เข้าสู่ระบบผ่าน

ผู้กล้าเหนือกาลเวลา นิยาย บท 673

บทที่ 673 นายแห่งขบถจันทร์

สวี่ชิงได้ยินก็อึ้งตะลึง เขามองประตูใหญ่โถงตำหนักอย่างสงสัย จากนั้นก็มองสัญลักษณ์นายกอง ความทรงจำสุดท้ายในสมอง คือเขากับนายกองกลืนกินชื่อหมู่สำเร็จ

‘หลังจากกลืนกิน ทำไมข้าถึงรู้สึกถึงเขตแดนจิตลืมเลือนเล่า’ สวี่ชิงหรี่ตาลง สัมผัสร่างกาย และพบว่าทุกอย่างเหมือนปกติ

‘หรือว่า…’ ขณะที่สวี่ชิงคล้ายครุ่นคิด สัญลักษณ์ขนาดเล็กของนายกองบนประตูใหญ่ ส่งเสียงไม่น่าเชื่อออกมา

‘ไม่สิ อาชิงน้อย ข้าต้องลืมความทรงจำบางส่วนไปแน่ ข้าได้รับผลกระทบแล้ว นี่เกิดอะไรขึ้น ไม่ได้ข้าต้องไปนึกให้ออก นี่น่ากลัวเกินไป’

นายกองอุทาน

“ศิษย์พี่ใหญ่ ไม่ต้องคิดแล้วขอรับ” สวี่ชิงลุกขึ้นยืน เดินไปที่ประตูใหญ่ เขาจะเปิดประตู

แต่พริบตาที่สวี่ชิงเข้าใกล้ประตูใหญ่ สัญลักษณ์ขนาดเล็กที่แปรมาจากนายกองก็พลันเปล่งแสงสีน้ำเงินออกมา ในนั้นมีเสียงคำรามนับไม่ถ้วนสะท้อนก้อง เสียงสั่นสะเทือนจิตวิญญาณ

และพริบตาต่อมา แสงสีแดงแถบหนึ่ง ก็ปรากฏขึ้นเหนือสัญลักษณ์เล็กของนายกอง แผ่ขยายอย่างรวดเร็ว เริ่มกลายเป็นกระดาษ

‘ข้าๆๆ ข้านึกออกแล้ว ข้าติดคำสาปของชื่อหมู่ ข้าไม่ควรนึกขึ้นมาเลย นี่มันไม่ใช่แล้ว อาชิงน้อยรีบทำให้ข้าลืมเร็วเข้า!!’

หลังจากนายกองอึ้งตะลึง ก็ร้อนรนทันที น้ำเสียงเจือความรู้สึกนึกเสียใจอย่างสุดซึ้ง ส่วนสวี่ชิงก็สายตาจ้องเพ่ง ในสมองมีเสียงกรอบแกรบดังขึ้นเป็นระลอก สีหน้าเขาเปลี่ยนไป นั่งลงขัดสมาธิทันที สำแดงเขตแดนจิตลืมเลือนขึ้นอีกครั้ง

สิบกว่าอึดใจต่อมา สวี่ชิงลืมตาขึ้น ฉายแววสับสน

บนประตูใหญ่ สัญลักษณ์ขนาดเล็กที่แปรมาจากนายกอง ก็กะพริบตาปริบๆ

‘หืม ทำไมข้ารู้สึกเหมือนลืมเรื่องอะไรไป น่าสนใจ…เดี๋ยวให้ข้านึกหน่อย ข้าต้องคิดให้ออกว่าเกิดอะไรขึ้น’

สวี่ชิงครุ่นคิด มองไปรอบๆ จู่ๆ ก็เอ่ยขึ้นว่า

“ศิษย์พี่ใหญ่ เรื่องนี้ผิดปกติ ข้าน่าจะสำแดงเขตแดนจิตลืมเลือนออกมา แต่ต้องไม่ใช่จู่ๆ ก็สำแดงออกมาเฉยๆ จะต้องมีเหตุผล

“ข้าคงอยากให้พวกเราลืมเรื่องบางอย่าง และถ้านึกถึงเรื่องนั้นขึ้นมา จะต้องน่ากลัวมากแน่ๆ

“ดังนั้น ข้าแนะนำว่าท่านอย่าไปนึกถึงดีกว่า”

“ศิษย์พี่ใหญ่ พวกเรามาผลักประตูนี้ด้วยกันเถอะขอรับ!”

นายกองที่อยู่ในสัญลักษณ์ขนาดเล็กบนประตูใหญ่ระแวงสงสัย หลังจากใคร่ครวญก็เห็นด้วยกับคำตอบของสวี่ชิง แม้ในใจจะอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เขาก็เลือกจะสะกดความอยากรู้ลงไป

‘ช่างเถิดๆ ค่อยคิดทีหลัง เปิดประตูแล้วกลายเป็นนายแห่งขบถจันทร์กันก่อน!’

นายกองสูดลมหายใจลึก สัญลักษณ์ขนาดเล็กที่แปรมาเปล่งแสงเจิดจ้า ประสานกับสวี่ชิง ทั้งสองปะทุขึ้นพร้อมกัน ผลักประตูโถงตำหนักสูงสุด…ที่ตำหนักขบถจันทร์ไม่เคยเปิดเลยในยุคนี้

เจ้าตำหนักขบถจันทร์ กำลังจะปรากฏตัว

ขณะเดียวกัน วิกฤติของเทือกเขาทนทุกข์ ก็มาถึงช่วงสำคัญ จากการมาเยือนของคราบร่างก่อนเป็นเทพชื่อหมู่ เทือกเขาที่กลายเป็นเกาะเดียวดายกลางทะเลเลือดก็ถูกหนังของคราบร่างก่อนเป็นเทพปกคลุม

ทุกครั้งที่หนังผืนนั้นขยุกขยิก ก็จะหดเข้ามาเล็กน้อย หินภูเขาทั้งหมด ต้นหญ้า สรรพสิ่งกระทั่งสรรพชีวิต ขอแค่ถูกมันสัมผัส ก็ถูกกลืนกินจนกลายเป็นส่วนหนึ่งของหนังมนุษย์

ด้วยการกลืนกินของมัน เทือกเขาทนทุกข์ที่อาณาเขตใหญ่โตก็หายไปเกือบเจ็ดส่วน

และยังกินต่อเนื่อง

เหนือทะเลเลือด ผู้บำเพ็ญพระจันทร์สีชาดหมอบคารวะอย่างคลั่งไคล้ จักรพรรดิตำหนักพระจันทร์สีชาดสีหน้าไร้อารมณ์ และไม่มองลงไปเบื้องล่าง แต่มองไปไกลๆ

ที่เขาจับตามองไม่ใช่ที่นี่

‘รัฐทายาท พวกท่านยังไม่ปรากฏตัวอีกหรือ’

จักรพรรดิตำหนักพระจันทร์สีชาดพึมพำในใจ ปิดล้อมที่นี่ไว้ ค่อยๆ กลืนกินสังหารเทือกเขาทนทุกข์ นี่เป็นแผนเพื่อให้เขาบรรลุเป้าหมายเท่านั้น เขาจะใช้ที่นี่เป็นเหยื่อล่อ บีบให้พวกรัฐทายาทปรากฏตัวออกมา

พวกเขาต่างหากที่เป็นจุดสำคัญของเขา

ไม่เช่นนั้น แค่เทือกเขาทนทุกข์ เขาจะมาเองทำไม ซ้ำยังสำแดงขุมพลังของพระจันทร์สีชาดออกมา

‘ถ้ายังไม่ปรากฏตัว ที่แห่งนี้จะกลายเป็นอาหารของนายท่าน’

จักรพรรดิตำหนักยิ้มเย็น สัมผัสไปรอบด้าน

และเสี้ยวขณะนี้ ผู้บำเพ็ญทั้งหมดก็รวมตัวกันในอาณาเขตสามส่วนของเทือกเขาทนทุกข์ที่หนังคราบร่างก่อนเป็นเทพของชื่อหมู่ปกคลุม

ความสิ้นหวัง ความเหนื่อยล้า ความสับสน ความจนหนทาง…ความรู้สึกด้านลบมากมาย กำลังผุดขึ้นมาจากผู้บำเพ็ญทุกคนที่นี่อย่างเห็นได้ชัด

เสื้อผ้าของพวกเขาขาดวิ่น ใบหน้าซีดเซียว หลายคนใช้พลังบำเพ็ญไปจนหมด ตอนนี้อ่อนแอขีดสุด ทำได้เพียงเฝ้ารอความตายมาถึง

ความพยายามทั้งหมดไม่มีประโยชน์แต่อย่างใด เผชิญหน้ากับคราบร่างก่อนเป็นเทพของชื่อหมู่ ต่อให้เป็นรองเจ้าตำหนักสี่ก็ไม่อาจต้านทาน

พวกเขาเคยพยายามแล้ว ระเบิดการโจมตีสุดกำลังใส่ฟ้าดินหนังมนุษย์สลัวเลือนผืนนี้ แต่วิชาและพลังวิเศษทั้งหมด ก็ราวกับเป็นหินวัวที่จมลงไปในมหาสมุทร ไม่โหมระลอกคลื่นใดขึ้นมาแม้แต่น้อย

คนธรรมดา เผชิญหน้ากับเทพเจ้า ไม่อาจต้านทานได้อยู่แล้ว

ทอดสายตามองไป ฝนเลือดโปรยปรายในที่แห่งนี้ไม่ขาดสาย แผ่นดินก็ถูกท่วมทับราวกับกลายเป็นแม่น้ำเลือด ผู้คนทำได้เพียงพยายามขึ้นไปยืนบนที่สูงกว่าเดิมเท่านั้น

และไอพลังประหลาดก็เข้มข้นเรื่อยๆ กระทั่งมีผู้บำเพ็ญไม่น้อยที่กลายพันธุ์ ท่ามกลางเสียงโหยไห้ด้วยความเจ็บปวด สหายร่วมรบข้างกายทำได้เพียงจบชีวิตพวกเขาเงียบๆ เป็นทางเดียวที่จะทำให้พวกเขาหลุดพ้นจากความทรมานได้

รองเจ้าตำหนักสี่มองทุกอย่างอย่างขมขื่น หลับตาทั้งคู่ลง ความรู้สึกอยากดิ้นรนแต่ไร้ซึ่งประโยชน์ ทำให้จิตใจที่มั่นคงของเขาตกลงไปให้หุบเหวลึก

ปรมาจารย์เซิ่งลั่วที่ตามอยู่ด้านหลัง ใบหน้าขาวซีด มองผู้บำเพ็ญรอบๆ ที่ทุกข์ทรมาน ฟังเสียงร้องโหยไห้นับไม่ถ้วนนั่น เขาไร้ซึ่งกำลัง

ยาลูกกลอน มีไม่พอให้ทุกคนได้ใช้

ในกลุ่มคน ผู้ติดตามปรมาจารย์ลูกกลอนเก้า เวลานี้ก็ขมขื่น ความรู้สึกศรัทธายิ่งเริ่มจางหายไป

สุดท้าย…พวกเขายังหาตัวลูกกลอนเก้าไม่พบ และตอนนี้ทั้งทะเลทรายกลายเป็นทะเลเลือด เทือกเขาทนทุกข์ก็ใกล้ถล่มทลาย ในบางความหมาย ลูกกลอนเก้าที่พวกเขาติดตามอยู่ อาจจะตายไปแล้ว หรืออาจจะไม่อยู่ที่นี่

“หวังว่าปรมาจารย์ จะไม่ได้อยู่ที่นี่…” ผู้นำกลุ่มผู้ติดตาม หญิงสาวองอาจห้าวหาญผู้นั้น ถอนใจแผ่วเบา

บทที่ 673 นายแห่งขบถจันทร์ 1

Verify captcha to read the content.ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา