บทที่ 72 หวงเหยียนที่น่ากลัว
หวงเหยียนเสียงดังลั่น สายตาเผยความโกรธออกมาอย่างแรงกล้า ราวกับสำหรับเขาแล้ว ที่คำพูดเจ้าของร้านหยามหมิ่นไม่ใช่ตัวสวี่ชิง แต่เป็นตัวเขาเอง
ถึงอย่างไรในของบนโต๊ะนั่น ก็มีอยู่สามชิ้นที่เขามอบให้กับสวี่ชิง
เผชิญหน้ากับความโกรธของหวงเหยียน สีหน้าเถ้าแก่ก็ยิ่งเคร่งขรึมขึ้น มือขวายกขึ้นตะปบคว้ากะโหลกที่อีกฝ่ายโยนเข้ามาหาตนเองไว้
ขณะที่ถือกะโหลก เขาก็มองหวงเหยียนเย็นชาผาดหนึ่ง
ในใจแอบพูดว่าเจ้านี่ไม่ได้ออกจากกรมทดน้ำมาแปดปี เอาแต่ไล่ตามศิษย์พี่หญิงที่ไม่รู้ว่าเป็นสาวบ้านนอกคอกนาคนใด ส่งของขวัญให้ไปจำนวนมาก จนใครๆ ก็รู้ไปทั่ว จนกลายเป็นเรื่องตลกขบขัน ในเมื่อตอนนี้อยากจะหาเหาใส่หัว เช่นนั้นก็อย่ามาโทษข้าแล้วกัน
จึงเอ่ยขึ้นแช่มช้า
“เจ้าพูดมาถูกต้อง นี่เป็นของโจร ดูท่าเจ้าเองก็จะเป็นพวกในคดีลักทรัพย์ของสำนักวัชระด้วยสินะ พวกเจ้า ไปรายงานกรมปราบพิฆาตเสีย คนร้ายคดีลักทรัพย์สำนักวัชระโผล่ออกมาติดกับเองแล้ว”
พนักงานในร้านทำท่าทำทางล้วงแผ่นหยกสื่อเสียงออกมาตามคำ หลังมองไปทางเถ้าแก่ ในใจก็เข้าใจว่าควรทำอะไร ดังนั้นจึงค่อยๆ ส่งสื่อเสียงแจ้งความไป
เวลานี้ศิษย์ยอดเขาต่างๆ ในร้าน แต่ละคนสายตาล้วนมีประกาย จ้องมองฉากตรงหน้านี้
ศิษย์ที่ฝากตัวเข้าเจ็ดเนตรโลหิตและยังเอาตัวรอดในสิ่งแวดล้อมแบบนี้ได้ ส่วนใหญ่สติปัญญาล้วนไม่ธรรมดา ลูกไม้ง่ายๆ แค่นี้ แน่นอนว่ามองออกอย่างชัดเจน แต่ก็ล้วนเข้าใจเป็นอย่างดีว่าจุดสำคัญของเรื่องนี้ไม่ใช่คดีลักทรัพย์สำนักวัชระ แต่เป็นเพราะ…ยอดเขาลำดับหกมีคนต้องการจะหาเรื่องสวี่ชิงกับหวงเหยียนต่างหาก
ส่วนเรื่องที่ว่าจะทั้งสองคนหรือว่าคนใดคนหนึ่งก็ยังตัดสินไม่ได้ แต่รู้สึกว่าความเป็นไปได้น่าจะอยู่ที่สวี่ชิงที่ล้วงสิ่งของออกมา แต่ก็ไม่มีใครเอ่ยปาก กลับไปคอยดูอยู่ข้างๆ แทน จางซานเองก็เช่นกัน
สวี่ชิงไม่ได้ใส่ใจสีหน้าของคนอื่น เขาเวลานี้รู้สึกเกินคาดกับปฏิกิริยาของหวงเหยียนมาก แม้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะพอใช้ได้ แต่ถึงอย่างไรก็ไม่ได้ลึกซึ้งนัก ปฏิกิริยาของอีกฝ่ายทำสวี่ชิงเกิดความสงสัยขึ้นมา
ขณะเดียวกันสำหรับเรื่องที่เถ้าแก่แจ้งกรมปราบพิฆาต รวมไปถึงท่าทีเสแสร้งของพนักงาน สิ่งนี้ยิ่งทำให้สวี่ชิงสงสัยขึ้นไปอีก ราวกับสถานการณ์นี้ เหมือนไม่ได้คิดจะเล่นงานตนเองให้ถึงตายอย่างที่คิดไว้ก่อนหน้า
เพราะถ้าคิดจะเล่นงานตนเองจนตายล่ะก็ ลงมือกับตนเองเลยก็จบแล้ว ไม่จำเป็นต้องดึงกรมปราบพิฆาตเข้ามา ทำให้เรื่องซับซ้อนยิ่งไปอีก ศิษย์ด้านล่างภูเขาอย่างพวกเขาสำหรับคนระดับสูงแล้ว สังหารไปก็ไม่ใช่เป็นเรื่องราวใหญ่โตจนต้องเรียกพรรคเรียกพล นี่มันไม่สมเหตุสมผล
เรื่องนี้ เหมือนคิดจะหยิบยืมโอกาสนี้มาเล่นงานตนเอง ให้ต้องไปติดต่อสำนักวัชระ
อีกเรื่องคือก่อนที่เขาจะเข้ามาในร้านเมื่อครู่ก็สังเกตรอบร้านดูแล้ว ไม่มีคลื่นพลังที่ค่อนข้างแข็งแกร่งอยู่เลย เวลานี้ก็ยังเป็นเช่นเดียวกัน ไม่เหมือนมีผู้แข็งแกร่งมากอยู่
สวี่ชิงทำท่าเหมือนครุ่นคิด จากคำพูดของเถ้าแก่ที่จะแจ้งกรมปราบพิฆาต หวงเหยียนก็ส่งสายตาขุ่นเคืองออกไป
“กรมปราบพิฆาต? สวี่ชิงก็เป็นกรมปราบพิฆาต!”
“โอ้? รู้กฎแต่ก็ยังฝ่าฝืนกฎ อย่างนี้โทษก็เพิ่มไปอีกหนึ่งกระทง!” เถ้าแก่มองหวงเหยียน ขมวดคิ้ว เอ่ยขึ้นแช่มช้า
หวงเหยียนโมโหจัดจนหัวเราะ ตอนคิดจะเดินขึ้นหน้าไป ความสงสัยในใจสวี่ชิงต่อเรื่องนี้ยิ่งหนักขึ้น ยกมือขวางเขาไว้ เอ่ยเสียงเบาว่า
“หวงเหยียน เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเจ้า เจ้าออกไปก่อนเถอะ”
จากนั้นเขาก็มองไปที่คอของเถ้าแก่ สีหน้าเรียบเฉย เอ่ยขึ้นแช่มช้า
“สิ่งเหล่านี้เป็นสินสงครามที่ข้าได้มาจากตัวคนร้ายในประกาศจับ เจ้าไม่จำเป็นต้องมาใส่ความ มีอะไรก็พูดมาตรงๆ”
เถ้าแก่ระแวดระวังขึ้นทันที ปฏิกิริยาของสวี่ชิง ทำให้เขาตระหนักได้ว่าคนผู้นี้ไม่ธรรมดาตามที่คาดไว้ อันที่จริงหลังจากที่บนยอดเขาสั่งการเรื่องนี้ลงมา เดิมทีไปจะหาสวี่ชิงเพื่อให้เขาส่งคืนมาตรงๆ เลยก็ได้ แต่ศิษย์ที่รู้เรื่องนี้ซึ่งรวมเขาด้วย คิดจะหากำไรจากเรื่องนี้ ดังนั้นจึงกุเรื่องใส่ความขึ้นมา
ทว่าวันนี้ อีกฝ่ายมองแผนของตนเองออกอย่างชัดเจน อันที่จริงเขาก็เข้าใจนิสัยใจคอสวี่ชิงอยู่บ้าง รู้ว่าคนที่โดดเด่นในกรมปราบพิฆาต ไม่ใช่พวกเล่นด้วยง่ายๆ แน่นอน
และเขาในฐานะที่เป็นเถ้าแก่ เบื้องหลังมีคนคุ้มกันอยู่ ภายใต้สถานการณ์ที่ไม่ต้องคอยเลี้ยงกู่ ปกติแล้วศิษย์ด้านล่างภูเขาก็ไม่มีใครกล้ามายุ่งกับคนแบบเขา
แต่ความเย็นวาบที่คอก็ทำให้เขาตัดสินใจเปลี่ยนความคิดในทันที ไม่คิดจะสร้างความขัดแย้งกับสวี่ชิงมากกว่านี้ ประกอบกับรู้สึกว่าเล่นงานไปมากเพียงพอแล้ว ดังนั้นจึงคิดจะเอ่ยปากประนีประนอม เอ่ยเงื่อนไขที่จะแก้ปัญหาเรื่องนี้กับบนยอดเขาออกมา
แต่ตอนนี้เอง หวงเหยียนที่ถูกสวี่ชิงขวางเอาไว้ ก็คำรามออกมาด้วยความโกรธ
“สวี่ชิงเจ้าไม่ต้องช่วยข้า เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเจ้า และเพ่งเป้ามาที่หวงเหยียนตัวข้าอย่างชัดเจน ข้ารู้แล้ว จะต้องเป็นเจ้าจงเหิงของกรมเคลื่อนย้ายคนนั้นแน่ เขาเกลียดข้า รู้ว่าข้าชอบมาที่นี่ ดังนั้นจึงสมคบคิดกับร้านนี้ คิดจะสาดโคลนใส่ข้า!”
เมื่อคำพูดหวงเหยียนออกไป สีหน้าเถ้าแก่ในร้านก็แปลกประหลาดขึ้นมา เหลือบมองหวงเหยียนลึกๆ เหมือนมองตัวประหลาด สวี่ชิงก็มองหวงเหยียนแบบเดียวกัน ดวงตาหรี่ลง เขาอยากจะแก้ปัญหา แต่หวงเหยียนก็เหมือนอยากจะดึงปัญหามาอยู่กับตัวเองเสียอีก
และขณะเดียวกัน หวงเหยียนก็ตบลงบนโต๊ะเสียงปังดังสนั่น พอคิดจะโวยวายต่อ ตอนนี้เอง ด้านนอกร้านก็มีเสียงย่ำเท้าพร้อมเสียงที่อึมครึมกว่าดังลอดเข้ามาด้วย
“ใครกันที่ยิ่งใหญ่เสียขนาดนี้” ระหว่างที่เสียงดังขึ้น ร่างเงาหลายร่างก็ย่ำเท้าเข้ามาในร้าน
สวี่ชิงหันหน้ากลับชำเลือง หรี่ตาลง
เงาที่ประตู เข็มกลัดสัญลักษณ์กรมปราบพิฆาตบนชุดนักพรตสีเทาสะดุดตา เปล่งประกายเย็นเยียบ คนที่มาเป็นศิษย์ของกรมปราบพิฆาต คนที่นำมาคือนายกองสามหน่วยพสุธา เด็กหนุ่มเผ่าเงือกที่สวี่ชิงสะกดรอยมากว่าครึ่งเดือนคนนั้นนั่นเอง
ด้านหลังเขา มีสมาชิกกลุ่มสามอีกสี่คนติดตามอยู่ ตอนที่เดินเข้ามา เด็กหนุ่มเผ่าเงือกคนนี้ก็ชำเลืองตามองสวี่ชิง
“ที่แท้ก็เจ้านี่เอง”
สวี่ชิงไม่พูดอะไร แต่ความระแวดระวังในใจลกับโถมขึ้นสูงสุด กรมปราบพิฆาตมาไวถึงเพียงนี้ ยิ่งไปกว่านั้นคนที่มาก็เด็กหนุ่มเผ่าเงือกที่มีความขัดแย้งอย่างรุนแรงกับเขาอีก นี่มันไม่ปกติเอาเสียเลย
เขารู้สึกว่าเรื่องวันนี้ซับซ้อนลึกเหลือเกิน มีเรื่องสามเรื่องรวมกัน เรื่องที่หนึ่งคือเถ้าแก่ร้านคิดจะเล่นงานตนเอง แต่ก็เป็นเพียงแค่เคาะตีเท่านั้น สามารถสะสางได้
เรื่องที่สอง คือหวงเหยียนเหมือนจงใจจะดึงเรื่องนี้เข้าไปหาตนเอง เป้าหมายไม่ชัดเจน
เรื่องที่สาม การมาเยือนของเด็กหนุ่มเผ่าเงือก บอกว่าบังเอิญได้ยากมาก
ดังนั้น ก่อนที่จะเข้าใจสถานการณ์ สวี่ชิงจึงไม่คิดจะบุ่มบ่ามทำอะไร
ขณะเดียวกัน เด็กหนุ่มเผ่าเงือกที่เดินเข้ามาในร้านขาย ชำเลืองไปยังคนที่อยู่รอบๆ สายตามีความหยามหมิ่น
อันที่จริงการเข้าร่วมสำนักเจ็ดเนตรโลหิตไม่ใช่เจตนาเดิมของเขา แม้ว่าเผ่าเงือกไม่ใช่เผ่าที่ใหญ่นัก แต่สถานะในเผ่าของเขาสูงส่ง บ่มเพาะใหเขามีนิสัยเย่อหยิ่ง โดยเฉพาะต่อเผ่ามนุษย์ เขารู้สึกดูถูกหยามหมิ่นจากก้นบึ้งจิตใจ
และเรื่องในวันนี้ หลังจากที่กรมปราบพิฆาตรับคดี เดิมทีควรจะเป็นหน่วยนิลกาฬมารับผิดชอบ แต่พอข้องเกี่ยวถึงสมาชิกหน่วยนิลกาฬ หน่วยนิลกาฬจึงเลี่ยงไป ดังนั้นจึงส่งมายังหน่วยพสุธา และพอเขารู้ว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับสวี่ชิง คิดไปถึงความชิงชังกับการแย่งความดีความชอบในวันนั้นจึงรับงานนี้ แล้วนำกลุ่มเข้ามาด้วยตนเอง
หลังจากเดินเข้าไป เขาก็ชี้ไปที่สวี่ชิงกับหวงเหยียน
“ในเมื่อเป็นคนร้ายคดีลักทรัพย์ของสำนักวัชระ และยังมีของโจรด้วย คนของกรมปราบพิฆาตอย่างข้าก็อยู่ เช่นนั้นก็พาพวกเขาไปขังแล้วไต่สวนที่กรมก็แล้วกัน”
หวงเหยียนที่อยู่ข้างๆ พอเห็นว่ากรมปราบพิฆาตมาถึงก็ไม่แยกไม่แยะ ความโกรธจึงระเบิดออกมา วิ่งไปหยุดระหว่างเด็กหนุ่มเผ่าเงือกกับสวี่ชิง จ้องมองเด็กหนุ่มเผ่าเงือกอย่างเคืองโกรธ คำรามเสียงต่ำออกมา

ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา