บทที่ 875 นพกาฬปรากฏตัวสู่โลก!
เขาเทวะแห่งเมืองศักดิ์สิทธิ์ เผ่านภาคิมหันต์
เขาเทวะรายล้อมด้วยเมืองศักดิ์สิทธิ์สามเมือง บัดนี้กำลังส่งเสียงคำรามออกมา พร้อมกับแสงสีทองทอประกาย
มองจากไกลๆ แสงจากเขาเทวะรวมตัวกันที่ยอดเขา ในที่สุดก็ก่อตัวเป็นลำแสงพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า
นภาคำรน คลื่นโถมซ้อนทับ กระจายไปทั่วฟ้า ไร้ขอบเขต
เมื่อคลื่นกระจายออกไป ความว่างเปล่ารอบด้านก็ส่องประกายด้วยแสงทอง ความผันผวนแผ่กระจายไปรอบด้าน
เมื่อสังเกตเห็นเหตุการณ์นี้ ในไม่ช้าก็มีเงาร่างต่างๆ จากเมืองศักดิ์สิทธิ์ทั้งสามเมืองรอบเขาเทวะ พุ่งขึ้นสู่อากาศ มองไปยังผืนฟ้า
จำนวนร่างมากมาย หนาแน่น ไม่ต่ำกว่าล้านคน
คนเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นผู้บำเพ็ญจากเผ่านภาคิมหันต์และเผ่าพันธุ์ในอาณัต ที่ไม่ได้เข้าร่วมมหกรรมล่าเหยื่อ
ในหมู่คนเหล่านี้มีผู้แข็งแกร่งรุ่นเก่าจากเผ่าต่างๆ จำนวนมาก
และอีกหลายคนที่เกี่ยวข้องกับผู้บำเพ็ญที่เข้าไปในแผ่นดินใหญ่ผืนคีรีจึงรออยู่ที่นี่
บัดนี้เมื่อเห็นว่าเขาเทวะสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง พวกเขาก็มองไปยังท้องฟ้า อยากดูว่าผู้บำเพ็ญที่กลับมาในครั้งนี้ มีใครที่พวกเขาเกี่ยวข้องหรือคนที่พวกเขาคตั้งตารอ ได้รับสัตว์พาหนะดีๆ หรือไม่
“ด่านที่สองจะจบลงแล้ว”
“ครั้งนี้ ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด แน่นอนว่าเหยียนเสวียนจื่อจะต้องได้รับสัตว์พาหนะที่สยบทุกสรรพทิศ”
“และจี้ตงจื่อ ในฐานะอันดับสองเผ่านภาคิมหันต์ คงจะได้รับสัตว์พาหนะไม่ธรรมดาเช่นกัน”
“ไม่รู้ว่าจะมีม้ามืดที่ไม่คาดคิดปรากฏตัวหรือไม่ ไม่รู้ว่าเผ่ามนุษย์สวี่ชิงคนนั้นจะได้อะไร”
“สวี่ชิง? แม้ว่าเขาจะเป็นอัจฉริยะฟ้าประทาน แต่ที่ได้อันดับหนึ่งในด่านแรก เป็นเพราะอัจฉริยะฟ้าประทานชั้นนำเผ่านภาคิมหันต์ไม่สนใจก็เท่านั้น ในด่านที่สองนี้ ข้าเชื่อว่าถ้าสวี่ชิงไม่ตาย เขาก็ต้องรู้แล้วว่าความต่างชั้นคืออะไร”
เสียงพูดคุยดังระงมออกมาจากฝูงชนที่พุ่งตัวขึ้นมาจากสามเมือง
พวกเขาไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นในแผ่นดินใหญ่ผืนคีรีเลย
เพราะการแยกตัวของแผ่นดินใหญ่ผืนคีรีนั้น เหมือนเป็นผนึก ปิดกั้นจากทุกอย่าง
ดังนั้นผู้เฝ้าคอยเหล่านี้จึงไม่ทราบว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป
และเพราะไม่รู้ จึงทำให้ความอยากรู้และความคาดหวังยิ่งทวีคูณขึ้น
เวลาผ่านไปเช่นนี้ ครึ่งชั่วยามต่อมา เมื่อลำแสงจากเขาเทวะส่องประกายมากขึ้น เสียงคำรามสะเทือนฟ้าสะท้านดินก็พุ่งทะยานถึงจุดสูงสุด คลื่นความผันผวนสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง หลังจากเสียงคำรามเปิดฟ้า ท้องนภาพลันปรากฏกระแสวนขนาดใหญ่
กระแสวนหมุนไปมาอย่างรุนแรง ภายในมีร่างผู้บำเพ็ญที่ถูกส่งกลับมาปรากฏชัดเจน
ดวงตาของผู้ชมนับล้านจากสามเมืองศักดิ์สิทธิ์พุ่งเป้าเป็นจุดเดียวกันอย่างรวดเร็ว
ท่ามกลางสายตานับไม่ถ้วนนี้ สามารถมองเห็นเงาร่างหลายพันร่างในกระแสวนเหนือท้องฟ้า เปลี่ยนสภาพจากพร่าเลือนเป็นเด่นชัดอย่างรวดเร็ว
จนกระทั่งปรากฏตัวอย่างสมบูรณ์ จนมองเห็นได้ว่าพวกเขามีสีหน้าซีดเซียว บางคนมีสีหน้าเศร้าหมอง บางคนยังอยู่ในอาการตกใจ บางคนมีสีหน้าเหมือนรอดตายมาได้
ทุกคนมีสีหน้าต่างกันออกไป แต่เหมือนกันคือ ในด่านที่สองนี้พวกเขากลับมามือเปล่า ไม่ได้จับสัตว์พาหนะตัวใดกลับมาเลย
และเนื่องจากเป็นกลุ่มแรกที่ถูกส่งกลับมา พวกเขาไม่สามารถจากไปได้เอง ต้องรอให้การส่งข้ามจากเขาเทวะสิ้นสุดลงจึงจะจากไปได้
“ตามกฎการส่งข้ามที่ผ่านมา ยิ่งถูกส่งกลับมาก่อน ยิ่งล่าได้น้อย และกลุ่มสุดท้ายที่ถูกส่งกลับมา คือผู้นำ”
“แต่ครั้งนี้ ผู้ที่ล้มเหลวจากแผ่นดินใหญ่ผืนคีรีมีไม่น้อยเลยทีเดียว…”
ผู้ที่ล้มเหลวเหล่านี้ไม่มีค่าอะไรในใจของผู้ชมรอบข้าง ดังนั้นจึงมองเพียงปราดเดียว ไม่ได้ให้ความสนใจมากนัก
ดังนั้น จึงไม่มีใครสังเกตเห็นว่าผู้บำเพ็ญคนหนึ่งที่ล้มเหลวและถูกส่งกลับมา หลังจากปรากฏตัวขึ้น มีแสงสีน้ำเงินวาบผ่านดวงตา จากนั้นซ่อนตัวเงีนบๆ สีหน้าเศร้าสร้อย ปะปนกับคนอื่นรอบๆ
“ศิษย์น้องเล็ก เหตุใดถึงนิ่งเงียบไม่ไหวติงอยู่ในแผ่นดินใหญ่ผืนคีรีแบบนี้ล่ะ”
ผู้บำเพ็ญผู้นี้คือเอ้อร์หนิว
“ศิษย์น้องเล็กไม่มาหาข้า และไม่ได้ถูกส่งกลับมาเป็นกลุ่มแรก ดูเหมือนว่าจะได้อะไรมาสินะ ต้องอย่างนี้สิ หากไม่มีการเปรียบเทียบ ก็ไม่ขับเน้นความเป็นเลิศในฐานะศิษย์พี่ใหญ่ของข้าได้”
เอ้อร์หนิวรู้สึกซาบซึ้ง ภาพที่เขาเอาไข่พยัคฆาคีรีวางไว้ต่อหน้าสวี่ชิง และสวี่ชิงแสดงสีหน้าตกตะลึงและซาบซึ้งปรากฏขึ้นในใจเขา
“เฮ้อ น่าอิจฉาอาชิงน้อยจัง โชคดีอะไรอย่างนี้ ถึงได้มีพี่ใหญ่แบบข้าคอยช่วยเหลืออยู่ ถ้าเขาซาบซึ้งใจในตัวข้า เขาก็ควรจะนำเลือดเนื้อของชื่อหมู่มาให้ข้า”
เอ้อร์หนิวแลบเลียริมฝีปาก ความคาดหวังในใจเพิ่มพูน จึงหยิบลูกท้อออกมากัดกินด้วยความภาคภูมิใจ
เขารอคอยเลือดเนื้อของชื่อหมู่มานานมากแล้ว
ปกติเขาหาข้ออ้างไม่ได้ แต่ครั้งนี้ เขารู้สึกว่าโอกาสมาถึงแล้ว
และแล้วเวลาก็ผ่านไปเช่นนี้
เมื่อเขาเทวะปะทุ เงาร่างต่างๆ ก็ถูกส่งกลับมาจากกระแสวนเหนือท้องฟ้าอย่างต่อเนื่อง บางคนเลือกที่จะซ่อนสัตว์พาหนะไว้ ไม่แสดงให้เห็น บางคนก็แสดงให้เห็น ทำให้เกิดการพูดคุยถกเถียงกันอย่างดุเดือดในระดับหนึ่ง
ในขณะนั้น สายตาและเสียงพูดคุยจากสามเมืองก็ดังขึ้น
“เฉินหวานรจื่อจากเผ่าเมฆาโลภะ เขาจับนกติ๊ดตัวหนึ่งได้ ไม่ธรรมดาเลยนะเนี่ย!”
“แล้วนั่นโจ้วเซียนจากเผ่าอ่านวิญญาณ ดูจากเงาร่างที่ลอยอยู่รอบๆ ตัวเขาแล้ว เขาน่าจะจับพวกสิ่งประหลาดได้”
“ไม่น่าใช่ล่ะมั้ง เหตุใดพวกที่ถูกส่งกลับมาถึงมีสีหน้าแปลกๆ ล่ะ?”
ท่ามกลางเสียงถกเถียง มีคนสังเกตเห็นบางอย่างอย่างรวดเร็ว
ผู้ที่ได้รับอะไรกลับมา หลังจากที่เงาถูกส่งกลับมาแล้ว กลับไม่ยอมจากไป แต่ต่างมองไปยังกระแสวนเหนือท้องฟ้า ด้วยสีหน้าที่แฝงเจอด้วยความรู้สึกซับซ้อน



ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา