บทที่ 582 กระตุกหนวดเสือ ล้วงคองูเห่า (1)
สวี่ชิงคิดเช่นนี้ก็รู้สึกขึ้นมาทันทีว่าตัวเองนั้นมีเหตุผล อย่างไรเสียนี่ก็คือสิ่งที่อาจารย์สอนสั่งตน และสิ่งที่อาจารย์สอนไม่มีทางผิด
สวี่ชิงโล่งอก ในใจไม่นานนักก็สงบเยือกเย็นเป็นอย่างยิ่ง สายตายิ่งเป็นประกายแจ่มชัด
เขาเผชิญหน้ากับเจตจำนงตั้งมั่นยิ่งใหญ่ที่แผ่ซ่านออกมาจากกระจกอย่างไม่มีสิ่งใดต้องละอาย
ในใจสงบนิ่ง
กระจกบานนั้นกะพริบแสงเบาบางข้างหน้าเขา ท่ามกลางความรางเลือนยังมีพลังคำสาปจำนวนหนึ่งแผ่ซ่านออกมาจากผิวกระจก คล้ายว่าถูกขับออกมา
สวี่ชิงกวาดตามอง ยังคงสุขุมเยือกเย็น
ไม่นานนัก หลังจากกระจกขับคำสาปออกไปเสร็จแล้ว ประกายแสงก็หมองลงเล็กน้อย แต่เจตจำนงมุ่งมั่นในนั้นยังคงแผ่ออกมา บอกสวี่ชิงถึงเนื้อหาการทดสอบเรื่องที่สอง
“ศรัทธา”
สวี่ชิงพึมพำ ก่อนหน้านี้จากการศึกษาค้นคว้าการทดสอบตำหนักขบถจันทร์ของเขาก่อนหน้านี้ก็รู้ถึงเนื้อหาหัวข้อที่สอง
การทดสอบศรัทธาหัวข้อที่สอง สำหรับผู้บำเพ็ญแผ่นดินใหญ่เซ่นจันทราแล้ว แทบจะทั้งร้อยส่วนล้วนไม่มีปัญหาเท่าใด ประเด็นสำคัญของการทดสอบข้อนี้คือการแยกแยะผู้บำเพ็ญตำหนักเทพพระจันทร์สีชาดที่แฝงตัวเข้ามา
ขอเพียงศรัทธาพระจันทร์สีชาด ในกายมีคำอวยพรจากพระจันทร์สีชาด เช่นนั้นด่านนี้ไม่มีทางผ่านแน่นอน
สวี่ชิงถอนหายใจ
เขารู้ดีว่าหากผ่านการทดสอบหัวข้อแรกได้โดยการใช้วิธีของตัวเอง เช่นนั้นก็หมายความว่าหัวข้อที่สองระดับความยากจะต้องมากจนเกินสมควรอย่างแน่นอน
“นี่หมายถึงตำหนักขบถจันทร์แยกพระจันทร์สีม่วงกับพระจันทร์สีชาดไม่ออก…”
นี่ก็สามารถเข้าใจได้ อย่างไรเสีย จะพระจันทร์สีม่วงก็ดี พระจันทร์สีชาดก็ช่าง ต่างมีพลังอำนาจเดียวกัน เพียงแต่เจ้าของต่างกันก็เท่านั้น แต่สำหรับสวี่ชิงแล้วนี่เป็นตรรกะที่พายเรือในอ่างชวนให้ปวดหัว
ทั้งๆ ที่เขาไม่ได้ศรัทธาอะไรพระจันทร์สีชาดชื่อหมู่ แต่ในร่างของตัวเองมีพลังพระจันทร์สีม่วง จะต้องถูกมองว่าเป็นผู้บำเพ็ญของพระจันทร์สีชาดอย่างแน่นอน กระทั่งว่าเข้าใจผิดคิดว่าเขาเป็นบุตรเทวะก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้
“การทดสอบนี้ต้องหาวิธีอื่นสอบให้ผ่าน”
สวี่ชิงไม่กล้าบุ่มบ่ามลอง แต่ก็ไม่ได้ยอมแพ้ การศึกษาค้นคว้าก่อนหน้านี้ เขานึกย้อนถึงรูปแบบการลงมือของอาจารย์อยู่หลายครั้ง ในใจมีวิธีบางอย่างแล้ว แต่ว่าต้องวิเคราะห์ให้ละเอียดถึงจะได้
เวลาผ่านไปแต่ละวันเช่นนี้เอง
เจ้าเงายังคงออกไปล่าให้สวี่ชิงบ้างเป็นบางครั้ง บรรพจารย์สำนักวัชระก็ทุ่มสุดตัวเช่นกัน ลอยอยู่บนคานคอยจ้องแขกทุกคนที่เข้ามาในร้าน
ส่วนต้นอ่อนน้อยยิ่งเติบโตดี ขยับไหวทุกวัน ราวกับว่ากำลังเต้นระบำ
ส่วนหลิงเอ๋อร์ อารมณ์ของนางดีมากขึ้นทุกวันๆ เพราะเวลาจดบัญชีนานขึ้นแล้ว
ร้านยาเล็กๆ ของพวกเขาร้านนี้ จากเวลาที่เปิดมาได้นาน จากการขายลูกกลอนขาวครั้งแล้วครั้งเล่า ก็ค่อยๆ บอกต่อกันไป ดังนั้นลูกค้าที่เดินทางมาซื้อยาย่อมมากขึ้นไปตามธรรมชาติ
นี่ทำให้ความระแวดระวังของบรรพจารย์สำนักวัชระยิ่งสูงขึ้น แต่ว่าเขาก็ไม่ได้แสดงความสามารถอะไร ผู้บำเพ็ญที่มาซื้อยาส่วนมากล้วนเป็นระดับรวมปราณ ระดับสร้างฐานมีให้เห็นน้อย
อย่างไรเสีย ลูกกลอนขาวยาประเภทนี้ ผู้บำเพ็ญระดับรวมปราณต้องการมากที่สุด และในเมืองเล็กๆ แม้จะมีผู้บำเพ็ญระดับสูงปรากฏ แต่ก็มีก็มีผู้บำเพ็ญไร้สังกัดอาศัยอยู่เพียงลำพังในเทือกเขาทนทุกข์มาซื้อบ้างเป็นบางครั้ง
สำหรับความต้องการลูกกลอนขาว พวกเขามีทางซื้อจากที่อื่น ไม่สนใจร้านยาเล็กๆ ธรรมดาๆ เช่นนี้
ส่วนขั้วอำนาจ ในเทือกเขาทนทุกข์ค่อนข้างวุ่นวาย ขั้วอำนาจเล็กใหญ่มากมาย ล้วนรวมตัวกันตามเผ่าพันธุ์หรือจับกันเป็นกลุ่ม ผู้บำเพ็ญระดับต่ำในขั้วอำนาจเหล่านี้และประชาชนในเมืองเล็กๆ ถึงจะเป็นกลุ่มผู้ซื้อสำคัญของร้านยาเล็กๆ
ยกตัวอย่างเช่นตอนนี้ก็มีเด็กหนุ่มเผ่ามนุษย์คนหนึ่งเดินมาในร้านยา
เด็กหนุ่มคนนี้สวมชุดคลุมยาวตัวกว้าง พลังบำเพ็ญประมาณรวมปราณขั้นห้า เขามาจากขั้วอำนาจระดับกลางแถวๆ นี้ เพราะมีสหายข้างกายเคยซื้อยาที่นี่ ดังนั้นเมื่อได้รู้ก็เลือกที่จะมาซื้อยาที่นี่เช่นกัน
ทันทีที่เดินเข้ามาในร้านยา เขากวาดตามองรอบๆ อย่างระมัดระวัง สิ่งที่ได้เห็นในพริบตาแรกคือเด็กสาวหน้าตาอัปลักษณ์ที่ก้มหน้าจดบัญชีข้างหลังโต๊ะรับลูกค้า หลังจากมั่นใจว่าไม่มีอันตราย เขาก็ก้าวเท้าเดินไปยังโต๊ะรับลูกค้าอย่างรวดเร็ว
“ข้าเอาลูกกลอนขาวสิบเม็ด!”
หลิงเอ๋อร์ตาเป็นประกาย คว้าเหรียญวิญญาณมาอย่างรวดเร็ว หลังจากตรวจสอบอย่างละเอียดทีละเหรียญๆ แล้ว ก็เก็บลงไปอย่างดีด้วยความพอใจ เอาถุงออกมาใบหนึ่งแล้วยื่นไป
“ครั้งหน้ามาอีกนะ” หลิงเอ๋อร์ยิ้มพลางเอ่ย
เด็กหนุ่มรับถุงมา เปิดออกตรวจสอบดูอย่างละเอียด พบว่าลูกกลอนขาวที่นี่เหมือนกับที่สหายบอกจริงๆ ไม่เหมือนกับที่อื่นๆ ไม่มีสิ่งแปลกปลอมใดๆ
เขาจึงเอาออกมาหนึ่งเม็ดแล้วกลืนลงไป หลังจากสิบกว่าอึดใจ ในยามที่ลืมตาขึ้น เขาเหงื่อออกทั่วทั้งร่าง สีหน้าค่อนข้างตื่นเต้น
“ฤทธิ์ยาดีขนาดนี้เชียวหรือ” เด็กหนุ่มตะลึง ถอยหลังไปหลายก้าว ในตอนที่กำลังจะจากไปเขาลังเลขึ้นมาเล็กน้อย หันไปมองทางหลิงเอ๋อร์
หลิงเอ๋อร์ยิ้มพลางมองไป
“ท่านลูกค้าผู้นี้ยังมีอะไรต้องการอีกหรือไม่”
เด็กหนุ่มลังเลเล็กน้อย ท่าทางเนื่องจากฤทธิ์ยาของลูกกลอนขาวจึงเปลี่ยนมาเคารพนอบน้อมขึ้นเล็กน้อย เอ่ยเสียงต่ำทุ้มออกไป
“ที่เจ้าที่นี่มียาแก้พิษหรือไม่
“ช่วงนี้ทุกครั้งที่ข้าฝึกบำเพ็ญล้วนสะกดกลั้นไม่ไหวกระอักเอาเลือดสีดำเหม็นคาวออกมา อีกทั้งบริเวณหัวใจยังเกิดอาการเจ็บแปลบๆ บางครั้งนั่งสมาธิก็เจ็บจี๊ดขึ้นมาจนหลุดจากสมาธิ
“ข้าสงสัยว่าตัวเองจะถูกพิษ”
หลิงเอ๋อร์สายตากวาดไป กำลังจะเอ่ยปาก เด็กหนุ่มรีบพูดขึ้นมา
“ข้ายังมีหินวิญญาณอีกก้อน!”
หลิงเอ๋อร์กะพริบตาปริบๆ หันไปมองข้างหลัง
“พี่ชาย มีลูกค้ารายใหญ่มา!”
ในห้องด้านหลัง สวี่ชิงลืมตา
ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา