บทที่ 750 มหาจักรพรรดิฟื้นตื่น
อยู่ในเมืองหลวงที่ขั้วอำนาจซับซ้อนแห่งนี้ การกระทำทุกอย่างของพวกสวี่ชิงล้วนถูกจับตาอยู่ทุกชั่วขณะ
ทุกฝ่ายล้วนสังเกตการณ์
นับจากเสี้ยวพริบตาที่พวกเขาเหยียบย่างเข้ามาในแดนใหญ่เมืองหลวงจักรพรรดิ การจับตามองเช่นนี้ล้วนดำเนินอยู่ตลอด ตอนนี้ในเมืองหลวงแห่งนี้ยิ่งเป็นเช่นนั้น
ดังนั้นหลังจากที่ข่งเสียงหลงจัดให้ผู้ครองกระบี่ออกไปข้างนอก สายตาแต่ละคู่ก็จับจ้องมาที่เรื่องนี้ทันที จวบจนสังเกตเห็นว่าสถานที่ที่ผู้ครองกระบี่ไปคือจวนองค์ชายสิบ ผ่านจากเบาะแสและเส้นทางต่างๆ ฝ่ายต่างๆ ในเมืองหลวงก็รู้ถึงสาเหตุ
จวนองค์ชายสิบสองมีของสำคัญหายไป เป็นองค์ชายสิบเอาไปโดยไม่ได้บอกกล่าว
และนิสัยกำเริบอวดดีขององค์ชายสิบ จุดนี้ก็เป็นหนึ่งในเหตุผลที่อ๋องสวรรค์อันดับหนึ่งที่เป็นฝ่ายพระมารดาของเขาไม่ชอบ ด้วยนิสัยเช่นนี้ สำหรับแผ่นหยกที่ผู้ครองกระบี่เขตปกครองผนึกสมุทรส่งมา มีความเป็นไปได้สูงมากว่าเขาเลือกที่จะเมิน
“น่าสนใจ ดูสิว่าพวกสวี่ชิงจากเขตปกครองผนึกสมุทรพวกนั้นจะจัดการอย่างไร”
“เพิ่งมาถึงเมืองหลวงจะเลือกสงบเสงี่ยม หรือเลือกทำตัวเหิมเกริม จากเหตุการณ์นี้ก็จะมองวิธีการจัดการเรื่องราวของสวี่ชิงออก”
“แต่ว่าองค์ชายสิบทางนั้นแม้ทางอ๋องสวรรค์อันดับหนึ่งจะไม่ชอบ แต่อย่างไรก็ไม่ใช่คนนอก เรื่องนี้น่าสนใจแล้ว”
ขั้วอำนาจรวมถึงภาคส่วนต่างๆ ของเมืองหลวงส่วนใหญ่เลือกที่จะจับตามองเรื่องนี้ สำหรับกลุ่มที่ยังไม่รู้และยังไม่คุ้นเคย การกระทำเช่นนี้ของพวกเขาเป็นสัญชาตญาณอย่างหนึ่ง และเทียบแล้วก็เป็นวิธีที่ถูกต้องที่สุด
เรื่องนี้ ทันทีที่สวี่ชิงก้าวเข้ามาในเมืองหลวงก็สัมผัสได้แล้ว และจากการที่คนทั้งหลายเข้าที่พักเรียบร้อย ยังมีเวลาอยู่ สวี่ชิงก็เลือกที่จะออกไปข้างนอก
เดินอยู่บนถนน สวี่ชิงสัมผัสได้ถึงการจับตามองจากรอบๆ ไม่ว่าจะเป็นสายลับในฝูงชนหรือการปกคลุมจากจิตเทพ ล้วนบ่งบอกว่าการกระทำทุกอย่างของเขาในเมืองหลวงล้วนอยู่ในที่แจ้งทั้งสิ้น
สำหรับเรื่องนี้สวี่ชิงเข้าใจเหตุผลดี และรู้ว่ายากจะหลบเลี่ยง ตอนนี้สีหน้าเป็นปกติไม่เปลี่ยนแปลงใดๆ ทั้งสิ้น
ส่วนแผ่นหยกที่เขาให้คนนำไปมอบให้องค์ชายสิบ ผลจะเป็นเช่นไร สวี่ชิงก็ไม่ได้ใส่ใจสักเท่าไร เพราะทันทีที่ส่งออกไป เขาก็รู้ผลลัพธ์แล้ว
หากคืนให้เช่นนั้นเป็นดีที่สุด หากไม่ให้…
ในดวงตาสวี่ชิงเย็นเยียบ เขาเลือกที่จะทำตัวเหิมเกริม
นี่เป็นประสบการณ์ที่เขาได้เรียนรู้จากการผ่านชีวิตอันยากลำบากมาในวัยเด็ก ก็เหมือนกับในตอนที่เขาอยู่ในถ้ำยาจกยามเด็ก ฆ่าคนที่มีจุดประสงค์อื่นกับตนแล้วแขวนศีรษะไว้ที่หน้าประตู
เขาคือหมาป่า
และหมาป่ามีความอดทนตลอดจนความโหดเหี้ยม จะสำแดงออกมาตามสถานการณ์และโอกาสที่แตกต่างกันไป จากประสบการณ์ของสวี่ชิง หลายครั้งเพิ่งมาต่างที่ต่างถิ่น ทำตัวเหิมเกริมจบเรื่องการต่อสู้แย่งชิงได้ง่ายกว่าทำตัวสงบเสงี่ยม
นี่ก็คือสาเหตุที่ก่อนหน้านี้ในค่ายกล เขาไม่หยุดเจ้าอ้วนใหญ่
ดังนั้น สำหรับฝ่ายต่างๆ ที่จับตามองเขาและสายลับที่ตามอยู่ข้างหลังตน สวี่ชิงเลือกที่จะเมินเฉย เดินบนถนนอย่างสุขุมมองเมืองหลวงที่แปลกตาไม่คุ้นชิน มองเมืองอันดับหนึ่งของเผ่ามนุษย์ สลักไว้ในความทรงจำ
คนที่ออกมาจากจวนของหนิงเหยียนเหมือนกันยังมีจื่อเสวียนและนายกอง แต่พวกเขาไม่ได้ไปกับสวี่ชิง
จื่อเสวียนก่อนจากมองสวี่ชิงผาดหนึ่ง สวี่ชิงเข้าใจ จื่อเสวียนจะไปสัมผัสรับรู้ตะเกียงที่เมืองหลวงดวงนั้น และนิสัยของจื่อเสวียนแตกต่างกับหลิงเอ๋อร์โดยสิ้นเชิง
หากหลิงเอ๋อร์อยู่ที่นี่ จะต้องคอยติดตามอยู่ข้างกายตนตลอดเวลาแน่นอน แต่จื่อเสวียนไม่เป็นแบบนั้น นางมีเรื่องของตัวเอง มีความคิดของตัวเอง
ส่วนนายกอง หน้าตาลับๆ ล่อๆ ก่อนจากก็แสดงทุกอย่างออกมาหมดแล้ว สวี่ชิงไม่จำเป็นต้องไปคาดเดาก็รู้ว่าอีกฝ่ายจะต้องไปสำรวจดินแดนสมบัติอะไรนั่นในเมืองหลวงแน่นอน
หรือไม่ก็ไปดูสถานที่ที่น่าเสียดายเมื่อชาติที่แล้ว
สวี่ชิงส่ายหน้า ภายใต้แสงอาทิตย์เที่ยงวันนี้ เขาเดินผ่านสิ่งก่อสร้างแต่ละแห่งๆ เดินผ่านถนนแต่ละเส้นๆ จดจำแผนผังทุกอย่างรอบๆ เอาไว้ในหัว หาเส้นทางที่จะจากไปในอนาคต
นี่เป็นการกระทำตามสัญชาตญาณเมื่อเขาไปถึงสถานที่ที่ไม่คุ้นเคยทุกแห่ง
ความระแวดระวังและการระวังภัยอยู่ในตัวของเขาเช่นกัน ไม่ได้ลดลงเพราะฐานะตำแหน่งที่ยกสูงขึ้นเลย
เพียงแต่ไม่ได้แสดงออกมาภายนอก แต่ทำได้ถึงระดับที่คนอื่นๆ ในสำนักเจ็ดเนตรโลหิตเคยสอนเอาไว้
ข้างนอกผ่อนคลายข้างในระมัดระวัง ซ่อนเก็บไว้ในใจ
มองจากที่ไกลๆ ทุกอย่างที่เห็นล้วนสุขสงบ
ขณะเดียวกัน ในใจของเขาก็กำลังขบคิดถึงสถานการณ์ในเมืองหลวงที่องค์หญิงอันไห่ได้บอกไว้ในระหว่างการเดินทาง ไม่ใช่แค่ชนชั้นสูงผู้มีอำนาจเหล่านั้นเท่านั้น แต่ยังมีบุตรธิดาของจักรพรรดิมนุษย์
รวมกับคำแนะนำของหนิงเหยียน ในใจของสวี่ชิงมีการชั่งน้ำหนักของตัวเอง
‘องค์หญิงสามองค์ องค์ชายสิบสององค์
องค์หญิงใหญ่กับองค์หญิงรองแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์กับต่างเผ่า…ไม่อยู่ในเมืองหลวง’
สายตาสวี่ชิงฉายแววครุ่นคิด
องค์ชายองค์หญิงทั้งสิบห้าพระองค์ของจักรพรรดิมนุษย์ ความจริงแล้วก็เป็นหนึ่งในแหล่งกำเนิดขั้วอำนาจของเมืองหลวงในระดับหนึ่ง หลายๆ ฝ่ายล้วนมีความสัมพันธ์อันซับซ้อนกับบุตรธิดาของราชวงศ์เหล่านี้
‘องค์หญิงในเมืองหลวงมีแค่อันไห่เท่านั้น นางมีสิทธิ์ที่จะเปิดจวน แต่กลับไม่เลือกที่จะทำเช่นนั้น ทว่ากลับติดตามอยู่ข้างกายจักรพรรดิมนุษย์ ขั้วอำนาจเบื้องหลังนางไม่เล็กเลย บรรพชนฝ่ายพระมารดาคืออ๋องสวรรค์อันดับสองของเผ่ามนุษย์ อ๋องตงติ่ง
‘ตอนนี้สถานการณ์ศึกที่เผ่าฟ้าทมิฬเป็นตงติ่งอ๋องเป็นผู้บัญชาการ
‘นอกจากองค์หญิงแล้ว ก็เป็นองค์ชาย…’
สวี่ชิงมองไปทางเผ่าฟ้าทมิฬ คล้ายครุ่นคิด
‘องค์ชายใหญ่เชี่ยวชาญการศึกต่อสู้องอาจห้าวหาญ แต่เป็นคนไม่ละเอียดอ่อน อีกทั้งฝ่ายพระมารดาเป็นเผ่านภาคิมหันต์ ดังนั้นฐานะอยู่ในเมืองหลวงจึงกระอักกระอ่วน มักจะถูกอิจฉาริษยา ถูกคาดเดาต่างๆ นานา แม้แต่จักรพรรดิมนุษย์ก็เหมือนจะไม่ชอบเขา ทำให้ไม่เคยส่งบุตรชายที่เชี่ยวชาญด้านการต่อสู้เช่นนี้ไปรบที่แนวหน้า รั้งเอาไว้อยู่ในเมืองหลวงตลอด
‘องค์ชายสองสงบเสงี่ยม อ่อนโยนถ่อมตัว พระอัยกาของเขาคืออัครเสนาบดี เมื่อหลายปีก่อนเคยสนับสนุนจักรพรรรดิมนุษย์เสวียนจั้นสุดกำลังให้ขึ้นบัลลังก์ครองราชย์ คุณงามความชอบยิ่งใหญ่ ในตระกูลไม่เคยมีอ๋องสวรรค์ แต่อัครเสนาบดีมีลูกศิษย์มากมายในราชสำนัก
‘องค์ชายสามทรงภูมิรอบรู้ มีความรู้เลิศล้ำ ในจวนของเขามีที่ปรึกษามาจากทั่วทุกสารทิศ ในนั้นมีต่างเผ่าจำนวนไม่น้อย แต่ละคนล้วนเก่งกาจ ขณะเดียวกันองค์ชายสามก็ทำหน้าที่ช่วยอยู่ที่วังศึกษาด้วย
‘องค์ชายสี่อ่อนโยนทรงภูมิ เป็นมิตร ชอบช่วยเหลือ พี่น้องล้วนชมเชย ฝ่ายพระมารดาธรรมดาๆ แต่เขากลับได้รับการยอมรับจากสำนักเดือนครามสูงสุด ยิ่งฝากตัวเป็นศิษย์กับราชครู’
สวี่ชิงขบคิดในใจ สายตาหันไปมองหอเด็ดดาราที่อยู่ไกลๆ



ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา