เข้าสู่ระบบผ่าน

ผู้กล้าเหนือกาลเวลา นิยาย บท 609

บทที่ 609 บรรพจารย์มีมารยาท

ยามนี้ ด้านนอกร้านยา สายลมยังคงพัดหวีดแหลมน่าหวาดกลัว และกลิ่นอายทั้งเมืองก็ยิ่งเข้มข้นและเย็นยะเยือกท่ามกลางความเย่อหยิ่งของผู้บำเพ็ญเผ่าคุ้มครองวายุนับพัน

“เจ้าหัวขโมยนั่นตอนนี้เกรงว่าคงจะคุกเข่าอ้อนวอนต่อหน้าบรรพจารย์อยู่!”

“หึ ถ้าอ้อนวอนได้ เช่นนั้นใต้หล้านี้ก็คงสงบสุขไปทั่วทุกหย่อมหญ้า”

“ขโมยวัตถุศักดิ์สิทธิ์เผ่าข้าไป ด้วยนิสัยของบรรพจารย์ คนผู้นี้จะต้องถูกถลกหนังนำไปทำตะเกียงวายุเป็นแน่ ใช้น้ำมันจากศพเขาจุดไฟ แผดเผาจิตวิญญาณอย่างต่อเนื่อง”

เผ่าคุ้มครองวายุแต่ละตนยิ้มเย็น โดยเฉพาะคนชุดคลุมขาวสองสามตนที่ปะทะกับสวี่ชิง ยามนี้ในใจแต่ละคนกำลังรอคอยอย่างคาดหวัง

“เจ้าหัวขโมยนั่นวันนั้นหย่งผยองมากเพียงใด วันนี้ก็น่าสังเวชมาเท่านั้น!”

“แย่งวัตถุศักดิ์สิทธิ์ของพวกเราไป แล้วยังเคยหนีการไล่ล่าของพวกเรา คนผู้นี้ค่อนข้างมีฝีมือ แต่ไม่มีประโยชน์ อยู่ต่อหน้าพลังที่เด็ดขาด ก็ถูกลิขิตให้ต้องทุกข์ทรมาน

“หากบรรพจารย์นำเขามาจุดตะเกียง ข้าจะต้องยืมมาวางเล่นในถ้ำพำนักข้าแน่นอน

“ยังมีเจ้านกแก้วกับวิญญาณร้ายนั่นอีก!”

คนชุดคลุมขาวที่ปะทะกับสวี่ชิงสองสามตนในวันนั้นจับกลุ่มกัน วิพากษ์วิจารณ์พร้อมเสียงหัวเราะเบาๆ สายตาฉายแววคาดหวัง คอยมองไปที่ร้านยาเป็นระยะ

แม้ว่าบรรพจารย์จะเข้าไปค่อนข้างนานแล้ว แต่พวกเขาก็ไม่ได้เป็นห่วงอันใด ต่อให้เป็นผู้อาวุโสสมบัติวิญญาณสี่คนนั้นก็คิดเช่นนี้

พวกเขามองร้านยาที่ปิดประตูไว้ สัมผัสคลื่นพลังด้านในไม่ได้ นี่ก็เป็นเรื่อวปกติ ด้วยพลังบำเพ็ญของบรรพจารย์หลังจากเข้าไปแล้ว เดิมผู้ที่พบเห็นก็ไม่มีความสามารถจะโต้กลับอยู่แล้ว

“เกรงว่าแค่พริบตาเดียว คนด้านในก็ใจแตกสลายกันหมดแล้ว”

“ได้ยินว่าหลายปีก่อนตอนที่บรรพจารย์กำลังออกท่องโลก ชอบนำคู่มือมาประดิษฐ์เป็นของเล่นชิ้นแล้วชิ้นเล่า ท่าทางด้านในคงจะได้แนวทางใหม่”

“น่าสนใจ”

ตอนที่สมบัติวิญญาณทั้งสี่พูดคุยกัน ผู้บำเพ็ญจากขั้วอำนาจด้านนอกเมืองดินทั่วสารทิศที่ให้ความสนใจกับที่แห่งนี้ ต่างรู้สึกทอดถอนใจ พวกเขารู้ว่าการเคลื่อนไหวของเผ่าคุ้มครองวายุครั้งนี้ เกรงว่าคงไม่ใช่แค่ทำลายร้านยาแห่งหนึ่งง่ายๆ เช่นนี้

“เมืองดินนี้ จะกลายเป็นนรกแห่งความตายไปเสียแล้ว”

“กระทั่งจากนิสัยของเผ่านี้ อาจโหมสายลมที่ไม่พัดจากไปไหนตลอดทั้งปีที่นี่ เพื่อป่าวประกาศให้โลกได้รับรู้ความแข็งแกร่งและความน่ากลัวของพวกเขาก็ได้”

“แต่ว่า พวกเจ้ารู้สึกหรือไม่ว่าบรรพจารย์เผ่าคุ้มครองวายุตนนั้น เข้าไปด้านใน…ค่อนข้างนานเกินไปแล้ว”

เวลาค่อยๆ ไหลผ่านไปท่ามกลางการรอคอยของเผ่าคุ้มครองวายุที่กำลังวิพากษ์วิจารณ์เสียงต่ำทุ้มด้านนอกรวมถึงด้านในเมืองดิน จนกระทั่งผ่านไปหนึ่งชั่วยาม

ถึงตอนนี้ ก็มีคนรู้สึกไม่ค่อยปกติ ไม่ว่าจะผู้บำเพ็ญด้านนอกหรือด้านในเมืองดินก็มองไปที่ร้านยาถี่ขึ้นเรื่อยๆ

จวบจนตอนที่สมบัติวิญญาณทั้งสี่ของเผ่าคุ้มครองวายุก็รู้สึกว่าเวลาผ่านไปนานแล้ว พวกเขามองหน้ากัน กำลังจะเข้าไปใกล้ แต่ตอนนี้เอง ร้านยาที่ทุกคนจับตามอง ประตูใหญ่เปิดดังเอี๊ยดจากด้านใน

พริบตาที่เปิดออกมา สายตานับไม่ถ้วนก็จดจ้องไปทางเดียวกัน ในสายตาแฝงแววคาดหวัง แฝงแววตื่นเต้น แฝงการให้ความสนใจ แต่พริบตาต่อมา สายตาทั้งหมดก็แข็งค้าง

ด้านในประตูใหญ่ร้านยา บรรพจารย์เผ่าคุ้มครองวายุ ใบหน้าเจือนอบน้อม ค่อยๆ ถอยออกมาพลางพูดว่า

“รบกวนเวลาพักผ่อนของท่านเสียแล้ว

“เป็นข้าที่ไม่รู้ความ สร้างความลำบากให้พวกท่าน”

บรรพจารย์ค้อมตัวก้มหน้า สีหน้าฉายแววนอบน้อมอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน หลังจากถอยออกมานอกประตูใหญ่ เขากระทั่งประสานหมัด โค้งคารวะไปทางด้านในร้านยา

“วัตถุศักดิ์สิทธิ์ที่เหลือ ข้าจะรีบให้คนส่งมา พวกมันเป็นชุดเดียวกัน ถ้าแยกกันจะไม่ค่อยเหมาะขอรับ ยิ่งถ้าอยู่กับข้าทางนั้นยิ่งไม่ปลอดภัย

“หลังจากนี้หากทุกท่านมีเรื่องอะไร ก็บีบแผ่นหยกนั่นก็ได้ขอรับ ไม่ว่าข้าจะทำอะไรอยู่จะรีบมาทันที

“ครั้งนี้ รบกวนพวกท่านจริงๆ”

“ขออภัยอย่างยิ่งขอรับ!”

บรรพจารย์ร่างกายสั่นเทา คารวะอีกครั้ง จากนั้นประตูใหญ่ร้านยาก็ปิดเสียงดังปัง

ลมหนาวพัดมาจากรอบทิศเข้ามาในเมืองดิน พัดผ่านถนน รอบด้านเงียบสงัด…

คนในเผ่าคุ้มครองวายุตกตะลึงกันหมด ต่างคนต่างสับสน ส่วนผู้บำเพ็ญด้านนอกเมืองดินก็สมองว่างเปล่าเช่นกัน พวกเขาเห็นความเกรงใจของบรรพจารย์ ทั้งสายลมยังพัดพาคำพูดของเขาออกมา ทำให้ได้ยินกันถ้วนทั่ว

แต่พริบตานี้ ทุกคนรู้สึกเช่นเดียวกัน นั่นก็คือไม่ใช่ความจริง คำพูดและการกระทำของบรรพจารย์ เหนือกว่าที่พวกเขาคาดการณ์ไว้ ในความรู้ความเข้าใจของพวกเขา นี่เป็นเรื่องที่ไม่ควรเกิดขึ้น

ทว่ามันปรากฏขึ้นแล้ว

ท่ามกลางสายลมหนาว บรรพจารย์ยืนอยู่ด้านนอกร้านยา รู้สึกว่าร่างกายยังสั่นเทา ความหนาวเย็นที่แผ่ซ่านไปทั่วสารพางค์กายและความพรั่นพรึงในใจก่อนหน้านี้ผสานกัน จนกลายเป็นความรู้สึกหวาดผวาอย่างรุนแรง

เขารู้สึกว่าหนาวจับใจ หลังจากที่พลังบำเพ็ญมาถึงระดับหนึ่ง เขาก็ไม่เคยได้สัมผัสความหนาวเย็นของโลกมานานมากแล้ว ทว่าตอนนี้ ความรู้สึกนี้รุนแรงอย่างยิ่ง

เขาไม่กล้าคิดมาก ยิ่งไม่กล้าอยู่ที่นี่ต่อ ตอนที่หันหลังกลับไปช้าๆ พร้อมร่างกายที่สั่นเทา สมบัติวิญญาณสี่ตนนั้นในเผ่าก็มองมาทางเขาอย่างประหลาดใจ

“บรรพจารย์…”

“บรรพจารย์ เกิดอะไรขึ้นหรือขอรับ”

บรรพจารย์ส่ายหน้า ดวงตาเจือแววหวาดกลัวไม่อาจสะกดลงได้ เอ่ยด้วยเสียงต่ำทุ้มลอด

“ไม่ต้องถาม ไม่ต้องเอ่ยถึง พวกเราต้องไปเดี๋ยวนี้!”

สมบัติวิญญาณทั้งสี่ใจสั่นสะท้าน ห้อมล้อมบรรพจารย์เอาไว้และทะยานจากไป ก่อนที่จะออกจากเมืองดินนี้ พวกคนชุดคลุมขาวที่เคยพูดคุยกับสวี่ชิง ตอนนี้มึนงงอย่างยิ่ง เอ่ยถามอย่างอดไม่อยู่

“บรรพจารย์ เจ้าโจรนั่น…”

เขายังไม่ทันพูดจบ บรรพจารย์ก็พลันหันมา ยกมือขึ้นโบก เสียงดังตูม คนชุดคลุมขาวกระอักเลือด กระเด็นไปไกล ตอนร่วงลงพื้นก็หมดสติ

“นั่นคือท่านปรมาจารย์ ข้าจะคอยดูว่าผู้ใดกล้าเรียกชื่ออื่นส่งเดช!”

บทที่ 609 บรรพจารย์มีมารยาท 1

Verify captcha to read the content.ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา