บทที่ 688 คำสาปเพลิงทมิฬเจ็ดตะเกียง
เสียงกลองดังสนั่น คลื่นเสียงแฝงด้วยพิษ ขณะที่ขยายออกไปอย่างไร้รูปร่าง ด้านในยังแฝงวิชาคำสาปพิษ ซึ่งรุกรานสรรพสิ่งอย่างไร้รูปร่างด้วยเช่นกัน
ความว่างเปล่ามีวงกลมไร้กฎเกณฑ์ปรากฏขึ้นทีละวง ราวกับการกัดกร่อนสร้างขึ้นมา
บนผืนดินก็เช่นกัน สายลมทั่วสารทิศหวีดหวิวในยามนี้ ทำให้พิษแปรเปลี่ยนเป็นหมอกดำ หอบม้วนไปรอบด้าน
บุตรเจ้าเหนือหัวคนที่สี่ยืนอยู่ท่ามกลางหมอกพิษนี้ มองสวี่ชิงด้วยสายตาเย็นชา ในมือยังคงแกว่งกลองป๋องแป๋ง ปราณหมอกพัดทะลักอย่างบ้าคลั่ง กระเพื่อมขึ้นลงราวคลื่นโหมกระหน่ำ ยิ่งมีเงาอสูรร้ายหลายตัวจำแลงออกมา เปล่งเสียงคำรามอยู่ด้านใน
เงาอสูรเหล่านี้ บ้างรูปร่างเหมือนขวดแต่มีลูกตางอกออกมาเต็มไปหมด บ้างเหมือนเส้นผมแปลกประหลาดปลิวไสว ทั้งยังมีเต่ามังกรที่ร่างเต็มไปด้วยหนามแหลมคม ยิ่งมีรูปร่างมนุษย์แต่หน้าผากมีดอกพลับพลึงแดงแบ่งบาน
ลักษณะเดียวกันนี้ มีอยู่มากมาย
ทุกตัวเป็นอสูรพิษร้าย ในยุคสมัยนี้เห็นได้น้อยมาก ไม่ต้องพูดถึงยุคสมัยที่สวี่ชิงอยู่เลย
แทบจะทุกตัวเป็นวิญญาณที่สูญพันธุ์ไปแล้ว
พริบตาที่พวกมันจำแลงออกมา ปราณหมอกที่อยู่ก็ปะทุขึ้นอีก พิษด้านในได้รับการสนับสนุนตามการปรากฏขึ้นของพวกมันครั้งแล้วครั้งเล่า จนสุดท้ายกลายเป็นพิษผสม โจมตีสมบัติวิญญาณทุกคนและกัดกร่อนเตาสมบัติลับได้
ขณะนี้หอบม้วนไปหาสวี่ชิง
สำหรับเรื่องนี้ สีหน้าสวี่ชิงยังคงปกติ ไม่ได้เปลี่ยนแปลงสักเท่าไร กระทั่งในใจรู้สึกไม่สะทกสะท้านกับศึกนี้ด้วยซ้ำ
เพราะเขาพบว่าบุตรเจ้าเหนือหัวคนที่สี่ตรงหน้าผู้นี้ เหมือนจะไม่ได้ยากหยั่งถึงอย่างที่ตนจินตนาการไว้เช่นนั้น
อีกฝ่ายเป็นอัจฉริยะฟ้าประทานจริง แต่ก็มีขีดจำกัด
ต้นกำเนิดวิชาระดับจักรพรรดิ ตนก็มีเช่นกัน ส่วนวิถีพิษ…สวี่ชิงส่ายหน้าเล็กน้อย
ในตาเขาดำสนิทไปทั้งดวง พิษต้องห้ามในร่างกายผสานอยู่ในดวงตา มองผาดหนึ่งอย่างสงบนิ่ง
การมองนี้ ฟ้าดินเปลี่ยนสีลมโหมเมฆทะลัก รอบด้านพร่าเลือนบิดเบี้ยว หมอกพิษที่ทะลักมาทางเขาพลันสั่นไหว สลายหายไปอย่างเห็นได้ด้วยตาเปล่า
ในโลกนี้ มีพิษที่ทำให้สวี่ชิงใจสั่นสะท้าน แต่ชัดเจนว่าบุตรเจ้าเหนือหัวคนที่สี่ผู้นี้ไม่มี
พิษต้องห้ามของสวี่ชิง จากแก่นแท้แล้วแตกต่างกับพิษคุณสมบัติทั่วไป นั่นคือการออกฤทธิ์อย่างไอพลังประหลาด คือการปะทุของคำสาปเทพ ยิ่งเป็นการรุกรานพลังชีวิตของสรรพชีวิตและสรรพสิ่งจากแก่นแท้
เมื่อเทียบกันแล้ว พิษคลื่นเสียงที่เกิดจากกลองป๋องแป๋ง แม้จะมหัศจรรย์ แต่ยังมีพลังไม่มากพอ
เพียงแค่มอง หมอกพิษก็สลายไป!
บุตรเจ้าเหนือหัวคนที่สี่หน้าเปลี่ยนสีครั้งแรก มือที่แกว่งกลองป๋องแป๋งหยุดชะงัก
ขณะเดียวกัน สายตาสวี่ชิงมองทะลุหมอกพิษที่เบาบางอย่างรวดเร็ว จ้องบุตรเจ้าเหนือหัวคนที่สี่
การมองนี้ทำให้บุตรลำดับสี่ขนลุกชันไปทั้งร่าง ความรู้สึกวิกฤตเป็นตายปะทุครืนครัน แต่ตัวเขาก็ไม่ธรรมดา ถอยออกมาพลันอย่างไม่ลังเล โยนกลองป๋องแป๋งในมือทิ้งไปอย่างไม่ลังเลเช่นกัน ทำปางมือชี้ออกไป
ทันใดนั้นกลองป๋องแป๋งที่ถือเป็นสมบัติล้ำค่าในโลกภายนอกก็เกิดรอยร้าวขึ้น ระเบิดตัวเองเสียงดังสนั่น กลายเป็นพิษที่เข้มข้นยิ่งกว่ารวมถึงเสียงกรีดแหลม ตามมาด้วยพลังอำนาจบ้าคลั่งที่แฝงอยู่ ระเบิดสกัดกั้นสวี่ชิง
ถือว่ามีประสิทธิภาพจริงๆ
สวี่ชิงสลายพิษของกลองนี้ได้ แต่คลื่นพลังที่เกิดจากการระเบิดของสมบัตินี้ ก็ทำให้การก้าวไปด้านหน้าของเขาหยุดชะงักเช่นกัน
ถือโอกาสนี้ บุตรเจ้าเหนือหัวคนที่สี่ก็ถอยหลังออกไปพันจั้ง ตอนที่ปรากฏตัวสีหน้าเขามืดครึ้ม ในใจเคร่งขรึม เขาต้องยอมรับว่าคนตรงหน้านี้ วิธีการไม่ใช่แค่คล้ายคลึงกับตน ยิ่งแข็งแกร่งกว่าตนระดับหนึ่งทุกชนิด
ดวงตาบุตรเจ้าเหนือหัวคนที่สี่จิตสังหารฉายวาบ เขาไม่คิดจะเล่นอีกต่อไปแล้ว ศึกนี้สำหรับเขาควรจะจบลงได้แล้ว จึงยกมือขวาขึ้นทำปางมือ ชี้ไปที่หน้าผาก ปลายนิ้วไม่ได้แตะ แต่ค้างอยู่กลางอากาศสามชุ่น
“สายโลหิต คำสาปทมิฬ!”
เมื่อกล่าวออกมา ผิวหนังของบุตรเจ้าเหนือหัวคนที่สี่ก็มีเส้นสีดำคล้ายอักขระจำนวนมหาศาลปรากฏขึ้น มองอย่างละเอียด จะเห็นว่าเส้นสีดำมากมายเหล่านี้มีทั้งบางและหนา เป็นเส้นเลือดทั่วร่างกายนั่นเอง
ยามนี้ปูดขึ้นมา เคลื่อนที่เองอยู่บนร่างกาย โดยเฉพาะเส้นเลือดสีดำบนใบหน้า ประกอบกันเป็นใบหน้าผีร้ายดวงหนึ่ง
เมื่อนิ้วบุตรเจ้าเหนือหัวคนที่สี่แตะใบหน้าผี พริบตานั้นใบหน้าผีก็จุดติดขึ้นมาราวกับตะเกียง
มองไกลๆ นั่นคล้ายจะเป็นตะเกียงใบหนึ่งจริงๆ!
ตะเกียงนี้ผสานกับใบหน้าของบุตรเจ้าเหนือหัวคนที่สี่ ขณะที่ดูแปลกประหลาดถึงขีดสุด กลิ่นอายบนตัวเขาก็พวยพุ่งออกมา แข็งแกร่งกว่าก่อนหน้านี้สองสามส่วน
สวี่ชิงเห็นเช่นนี้ ในใจก็รู้สึกไม่สบายใจ แผ่พิษในดวงตาไปอีกครั้ง ร่างไหววูบกลายเป็นความเร็วที่น่าตกตะลึง พุ่งหาอีกฝ่าย
บุตรเจ้าเหนือหัวคนที่สี่หรี่ตาลง ถอยออกมาอย่างเร็วรี่ ขณะที่มือซ้ายทำปางมือ ร่างแรดก็ก่อตัวขึ้นนอกร่างกายอีกครั้ง ขณะที่ต้านทานการกัดกร่อนของพิษ ขณะเดียวกันก็โบกมือแผ่เส้นผมช่อแล้วช่อเล่าออกไปพันธนาการสวี่ชิง สกัดเขาไว้
สวี่ชิงสายตาเยือกเย็น พริบตานี้ร่างกายปะทุครืนครัน รวดเร็วยิ่งกว่าก่อนหน้านี้มากนัก จนกลายเป็นเงาคงค้าง ทะลวงทุกอย่างออกไปโดยไม่สนใจสิ่งเหล่านี้ พุ่งไปยังบุตรเจ้าเหนือหัวคนที่สี่
ความเร็วนี้ไม่ใช่สิ่งที่สมบัติวิญญาณจะมีได้ แต่เป็นสิ่งที่เกิดจากการที่สวี่ชิงล่ามดวงอาทิตย์บรรพกาลไว้เป็นเวลานานระหว่างฝึกฝนกับรัฐทายาท
บุตรจักรพรรดิลำดับสี่หน้าเปลี่ยนสี พลันอ้าปาก พ่นแสงขาวผืนหนึ่งไปทางสวี่ชิง
ขณะที่แสงสีขาวกลายเป็นช่องตารางนับไม่ถ้วนปกคลุมเขาไว้ ตัวเขาซ่อนอยู่ด้านใน และช่องตารางก็ซ้อนทับกันอย่างรวดเร็ว ห่อหุ้มเป็นชั้นๆ
พริบตาต่อมา สวี่ชิงเข้าประชิด จำแลงสมบัติลับออกมาด้านหลัง หนึ่งหมัดซัดลงไป
พื้นสั่นเขาโยกไหว ท้องฟ้าอัสนีอื้ออึง ช่องตารางเหล่านั้นพังทลายอย่างรวดเร็ว แตกเป็นเสี่ยงๆ กระจายไปรอบๆ
แต่วิชานี้ก็มหัศจรรย์ ร่างของบุตรเจ้าเหนือหัวคนที่สี่ปรากฏอยู่ในช่องตารางที่กระจัดกระจายเป็นร้อยชิ้นในขณะเดียวกัน แยกจริงเท็จไม่ออกชั่วขณะหนึ่ง
สวี่ชิงสีหน้าขรึม เงาใต้เท้าแผ่ขยายอย่างรวดเร็ว ยิ่งมีร่างมารฟ้าจำแลงขึ้นรอบๆ พุ่งโจมตีช่องตารางทั้งหมดอย่างรวดเร็วเพื่อค้นหาร่างจริง
ขณะเดียวกัน บุตรเจ้าเหนือหัวคนที่สี่ในช่องตารางเหล่านี้ ก็ยกมือขึ้นแตะที่ไหล่


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา