บทที่ 604 เวลากำลังดี
บนลานตำหนักเทพพระจันทร์สีชาด คลื่นวนพร่างพรายราวกับดวงดาราทั้งเก้าห้อมล้อมสวี่ชิง กำลังแผ่อานุภาพหล่อหลอมออกมา
ดวงอาทิตย์ดวงจันทร์น้ำแข็งอัคนี สายอัสนีลมสวรรค์ ระเบิดขึ้นพร้อมกันในเสี้ยวขณะนี้
ยิ่งมีเงาร่างมนุษย์ต้นไม้ขนาดมหึมา ปรากฏตัวขึ้นด้านนอกสมบัติลับที่เกิดจากคลื่นวนทั้งเก้าเลาๆ ร่างของมันสูงนับพันจั้ง สูงตระหง่านอยู่บนลาน น่าสยดสยองพรั่นพรึง
กลิ่นอายหล่อเลี้ยงมรรคา ตลบอบอวลไปทั่ว
ฟ้าดินเปลี่ยนสี เมฆลมตลบม้วน รอบด้านมีเสียงครืนครันดังสนั่นราวกับทัณฑ์สวรรค์
แต่ทุกอย่างนี้ พริบตาที่สวี่ชิงเปล่งเสียงออกมา ก็ถูกเสียงคำรามมังกรสั่นไหว
เสียงคำรามของมังกรก้องท้องฟ้า ทำให้ท้องนภาเกิดริ้วคลื่นคล้ายเกล็ดปลา
สั่นไหวแผ่นดิน ทำให้พื้นดินสั่นสะเทือนพลิกม้วน
อสูรสมุทรบรรพกาลขนาดยักษ์ตัวหนึ่งยื่นรยางค์ออกมาจากร่างสวี่ชิง จากนั้นก็เป็นศีรษะขนาดมโหฬาร ตามด้วยร่างกายที่น่าตกตะลึง
ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ สุดท้ายก็กระโจนออกมา ปรากฏขึ้นด้านในสมบัติลับมายานี้ในที่สุด แหวกว่ายไปรอบทิศ
ร่างสีฟ้าอ่อน เขี้ยวแหลมคม ครีบอสูรสมุทรที่น่าตื่นตะลึง สำแดงท่วงทำนองเทพสูงสุดออกมา ยิ่งมีกลิ่นอายซึ่งเป็นของหล่อเลี้ยงมรรคาสวรรค์เท่านั้นแผ่ออกมาจากตัวมันด้วย
ยังมีความดีใจผสานอยู่ในเสียงคำรามมังกร ฟังแล้วสัมผัสได้ ราวกับสำหรับมันแล้ว เวลานี้เหมือนกลับคืนสู่มหาสมุทร กลับไปยังสถานที่ที่เหมาะกับการเติบโตของมันที่สุด
และการปรากฏตัวของมัน ก็ทำให้สมบัติลับนี้สั่นสะเทือน กฎเกณฑ์ที่แฝงไว้ด้านในราวกับพลทหารได้พบกับขุนพล เลือกเชื่อฟังไปตามสัญชาตญาณ
ท้องฟ้าตลบม้วน ทัณฑ์สวรรค์ครืนครัน
ด้านนอกสมบัติลับมีร่างผู้บำเพ็ญตำหนักเทพจำแลงออกมา สีหน้าเปลี่ยนไปมหาศาลในพริบตานี้ ดวงตาฉายแววไม่อยากเชื่อและพรั่นพรึงออกมา
“วีถีสวรรค์?!”
ใจผู้บำเพ็ญตำหนักเทพคนนี้โหมคลื่นขนาดมหึมา เขานึกไม่ถึงเลยว่าทำไมวิถีสวรรค์ที่ตนถวิลหาแม้แต่ในยามหลับฝันจนตอนนี้ก็ยังก่อร่างไม่สำเร็จ จึงปรากฏอยู่ที่ผู้บำเพ็ญปราณก่อกำเนิดคนหนึ่งได้
อีกทั้งดูจากคลื่นพลัง ไม่ได้มาจากโลกใบเล็ก แต่กำเนิดเกิดในแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์
นี่จึงยิ่งเกินจริงเข้าไปอีก
‘ผู้บำเพ็ญปราณก่อกำเนิดแต่มีวิถีสวรรค์? เช่นนั้นหลังจากที่เด็กคนนี้ไปถึงขั้นบริบูรณ์ ก็ไม่จำเป็นต้องผ่านขั้นหล่อเลี้ยงมรรคา แต่สามารถข้ามไปสร้างสมบัติลับของตนได้เลย!’
ผู้บำเพ็ญตำหนักเทพผู้นี้ใจสั่นสะท้าน และพริบตาต่อมาก็รู้สึกไม่สบายใจและตื่นกลัวอย่างรุนแรง
‘สมบัติลับของผู้บำเพ็ญหล่อเลี้ยงมรรคา ก่อนจะหล่อเลี้ยงมรรคาของตนเสร็จ แม้พลานุภาพดูเหมือนจะยิ่งใหญ่มาก แต่สิ่งหลีกเลี่ยงที่สุดก็คือการถูกวิถีสวรรค์ของผู้อื่นยึดไป…
‘เดิมนี่ก็เป็นสถานที่หล่อเลี้ยงมรรคาอยู่แล้ว…’
ผู้บำเพ็ญตำหนักเทพนี้ร่างสั่นเทิ้ม ร่างเงาเลือนรางประกบปางทันที คลื่นวนพร่างพรายทั้งเก้าที่กลายเป็นสมบัติลับในร่างกายเริ่มหมองหม่นลง ยิ่งต้องปลดผนึกสภาวะหล่อหลอมในสมบัติลับไล่สวี่ชิงรวมถึงวิถีสวรรค์ออกไปจากอย่างรวดเร็ว
แต่ก็สายไป!
อสูรสมุทรบรรพกาลปรากฏตัวแล้ว ส่งเสียงยินดีอยู่ด้านในสมบัติลับพลางเริ่มควบคุมกฎเกณฑ์ที่ยอมจำนนด้านในทั้งหมด
สำหรับมันแล้ว นี่เป็นโอกาสที่ไม่เคยใฝ่ฝันถึงมาก่อน ถึงอย่างไรยามปกติ ก็ไม่มีผู้บำเพ็ญหล่อเลี้ยงมรรคาคนใดนำวิถีสวรรค์ของผู้อื่นป้อนให้ถึงปากเช่นนี้
สวี่ชิงดวงตาเปล่งประกาย ต้านทานสุดกำลัง ชะลอการถูกขับออกไป
เขาในตอนนี้ไม่อยากออกไปแล้ว
เขาพลันยกสองมือขึ้นโบก
“อสูรสมุทรบรรพกาล ยึดให้เป็นของเจ้าเสีย!”
เมื่อสวี่ชิงกล่าวออกมา อสูรสมุทรบรรพกาลก็คำราม ปล่อยเส้นแสงนับไม่ถ้วนออกมาจากร่างกายแผ่ขยายออกไปกว้างกว่าเดิมอย่างเห็นได้ด้วยตาเปล่า เชื่อมต่อกับสมบัติลับทั้งหมด
กลุ่มแสงพร่างพรายเก้าดวงนั้น ยิ่งเป็นจุดสำคัญ
เส้นใยนับไม่ถ้วนพุ่งไปหากลุ่มแสงเหล่านั้น แม้ว่าเพิ่งจะเข้าใกล้ก็สลายไป แต่เส้นใยที่มาจากอสูรสมุทรบรรพกาลก็มีมากมายไม่ขาดสาย
โดยเฉพาะอสูรสมุทรบรรพกาลเคยได้รับบาดเจ็บสาหัสมาก่อนหน้านี้ ทั้งรู้สึกหิวมานาน อยู่ในสภาพที่กินไม่อิ่มแต่ใช้พลังเกินขีดจำกัดมาโดยตลอด ดังนั้นยามนี้เมื่อเห็นว่ามีอาหารมื้อใหญ่เช่นนี้ มันจึงคุ้มคลั่ง
ในดวงตามันฉายแววละโมบออกมา อ้าปากกว้างโดยไม่สนอะไรทั้งสิ้น กัดฉีกกลืนกินอย่างรุนแรง สีของมันก็เปลี่ยนจากสีฟ้าอ่อนกลายเป็นสีน้ำเงินเข้มอย่างรวดเร็ว
เสียงกร๊อบดังก้อง สมบัติลับยิ่งสั่นสะเทือนรุนแรงขึ้น
และเสียงนี้ สำหรับผู้บำเพ็ญตำหนักเทพ ราวกับดวงใจถูกขบกัด ทุกๆ คำ ล้วนเป็นสิ่งที่เขาต้องใช้เวลาหลายปีในการหล่อหลอมออกมา
สิ่งที่ยิ่งทำให้เขารู้สึกปวดใจอย่างยิ่งคือ อายุขัยสวรรค์ที่เขาพยายามสะสมมาหลายปีในสมบัติลับ ยามนี้ก็ถูกอสูรสมุทรบรรพการกลืนกินลงไปอย่างตะกละตะกราม ท่าทางสุขสมอย่างยิ่ง ท่วงทำนองเทพบนร่างเข้มข้นขึ้น กลิ่นอายพวยพุ่ง สีเกิดการเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง เผยสีเงินออกมา
แม้จะไม่มาก แต่จุดสีเงินนี้ กลับทำให้รู้สึกถึงสมบัติวิญญาณบางอย่าง
ภาพนี้ ทำให้รัฐทายาทที่มองอยู่กลางอากาศ สีหน้าแฝงแววล้ำลึกขึ้น
ถึงอย่างไรพลังบำเพ็ญของผู้บำเพ็ญตำหนักเทพก็สูงกว่าสวี่ชิง เห็นเป็นเช่นนี้ ในใจเขาก็ร้อนรุ่มขึ้นมาเช่นกัน
‘ถ้าเจ้ากลืนกินสมบัติลับของข้า นี่ก็เป็นโอกาสของเจ้า แต่ก็เป็นโอกาสของข้าด้วยเช่นกัน หากข้าหลอมเจ้า หล่อหลอมวิถีสวรรค์ของเจ้าได้ ทุกอย่างก็จะเปลี่ยนมือ เช่นนั้นวันนี้…ก็คือเวลาที่ข้าเปิดสมบัติลับของข้าคลังแรกให้สมบูรณ์ได้!’
ผู้บำเพ็ญตำหนักเทพคนนี้คำรามต่ำในใจ ร่างกายที่จำแลงพลันหดลงเหลือเก้าส่วน สนับสนุนคลื่นวนทั้งเก้า ปะทุพลังอำนาจของสมบัติลับอีกครั้ง สะกดการควบคุมกฎเกณฑ์ของอสูรสมุทรบรรพกาล แล้วเริ่มหลอมใหม่อีกหน
ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นสมบัติลับที่เขาหล่อหลอมมาหลายปี แม้อสูรสมุทรบรรพกาลที่อยู่ในสมบัติลับจะได้เปรียบมหาศาล แต่ก็ยังติดอยู่ที่พลังบำเพ็ญซึ่งห่างชั้นอยู่เล็กน้อย ยามนี้จึงผสานได้เพียงสองส่วน



ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา