บทที่ 587 เงาร่างน่ากลัวในลมทราย
“ลมครามเปลี่ยนสี…”
สวี่ชิงพึมพำในใจ แววตาล้ำลึก พายุสีขาวนอกหน้าต่างทำให้เขารู้สึกไม่สงบขึ้นมาเล็กน้อย
การเปลี่ยนแปลงใดๆ ในฟ้าดิน หากไม่เกี่ยวกับกฎเกณฑ์ก็เป็นพลังที่เหนือกว่าจะจินตนาการได้ทำการก่อกวน ยกตัวอย่างเช่นการปะทุของทะเลเพลิงสวรรค์ ยกตัวอย่างเช่นลมทะเลทรายครามในเวลานี้
‘ระหว่างสองสิ่งนี้มีความเชื่อมโยงอะไรกันอยู่อย่างนั้นหรือ’
สวี่ชิงมีความเข้าใจในแผ่นดินใหญ่เซ่นจันทราน้อยมาก และเรื่องที่ไม่อาจเข้าใจได้ในโลกนี้ก็มีมากมาย ตอนนี้ท่ามกลางการเงียบนิ่ง สวี่ชิงยกมือขึ้นยื่นออกไปนอกหน้าต่าง รับเม็ดทรายขาวกลางสายลมเอาไว้เม็ดหนึ่งแล้วเอามาข้างหน้า
เม็ดทรายเป็นสีขาวบริสุทธิ์ทั้งเม็ด คล้ายว่ามีชีวิต ดิ้นรนอยู่กลางฝ่ามือสวี่ชิง หลังจากพบว่าไม่อาจดิ้นรนได้ มันก็ไชไปในเลือดเนื้อสวี่ชิง
สวี่ชิงมือขวาประกายแสงสีทองฉายวาบ ขัดขวางการไชลงไปของเม็ดทราย ทำการสังเกตอย่างละเอียด
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง สวี่ชิงมองร่องรอยอะไรบางอย่างออก เม็ดทรายสีขาวเม็ดนี้…เหมือนเป็นไข่แมลงอย่างหนึ่งมากกว่า
‘หรือลมครามเปลี่ยนสีจะเป็นเพราะตัวตนที่ไม่รู้อะไรบางอย่างวางไข่ของตัวเอง ทำให้มันหอบม้วนไปทั่วทั้งทะเลทราย ดูดซับสารอาหารอย่างนั้นหรือ’
สวี่ชิงสายตาครุ่นคิด นี่เป็นเพียงแค่การวิเคราะห์ของเขา ไม่มีข้อพิสูจน์
ส่วนเม็ดทรายจะเป็นไข่แมลงหรือไม่ก็เป็นเพียงแค่ความรู้สึกของสวี่ชิงเท่านั้น ไม่มีหลักฐานอะไร อย่างไรเสีย สิ่งแปลกประหลาดในฟ้าดินมีมากมาย ดังนั้นหลายครั้งความรู้สึกก็ไม่สามารถเชื่อได้ทั้งหมด
หลิงเอ๋อร์ก็โผล่หน้าออกมาในตอนนี้เช่นกัน มองไปโลกภายนอก ในดวงตาฉายความเคารพยำเกรง นางสัมผัสได้ถึงความอัปมงคลที่แฝงอยู่ในลมทรายสีขาวเช่นกัน
เห็นสีหน้านี้ของสวี่ชิง นกแก้วก็สันหลังหวะไปเล็กน้อย กะพริบตาปริบๆ ไม่ได้บอกเรื่องที่ตัวเองถ่ายหนักออกไป
ครู่หนึ่งสวี่ชิงดึงสายตากลับมาจากเม็ดทราย มองไปทางนกแก้วทางนั้น
นกแก้วร่างสะท้านเฮือก รีบยืนตัวตรง
“เจ้าพาคนเคลื่อนย้ายชั่วพริบตาไปด้วยได้ใช่หรือไม่”
“ข้าทำได้!” นกแก้วเอ่ยเสียงดัง ในใจกลับแอบพูดว่าข้าทำได้น่ะทำได้อยู่หรอก แต่ก็ต้องดูอารมณ์ของข้าด้วย
“นายกองอยู่ทางไหน” สวี่ชิงถามต่อ
“อยู่ทางตะวันตกของที่นี่ ใกล้กับริมฝั่งแม่น้ำเซ่นทมิฬ” นกแก้วตอบอย่างรวดเร็ว
สวี่ชิงไม่ถามอะไรอีก แม้จะไม่ค่อยเข้าใจว่านายกองให้นกแก้วมาเรียกตนไปจะจุดไฟอย่างไรกันแน่ แต่ในเมื่อเกี่ยวกับดวงอาทิตย์ น่าจะต้องการพลังวิหคทองของตน
“ไปน่ะได้ แต่เจ้าเงายังไม่กลับมา”
เนื่องจากสวี่ชิงศึกษาค้นคว้าคำสาป ดังนั้นเจ้าเงามักจะออกไปข้างนอกออกล่าให้เขาเสมอ บางครั้งวันสองวันก็กลับมา บางครั้งต้องใช้เวลาถึงห้าหกวัน
สวี่ชิงเงยหน้า มองไปทางสีขาวสลัวรางเลือนในฟ้าดินที่ไกลๆ ในใจเรียกขานเจ้าเงา แต่กลับไม่มีการตอบรับใดๆ ลมทรายนี้สกัดกั้นทุกสิ่ง
สวี่ชิงทำได้เพียงอาศัยการติดต่ออันรางเลือน สัมผัสได้จากไกลๆ ว่าเจ้าเงาอยู่ในที่ที่ไกลมากแห่งหนึ่ง อีกทั้งไม่ได้เคลื่อนไหวอะไรเท่าไร
และนกแก้วยังสามารถกลับมาก่อนจะเกิดลมได้ ตามหลักแล้ว เจ้าเงาไม่มีทางโง่ถึงขนาดเห็นลมขาวแล้วนิ่งอยู่เฉย
“พี่สวี่ชิง เจ้าเงาทางนั้น…” หลิงเอ๋อร์มองไปทางสวี่ชิง ในใจค่อนข้างเป็นกังวล
“น่าจะมีปัญหานิดหน่อย พวกเราไปดูก็ได้แล้ว”
สวี่ชิงเอ่ยอย่างสงบนิ่ง หันกลับไปมองร้านยาร้านเล็กๆ นี้ผาดหนึ่ง จัดระเบียบสิ่งของครู่หนึ่งก็ผลักประตูร้านยาออกไป ในตอนที่เดินออกไปเขายังลงกลอนประตูใหญ่ คิดอยู่ครู่หนึ่งก็หาป้ายมา แล้วเขียนว่าปิดร้านสองสามเดือนแขวนเอาไว้
แล้วจึงจากไป
นกแก้วและบรรพจารย์สำนักวัชระทะยานออกไปแล้ว หนึ่งคอยอยู่เคียงข้าง อีกหนึ่งเกาะมาที่ไหล่ของสวี่ชิงอย่างระมัดระวัง
ไม่ได้สนใจพวกมัน สวี่ชิงเดินไปในเมืองดิน
บนถนนผู้คนมีน้อยมาก มีเงาร่างจำนวนน้อยบางร่างกำลังคุกเข่าหมอบคารวะไปยังฟ้าดิน ปากส่งเสียงพึมพำ
ส่วนลมทรายสีขาวรอบๆ พัดกวาดมาจากทางขอบฟ้า กระหน่ำซัดอย่างรวดเร็วไปยังบ้านเรือนทุกแห่งในเมืองดิน ทุกบ้านล้วนปิดประตูสนิท
มีเพียงผู้ที่ร่างกายผิดปกติเหล่านั้นถึงจะเดินอยู่กลางสายลมในเวลานี้ มองไปยังฟ้าดินสีขาว หมอบคารวะไม่หยุด
“ไป๋หมู่ฟื้นตื่น เสพสุขวาสนาแม่น้ำเพลิง
“บุตรเทวะเยือนโลกา ช่วยทั้งแปดดินแดนให้พ้นทุกข์
“คนทั้งหลายลุ่มหลงมัวเมา ฝังจิตใจไม่ใหลหลง
“ข้ายินดีเป็นธุลี หล่อเลี้ยงผืนนภา”
เสียงพึมพำดังมาจากปากผู้ที่รูปร่างผิดปกติที่คุกเข่าหมอบคารวะต่อสายลมขาวเหล่านั้น มาพร้อมด้วยความยึดมั่น ศรัทธา ท่ามกลางการโขกศีรษะคารวะนี้พวกเขายิ่งถอดเสื้อตัวกว้างที่ปกคลุมร่างกาย เผยร่างอันอัปลักษณ์จนเกินกว่าที่ควรจะเป็นไปมากออกมาให้เห็น
ร่างของพวกเขาดูน่าสยดสยองนัก เหมือนเคยเจริญเติบโตอย่างไร้ระเบียบ มีเส้นเนื้อห้อยย้อยมากมาย มีบางคนที่ช่วงท้องกระทั่งว่ามีอวัยวะหรือใบหน้างอกออกมา
เส้นเนื้อเหล่านั้นตอนนี้ต่างยกชูขึ้นมาเอง พริ้วโบกไปทั่วทุกทิศ
ภาพนี้ทำให้นกแก้วเห็นแล้วสูดลมหายใจ ดวงตาเบิกกว้าง
สวี่ชิงสายตากวาดไป สีหน้าเป็นปกติ ก่อนหน้านี้ในตอนที่เขามาถึงที่นี่ก็สัมผัสได้แล้ว ตอนนี้ไม่ได้แปลกใจสักเท่าไร เดินผ่านข้างกายผู้มีร่างกายผิดปกติที่พึมพำคุกเข่าหมอบคารวะเหล่านี้ไป
แต่ละก้าวๆ เดินออกไปนอกเมืองเดินไปยังหน้าผาที่อยู่ขอบชายแดน
มองไปจากตรงนี้ ฟ้าดินขาวโพลนไปทั่วทั้งผืน ลมกรีดหวิดหวิวพัดกระหน่ำซัดวน ทั่วทั้งโลกเหมือนกลายเป็นมหาสมุทรสีขาว เม็ดทรายนับไม่ถ้วนขยับไปตามเม็ดลม พัดมาบนร่างสวี่ชิง ร่วงมาบนเสื้อ ไชไปในเลือดเนื้อของเขา
เสี้ยวขณะต่อมา บนร่างสวี่ชิงแสงทองฉายประกายวาบ เม็ดทรายเหล่านี้ร่วงลงมาหมด
สัมผัสทิศทางของเจ้าเงาเล็กน้อย สวี่ชิงกระชับปกเสื้อ ไหววูบไปข้างหน้า ทั้งคนแปรเปลี่ยนเป็นสายรุ้งยาวไปจากเทือกเขาทนทุกข์ ย่างก้าวไปในทะเลทราย
อาภรณ์สะบัดปลิว ลมทรายท่วมจมเขาจนมิด
ในทะเลทราย สวี่ชิงเคลื่อนไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ในลมทรายนี้ จำนวนเม็ดทรายมีมากมายมหาศาล ปกคลุมเขามาจากทั่วทุกทิศทาง ท่ามกลางความรางเลือนมีความละโมบเป็นระลอกๆ เกิดขึ้นมาจากสรรพสิ่งต่างๆ ด้วย
ยิ่งมีพลังชีวิตตลบอวลในฟ้าดิน ทำให้สรรพสิ่งทั้งหลายที่นี่ ร่างกายอยู่ภายใต้การโจมตีเช่นนี้เกิดการเจริญเติบโตขึ้นมาโดยไม่อาจควบคุมได้


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา