บทที่ 644 เลือดมหาขั้นเตรียมสู่เทวะเป็นคันฉ่อง ทัณฑ์บรรพกาลเป็นพยาน
ที่เรียกว่าพลังแห่งเจตจำนงตั้งมั่น เพราะเป็นพลังแห่งความหวัง เป็นพลังแห่งความปรารถนา ยิ่งเป็นพลังแห่งความรู้สึก
นั่นคือการดิ้นรนของความเป็นมนุษย์ หนึ่งในสัญชาตญาณชีวิต
ในยามปกติตอนที่ตื่นเต้นหรือศรัทธา แม้จะแผ่ออกมา แต่อย่างหน้าคือความซับซ้อน ส่วนอย่างหลังหาได้ยากยิ่ง
และเสี้ยวขณะนี้ หลังจากภาพสองฉาก หลังจากความทรงจำแห่งบรรพกาล หลังจากที่ชื่อหมู่ถูกสังหาร…
สภาพจิตใจของสรรพชีวิตโหมคลื่นกระหน่ำซัดรุนแรงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เจตจำนงที่ปรารถนาอิสระ การตัดสินใจที่ปรารถนาจะมีชีวิตของพวกเขา ปะทุขึ้นมาอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนและจะไม่มีอีกหลังจากนี้
ในนั้นยิ่งแฝงการต่อต้านและดิ้นรนเอาไว้!
โดยเฉพาะความโกรธแค้นที่สะสมมาหลายยุคสมัย ถูกจุดขึ้นมาในพริบตานี้ ปลดปล่อยพลังแห่งเจตจำนงตั้งมั่นที่น่าครั่นคร้ามสุดขีดออกมา
ขณะที่พลังแห่งเจตจำนงตั้งมั่นปะทุขึ้นอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่ดาวพระจันทร์สีชาดปรากฏขึ้นที่ขอบฟ้าแผ่นดินใหญ่เซ่นจันทรา หลังจากย้อมม่านฟ้าจนเป็นสีแดง ก็มีแสงอีกอย่างปรากฏขึ้นเป็นครั้งแรก
นั่นเป็นแสงสีขาว
มันรวมตัวจากจุดแสงนับไม่ถ้วน ส่องสะท้อนไปทั่วผืนฟ้า ทุกพื้นที่ในแผ่นดินใหญ่ เงยหน้าขึ้นก็เห็นได้
รวมถึงแสงสว่างที่ไม่เห็นมาตลอดปี ก็กำลังส่องเข้ามาในตอนนี้
จุดแสงพวกนี้คล้ายดวงดารา ขณะที่เปล่งแสงพราวระยับ ก็ใช้วิธีการปาฏิหาริย์ทะลวงความว่างเปล่า พุ่งตรงไปยังสถานที่ที่ดึงดูดพวกมัน
ที่นั่น…คือแท่นประหารเทพเจ้าที่สวี่ชิงอยู่
จุดแสงสีขาวนับไม่ถ้วนก็ส่องสว่างขึ้นมาในสถานที่ถ่ายทอดนี้ชั่วพริบตา มากขึ้นเรื่อยๆ จนแน่นขนัด สั่นสะเทือนผู้คน
สีหน้านายกองตื่นเต้น สาเหตุที่เขาวางแผนเรื่องละครฉากใหญ่ก็เพื่อพลังของสรรพชีวิตนี้
“ยังไม่พอ รออีกหน่อย…”
นายกองพยายามอดกลั้น เขามองพลังแห่งเจตจำนงตั้งมั่นที่กำลังปะทุขึ้นมาทุกขณะ ระลอกคลื่นในใจหมื่นจั้ง
เวลานี้หนิงเหยียนและอู๋เจี้ยนอูเองก็หายใจหอบถี่ มองจุดแสงที่รวมตัวกันรอบๆ พวกเขาสัมผัสด้วยสัญชาตญาณครู่หนึ่ง ใจสั่นสะท้านทันที
ในจุดแสงนี้ พวกเขาสัมผัสถึงการดิ้นรนและความหวังได้อย่างชัดเจน
การต่อสู้ดิ้นรนต่อดวงชะตา ความหวังที่จะมีชีวิตอยู่
โยวจิงเลียริมฝีปาก มองพวกรัฐทายาทผาดหนึ่ง จากนั้นก็มองสวี่ชิง นางต้องสะกดความบุ่มบ่ามในใจลง
พลังแห่งเจตจำนงตั้งมั่นนี้ สำหรับนางแล้วคือของบำรุงชั้นยอด และจำนวนที่มากถึงเพียงนี้ ทำให้ในใจนางทุกข์ทรมาน
แต่สุดท้ายนางก็ยังไม่กล้าลักเล็กขโมยน้อย อย่างหนึ่งคือกลัวรัฐทายาท ส่วนอีกอย่าง นางสัมผัสถึงกรรมที่แฝงไว้ได้ หากกลืนลงไปอาจไม่ใช่เรื่องดี
อีกทั้งหลี่โหยวเฝ่ย เขามองทั้งหมดนี้อย่างเลื่อนลอย แต่ไม่นานใจก็สงบลงอย่างรวดเร็ว
ชินแล้ว
ส่วนสวี่ชิงที่ถูกพลังแห่งเจตจำนงตั้งมั่นมหาศาลนี้รุมล้อม เขาค่อยๆ เงยหน้าขึ้น มองจุดแสงสีขาวรอบตัว เขาสัมผัสได้ว่าอันที่จริงสิ่งเหล่านี้ไม่ใช่มาหาเขาอย่างชัดเจน
พูดให้ถูกก็คือ พวกมันมาเพื่อความหวัง ด้านในแฝงไว้ด้วยกรรมของสรรพชีวิต
สวี่ชิงเงียบนิ่ง
และตอนนี้ จู่ๆ รัฐทายาทที่อยู่ทางนั้นก็เอ่ยปาก
“สวี่ชิง หยิบผลสมบัติวิญญาณของเจ้าออกมา กลืนลงไป!
“ใช้กลิ่นอายที่เหลือที่นี่ เหนี่ยวนำทัณฑ์สวรรค์บรรพกาลมาชำระล้างเจ้า ทำให้ปราณก่อกำเนิดทั้งหมดเข้าสู้ระดับสี่ทัณฑ์!
“และการชำระล้างของทัณฑ์สวรรค์บรรพกาลจะข้ามผ่านกาลเวลามา ซึ่งแฝงพลังแห่งกาลเวลาเอาไว้ สิ่งนี้ถือว่าหาได้ยากยิ่งสำหรับเจ้า!
“ครั้งนี้ ข้าจะใช้ผนึกต้องห้ามประกาศิตซีหนานให้กับเจ้าต่อ
“เจ้าต้องจำไว้ นี่เป็นโอกาสครั้งหนึ่ง โอกาส…ที่จะขัดเกลาไม้ตายของเจ้าได้!
“แม้เจ้าจะสัมผัสรับรู้แท่นประหารเทพเจ้าออกมา แต่หากไปจากที่นี่ ไม่มีสภาพแวดล้อมที่พิเศษนี้ เจ้าก็ไม่สามารถสำแดงมันออกมาได้อย่างแท้จริง ดังนั้นเจ้าต้องหาวิธี ใช้วิธีของตัวเจ้าเอง สำแดงมันออกมา!
“แปรมันให้กลายเป็นไม้ตายที่แท้จริงของเจ้า!”
ดวงตารัฐทายาทล้ำลึก จับจ้องสวี่ชิง
“แม้ทัณฑ์สวรรค์ครั้งนี้จะมีผนึกต้องห้ามประกาศิตซีหนาน แต่จะไม่แบ่งเบาภาระให้ในกรณีที่เจ้าทนรับไม่ไหว จนกว่าเจ้าจะแปรแท่นสังหารเทพเจ้ามาเป็นไม้ตาย ดับอัสนีสวรรค์ทางหนึ่ง จึงจะหยุดและจะแบ่งเบาภาระได้
“หากเจ้าทำสำเร็จ เช่นนั้นพลังแห่งเจตจำนงตั้งมั่นของสรรพชีวิตก็จะรวมตัวกันบนคมดาบ จากนั้น…ดาบประหารเทพเจ้าของเจ้าก็จะมีกรรมมหาศาลมารวมตัวกัน”
ร่างกายสวี่ชิงสั่นเทา เงยหน้าขึ้นพลันมองไปทางรัฐทายาท
ดวงตาเขาเปล่งประกาย หลังจากเงียบนิ่งไปครู่หนึ่งก็หยิบผลสมบัติวิญญาณที่องค์หญิงหมิงเหมยเคยมอบให้ออกมา กลืนลงไปในคำเดียว
เมื่อผลนี้เข้าปากก็ละลายทันที กลายเป็นคลื่นความร้อนวูบหนึ่ง ราวกับกลายเป็นภูเขาไฟน่าครั่นคร้าม ปะทุขึ้นในร่างกายสวี่ชิงฉับพลัน
นั่นเป็นพลังของสมบัติลับที่สมบูรณ์คลังหนึ่งซึ่งแฝงไว้ในผลสมบัติวิญญาณ
ระหว่างการปะทุนี้ สวี่ชิงยังได้ยินเสียงคำรามดังออกมาจากในผลไม้ด้วย
นั่นเป็นเสียงคำรามของวิถีสวรรค์อีกฝ่าย
ชั่วอึดใจ ปราณก่อกำเนิดทั้งหมดในร่างกายสวี่ชิงก็ลืมตาขน ต่างโคจร
วิหคทองโบยบิน เขาจักรพรรดิภูตสั่นไหว แสงประกายอรุณกะพริบวูบวาบ ขวดแห่งกาลเวลาปุ่นป่วน…
นอกจากปราณก่อกำเนิดพระจันทร์สีม่วงที่ยังปกติ ปราณก่อกำเนิดอื่นๆ ทั้งสิบสองกลายเป็นหลุมดำสิบสองหลุม กลืนกินคลื่นความร้อนที่ไหลบ่ามาทั่วร่างสวี่ชิงสุดกำลัง
ขณะที่สูดรับไม่หยุด ระหว่างที่ผสานอย่างต่อเนื่อง ปราณก่อกำเนิดวิหคทองเสร็จสิ้นเป็นอันดับแรก ความรู้สึกเหนี่ยวนำของทัณฑ์สวรรค์พลันปะทุขึ้นมา
จากนั้นก็เป็นปราณก่อกำเนิดวิถีสวรรค์ของสวี่ชิง มันตื่นจากการหลับใหล ร่างอสูรสมุทรบรรพกาลเปล่งเสียงคำรามยืดยาวพุ่งไปยังวิถีสวรรค์สมบัติลับ ใช้พระจันทร์สีม่วงสะกดและมันสูดรับอย่างบ้าคลั่งจนไปถึงสามทัณฑ์ขั้นบริบูรณ์เช่นกัน

ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา