เข้าสู่ระบบผ่าน

ผู้กล้าเหนือกาลเวลา นิยาย บท 669

บทที่ 669 พบหน้ากันกลับจำกันไม่ได้

พิษต้องห้ามเมื่อก่อนไม่มีการแบ่งแยกมิตรศัตรู ขอแค่แผ่กระจายออกไปเท่านั้น ทุกอย่างในอาณาเขตบริเวณนั้นทั้งหมดต้องเน่าเปื่อย

แต่หลังจากผสานกับสายตา การควบคุมพลังพิษต้องห้ามของสวี่ชิงก็เหนือกว่าเมื่อก่อนมาก ตอนนี้ทุกจุดที่ปราณหมอกพาดผ่าน สามารถกำหนดเป้าหมายเบื้องต้นได้แล้ว ไม่ส่งผลกระทบกับผู้บำเพ็ญขบถจันทร์มากนัก

เป้าหมายหลักในการสังหารคือผู้บำเพ็ญพระจันทร์สีชาด

ทันใดนั้น เสียงตกตะลึงก็ดังขึ้นไม่ขาดสาย ผู้บำเพ็ญพระจันทร์สีชาดมากมายพากันถอยหนีด้วยความหวาดผวา พวกที่พลังบำเพ็ญต่ำต้อยบางคนยิ่งส่งเสียงกรีดร้อง ร่างกายหลอมละลายอย่างเห็นได้ด้วยตาเปล่า กลายเป็นน้ำเลือดซึมลงพื้นดิน

และที่มากยิ่งกว่าคือร่างกายเกิดการเน่าเปื่อยในระดับที่ต่างกัน ความรู้สึกเจ็บปวดทั้งหมดรวมถึงพลังคุกคามของความตาย ทำให้พวกเขาจิตใจโหมซัด ต่างสำแดงพลังพระจันทร์สีชาดออกมาต่อต้าน

มีเพียงพวกแข็งแกร่งบางคนที่ไม่สนใจได้ชั่วคราว

แต่ท้ายสุดแล้ว แรงกดดันของผู้บำเพ็ญขบถจันทร์ก็ลดลงไม่น้อย รองเจ้าตำหนักสี่สั่งการทันที ให้ทุกคนพุ่งเข้าไปในทะเลทราย

เดิมทีหลังจากที่เขาสัมผัสได้ว่าพวกรัฐทายาทไม่อยู่ในทะเลทรายด้วยวิธีการของตนเอง ก็ไม่อยากจะทำให้ที่นี่เดือดร้อนไปด้วย เตรียมที่จะจากไปทำศึกเป็นตายกับผู้บำเพ็ญพระจันทร์สีชาด และเตรียมตัวเตรียมใจที่จะตายไว้แล้ว

หลายปีมานี้ เขาเหนื่อยล้ามาจนถึงขีดสุด การต่อต้านที่ไร้ซึ่งความหวังนี้ เขาไม่อยากที่จะปล่อยวาง แต่ความเป็นจริงทำให้เขาต้องเจ็บปวดรวดร้าว

เมื่อเห็นสวี่ชิงเดินออกมา แหวกทะเลทราย ขณะที่รองเจ้าตำหนักสี่กัดฟัน พลังของเขาก็โหมบ่ามาอย่างรวดเร็ว

ยิ่งลงมือด้วยตนเอง เพื่อประวิงเวลาให้กับทุกคน

เสียงครืนครัน คลื่นพลังวิชา พลันแผ่ขยายออกไปทั่วสารทิศ

ส่วนผู้บำเพ็ญพระจันทร์สีชาดแม้จะถูกพิษต้องห้ามขวางไว้ครู่หนึ่ง แต่ผู้แข็งแกร่งด้านในบรรดานั้นไม่มีทางปล่อย ไม่นานนักก็กระจายตัวไปทั้งสี่ทิศ สกัดกั้นพลางพุ่งตัวมา

เหล่าลูกเจี๊ยบรอบๆ สวี่ชิงเหล่านั้น ยามนี้ก็พุ่งตัวออกไปรับ สวี่ชิงหลับตาทั้งคู่ลง ยกมือขวาขึ้น ชี้ไปด้านนอกทะเลทราย

“เขาจักรพรรดิภูตแปรเป็นแท่นประหาร ดวงชะตาติงหนึ่งสามสองแปรเป็นร่องดาบ!”

เมื่อสวี่ชิงกล่าวออกมา ฟ้าดินเปลี่ยนสี โลกด้านนอกครืนครัน เขาจักรพรรดิภูตและติงหนึ่งสามสองจำแลงออกมา เงาพันจั้งสั่นฟ้าสะเทือนดิน กลายเป็นเป็นแท่นประหารและร่องดาบ

สองมือเขาจักรพรรดิภูตชูคุกใหญ่ พลังดวงชะตาแปรเป็นหุบเขาร่องดาบ

แท่นพันจั้งน่าขนพองสยองเกล้า ขณะที่แผ่นดินสั่นภูเขาไหว ก็ร่อนลงมาบนพื้นด้านหลังผู้บำเพ็ญตำหนักขบถจันทร์ ขวางด้านหน้าผู้บำเพ็ญพระจันทร์สีชาด

ภาพนี้เผยความคุ้นเคยออกมา ทำให้ผู้บำเพ็ญทุกคนใจสั่นสะท้าน

“นี่มัน…”

“คุ้นมาก!!”

ขณะที่เสียงตกตะลึงดังก้อง ในดวงตาสวี่ชิงก็ฉายประกายประหลาด

“วิถีสวรรค์แปรเป็นตัวดาบ พิษต้องห้ามคำสาปเทพเจ้าแปรเป็นคมดาบ แสงประกายอรุณแปรเป็นประกายดาบ!”

ท้องฟ้าปั่นป่วน อสูรสมุทรบรรพกาลคำรามกลายเป็นตัวดาบ พิษต้องห้ามรวมตัวกันเป็นคมดาบจากรอบๆ ยิ่งมีท่วงทำนองวิถีฟาดฟัน นี่คือดาบสวรรค์ ยังมีแสงประกายอรุณแปรเป็นประกายเย็นเยียบ ทลายหมื่นเวทสลายหมื่นวิชา

เมื่อดาบสวรรค์ปรากฏ ไม่ว่าจะผู้บำเพ็ญขบถจันทร์หรือผู้บำเพ็ญพระจันทร์สีชาด ความรู้สึกคุ้นเคยในความทรงจำของเขาปะทุขึ้นมาในพริบตา และบางคนก็นึกสาเหตุออกแล้ว

“นี่เป็นสิ่งที่ผุดขึ้นมาในสมองก่อนหน้านี้…แท่นประหารเทพเจ้า!”

“แบบเดียวกันเลย!”

“หรือว่าแท่นประหารเทพเจ้าที่ปรากฏขึ้นในตอนนั้น จะเป็นคนผู้นี้!”

แปดทิศครืนครัน เสียงฮือฮาดังลั่น สวี่ชิงจึงไม่ปิดบังหน้าตาตนอีก เปิดเผยใบหน้าที่แท้จริงที่ผุดขึ้นมาในสมองทุกคนวันนั้น

เมื่อโฉมหน้าแท้จริงปรากฏ ทุกคนก็สั่นสะท้านถึงขีดสุด ราวกับทัณฑ์สวรรค์ฟาดผ่า สั่นเทิ้มไปทั้งร่าง

ผู้บำเพ็ญตำหนักขบถจันทร์ตื่นเต้นขึ้นมา ตอนที่พวกเขาด้านชากันที่สุด เป็นภาพแท่นประหารเทพเจ้าในสมองที่ทำให้พวกเขาลุกขึ้นต่อต้าน ต้องการให้สะเก็ดไฟลุกลามไปทั่ว

และตอนนี้ ตอนที่พวกเขาสิ้นหวังมากที่สุด พวกเขาก็ได้เห็นแท่นประหารเทพเจ้าอีกครั้ง เห็นร่างเงานั้นจากภาพที่ผุดขึ้นมาในสมอง!

เสี้ยวขณะนี้ ราวกับร่างเงานี้มีเจ้าเหนือหัวซ้อนทับ

และเสียงของเขา ยังคงกึกก้อง

“วิหคทองเป็นตัวประสาน พระจันทร์สีม่วงแปรเป็นตราประทับ!”

วิหคทองโบยบิน พระจันทร์สีม่วงกลายเป็นอักขระ สมบัติเทพขับเคลื่อน กลายเป็นหนึ่งเดียวกัน

“ใช้ขวดกาลแห่งเวลาบรรจุ…

“ใช้ตะเกียงชีวิตนาฬิกาแดดขับเคลื่อน…”

นาฬิกาแดดทั้งห้าก่อตัวขึ้นด้านหลังสวี่ชิง เปลวไฟตะเกียงชีวิตสั่นไหวท้องฟ้าราตรี เข็มนาฬิกาบนนั้นหมุนวนอย่างรวดเร็ว กลิ่นอายกาลเวลาพลันพวยพุ่งออกมา

พริบตาต่อมา ก็หยุดอยู่ที่ยามอู่สามเค่อ!

“เมื่อนาฬิกาแดดถึงเที่ยงตรง ฟ้าดินจะฟาดฟันพร้อมกัน!”

ดวงตาสวี่ชิงเผยประกายคม หนึ่งดาบฟาดฟันลงไป!

ดาบสวรรค์ฟาดลงมาจากฟากฟ้า ราวกับม่านขนาดยักษ์ ราวกับเป็นเทือกเขา ทำให้ฟากฟ้าถูกบดบัง แผ่นดินโยกไหว

สิ่งที่ฟาดฟันไม่ใช่ผู้บำเพ็ญ แต่เป็นฟ้าดิน

เมื่อหนึ่งดาบฟาดลงมา อำนาจเทพไร้ขีดจำกัด เมื่อใบมีดกับร่องมีดสัมผัส ก็สะบั้นและบดขยี้ความว่างเปล่า

ขณะที่สั่นสะเทือนไปทั้งแปดทิศ ก็ตัดเส้นทางของผู้บำเพ็ญพระจันทร์สีชาดจนขาด

บนแผ่นดิน ปรากฏร่องขนาดยักษ์ที่น่าหวาดกลัวขึ้นมาร่องหนึ่ง ลมพายุที่โหมขึ้นมาพร้อมกับปราณพิฆาตไร้รู้จบพัดหอบไปสองด้าน

ผู้บำเพ็ญพระจันทร์สีชาดพากันพรั่นพรึง จำต้องหยุดชะงัก

ในยามนี้สวี่ชิงเหมือนเจ้าเหนือหัวฟื้นคืนชีพจริงๆ ขณะที่ฟ้าดินสั่นไหว แท่นประหารเทพเจ้าที่ปรากฏขึ้นในความทรงจำทุกคนครั้งนั้นก็สำแดงในโลกหล้า สำแดงต่อหน้าผู้บำเพ็ญพระจันทร์สีชาดรวมถึงผู้บำเพ็ญตำหนักขบถจันทร์อีกนับแสนคนอย่างแท้จริง

สั่นคลอนเสียงในส่วนลึกของจิตใจพวกเขา โหมลมพายุถล่มฟ้าทลายดิน มาพร้อมกับพลังไร้ขีดจำกัด มาพร้อมกับจิตสังหารไร้ที่เปรียบ ตั้งตระหง่านอยู่ด้านนอกทะเลทราย

รัศมีอำนาจประดุจสายรุ้ง

บทที่ 669 พบหน้ากันกลับจำกันไม่ได้ 1

Verify captcha to read the content.ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา