่อหมู่ที่นายกองพูด
“ในแผ่นดินใหญ่เซ่นจันทรา ที่ที่มีสำนักบุปผาหยินหยางล้วนแต่มีพลังห้วงฝันพระจันทร์สีชาดชื่อหมู่ปกคลุมอยู่ทั้งนั้น สำนักบุปผาหยินหยางจะเขียนบทละคร ให้เป็นความฝันของเทพเจ้า”
นายกองหัวเราะพลางเอ่ย
“นี่ก็คือระบำบวงสรวงของสำนักบุปผาหยินหยาง”
แม้สวี่ชิงจะคาดเดาอะไรได้มากมาย แต่ก็ไม่ได้คิดเชื่อมโยงกับระบำบวงสรวง ตอนนี้ได้ยินก็สะกิดใจเล็กน้อย
“ผีเสื้อเริงระบำพวกนั้น…” สวี่ชิงมองไปทางนายกอง
“ผีเสื้อเริงระบำก็คือสิ่งมีชีวิตห้วงฝันที่เกิดขึ้นหลังจากที่นักร่ายระบำบวงสรวงอาศัยพลังห้วงฝันของเทพเจ้าส่งอิทธิพลต่อสรรพชีวิตทั้งหลาย ท่ามกลางการปะทะและสอดประสานครั้งแล้วครั้งเล่า กลายเป็นห้วงฝันของสิ่งมีชีวิต”
นายกองกินลูกท้อ หิ้วร่างชาติก่อนไว้ในมือ เดินไปหาสวี่ชิง เดินไปด้วย พูดไปด้วย
“มันเป็นภาพมายา เป็นหนึ่งในภาชนะของพลังห้วงฝัน และเป็นสื่อกลางในการส่งสัมผัสการรับรู้ขององค์ท่าน ในทันทีที่เทพเจ้าฟื้นตื่นขึ้นมาในเรื่องของที่นี่”
สวี่ชิงสูดลมหายใจลึก คำอธิบายเช่นนี้เหลือเชื่อนัก แต่หลังจากที่ย้อนคิดทุกอย่างก็ตรงกับที่คิดเอาไว้
“แต่ว่า ก่อนที่เทพเจ้าจะตื่นขึ้น ผีเสื้อพวกนี้กลับไปไม่ได้ และไม่สามารถสะท้อนละครฉากใหญ่นี้เข้าไปได้
“ข้ารู้เรื่องทุกอย่างนี้ อีกทั้งเหตุผลที่เลือกเป็นฝ่ายเข้ามาเอง เจ้าเดาได้หรือไม่ศิษย์น้องเล็ก”
นายกองสีหน้าแฝงด้วยความได้ใจ เดินมายังข้างกายสวี่ชิง
สวี่ชิงสายตาจับจ้องร่างชาติก่อนที่นายกองหิ้วเอาไว้ ในใจมีคำตอบแล้ว
“ดังนั้น ร่างชาติที่แล้วของท่านไม่ได้หายไป สุสานที่พวกเราไปก่อนหน้านี้ความจริงแล้วเป็นของปลอม
“เหมือนกับที่ศิษย์พี่ใหญ่ท่านพูดไว้ในตอนแรก เพื่อที่จะป้องกันโจรขโมยสุสาน ท่านวางสุสานลวงบางอย่างเอาไว้ล่วงหน้า สถานที่ที่พวกเราไป ความจริงแล้ว…ก็เป็นหนึ่งในสุสานลวง
“ตอนนั้นหนิงเหยียนเคยถามท่านว่าสุสานลวงเก้าแห่งที่ว่า สองแห่งสุดท้ายคืออะไร
“ตอนนั้นท่านยิ้มแต่ไม่พูด เพราะสุสานที่พวกเราไปก็คือสุสานลวงแห่งที่แปด และทั้งเทือกเขามิรู้สิ้นก็คือ…สุสานลวงแห่งที่เก้า!”
สวี่ชิงมองนายกอง เอ่ยเนิบนาบ
“ศิษย์พี่ใหญ่ ตอนนั้นท่านไปล่วงเกินผู้อื่นไปมากเท่าใด ทำเรื่องอะไรลงไปถึงได้กลัวจะมีคนมาขโมยร่างชาติก่อนของท่านถึงเพียงนี้กัน”
นายกองได้ยินก็ตกใจเล็กน้อย จากนั้นก็หัวเราะร่าขึ้นมา
“สมแล้วที่เป็นศิษย์น้องของข้า เจ้าพูดได้ถูกต้องแล้ว สุสานแห่งนั้นเป็นแห่งที่แปด เทือกเขามิรู้สิ้นแห่งนี้คือแห่งที่เก้า!”
“ศิษย์พี่ใหญ่ ท่านเรียนรู้สิ่งที่ไม่ได้จากไป๋เซียวจัวมาแล้ว บอกคำตอบล่วงหน้า เรื่องนี้ไม่ดี” สวี่ชิงขมวดคิ้ว
นายกองหัวเราะฮี่ๆ เขาเรียนวิธีการพูดแบบนี้มาจากไป๋เซียวจัวจริงๆ เขารู้สึกว่าเช่นนี้ยิ่งทำให้ตัวเองยิ่งดูเก่งกาจสุดยอด
“อยากรู้ว่าสุสานของจริงอยู่ที่ใดหรือไม่” นายกองยักคิ้วหลิ่วตา ทำท่าเหมือนยั่วให้อยากรู้
สีหน้าที่คุ้นเคย ความเจ้าเล่ห์ที่คุ้นเคย รูปแบบที่คุ้นเคย ทำให้สวี่ชิงถอนหายใจโล่งอก จากนั้นก็เอ่ยด้วยใบหน้าไร้อารมณ์
“อยู่ในฝัน”
สวี่ชิงไม่อยากให้ความร่วมมือแล้ว
นายกองตาเบิกโพลง รู้สึกว่าไม่ค่อยสนุกเท่าไร อาชิงน้อยไม่น่ารักเหมือนอย่างเมื่อก่อนแล้ว แต่ว่าเขามองออกว่าสวี่ชิงโมโห จึงโอบไหล่สวี่ชิง เอ่ยเสียงต่ำทุ้ม
“ศิษย์น้องเล็กเจ้าเยี่ยมยอดมาก ขนาดเรื่องนี้ยังเดาได้
“ร่างชาติก่อนของข้า ตอนนั้นภายใต้การช่วยเหลือจากเทพชั้นสูงลึกลับองค์หนึ่ง ได้ซ่อนเอาไว้ในฝันของพระจันทร์สีชาดชื่อหมู่…ยิ่งบีบผีเสื้อเริงระบำในห้วงฝันนั้นให้แหลกละเอียด”
สวี่ชิงดวงตาจ้องเพ่ง ประโยคนี้ของนายกองพูดถึงเทพชั้นสูงลึกลับ ทำให้เขาจับจุดสนใจ
ขณะเดียวกัน ฟ้าดินแห่งนี้ในเสี้ยวขณะนี้ก็เกิดการเปลี่ยนแปลง สิ่งมีชีวิตทั้งหมดรอบๆ สีหน้าจากเฉยชามาเป็นเหี้ยมเกรียม ไม่ว่าจะเป็นต้นไม้ใบหญ้า หรือขุนเขาก้อนหิน ทุกสิ่งทุกอย่างในเสี้ยวขณะนี้ล้วนแผ่จิตปฏิปักษ์อันรุนแรงออกมา
จิตปฏิปักษ์นี้รวมมาจากทั่วทุกสารทิศ ปะทุมาจากทุกสรรพสิ่งในเทือกเขามิรู้สิ้น หลังจากรวมเข้าด้วยกันก็เปลี่ยนเป็นเสียง
“ไสหัวออกไป!”
จากเสียงที่ดังออกมา เทือกเขามิรู้สิ้นต่างคำรามก้อง แผ่นดินสั่นไหว เมืองใต้เขาสั่นคลอนเช่นกัน
นายกองหัวเราะ ไม่อธิบายถึงเทพชั้นสูงลึกลับองค์นี้ และไม่สนใจการเปลี่ยนแปลงรอบๆ นี้เช่นกัน เขาพูดถึงสถานที่ที่ร่างชาติก่อนของตนอยู่ต่อไป
“ส่วนวิธีเปิดก็มีแค่ต้องเข้าไปในห้วงฝันเท่านั้นถึงจะได้ ข้าจึงไม่ได้เตือนเจ้าก่อน เพราะทุกอย่างต้องตรงกับเงื่อนไขของความฝันที่นี่ มีเพียงเช่นนี้ ข้าถึงจะเข้ามาในฉากละครได้จริงๆ
“แต่ว่าก่อนหน้านี้ข้าก็เตือนเจ้าแล้วนี่นา ศิษย์น้องเล็กไม่โมโหนะๆ” นายกองหน้ายิ้มระรื่น ยกร่างชาติก่อนที่อยู่ในมือขึ้นมา
“เจ้าดูสิ เป้าหมายของข้าความจริงแล้วก็ยังคงเป็นมัน เพราะมันคือกุญแจที่จะเปิดความฝันที่ร่างชาติก่อนของข้าอยู่ เจ้าจะต้องเดาไม่ได้แน่ๆ ว่าร่างเดิมของเจ้านี่คืออะไร”
นายกองพูดพลางสะบัดมือขวา ทันใดนั้นร่างชาติก่อนที่อยู่ข้างหน้าเขาก็แปรเปลี่ยนเป็นน้ำสีดำรดลงมา เผยให้เห็นที่ใจกลางมี…ผีเสื้อเริงระบำเน่าเฟะตัวหนึ่ง!
กลิ่นอายเก่าแก่โบราณที่แผ่ออกมาจากในนั้นเห็นได้ชัดว่ามันไม่ได้เพิ่งถือกำเนิดขึ้นมา แต่อยู่ในห้วงเวลามานานแสนนานมากๆ ยิ่งเมื่อมีการปกปิดอำพรางจากคุณสมบัติสายเลือดที่สูงมากๆ จึงทำให้ชื่อหมู่เมื่ออยู่ภายใต้ความประมาทก็ไม่ค้นพบ
นี่ก็คือกุญแจ
การปรากฏขึ้นของมันทำให้ทั่วทุกสารทิศสั่นคลอน ฟ้าดินเปลี่ยนสี ลมเมฆหอบม้วน ทั่วเทือกเขามิรู้สิ้นสั่นคลอนรุนแรงเป็นอย่างยิ่ง สรรพชีวิตรอบๆ นับไม่ถ้วนสีหน้าล้วนฉายแววดิ้นรนและเจ็บปวดออกมา
ยิ่งมีหินภูเขาร่วงถล่ม ต้นหญ้าแหลกลาญ
ในเสี้ยวพริบตาของการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ทุกอย่างนี้ ในสำนักบุปผาหยินหยางแผ่ระลอกน่าครั่นคร้ามออกมา ยิ่งมีเสียงคำรามที่โกรธแค้นเป็นอย่างยิ่งดังแผ่ออกไปในฟ้าดิน
“ตื่นขึ้นมา ตื่นขึ้นมา!”


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา