บทที่ 877 แผ่นดินเทวะไร้ผู้ครอง
นอกเมืองศักดิ์สิทธิ์เขาเทวะ หลังเสียงเทพเจ้ากระจายไป เกลียวคลื่นส่งข้ามก็เลือนรางไปในม่านฟ้าจนลับตา
ผู้บำเพ็ญนภาคิมหันต์รอบด้านที่ถูกส่งกลับมา ต่างคนมองไปทางสวี่ชิงด้วยรู้สึกสับสน
ผู้ชมด้านล่างที่มาจากเมืองทั้งสามก็เป็นเช่นนั้น สายตาที่มองไปยังสวี่ชิงมีความฉงนระคนตกใจ มีความสับสน แต่ต่างกับตอนสวี่ชิงได้อันดับหนึ่งในรอบแรก
ครั้งนี้ไม่มีความยั่วยุมากขนาดนั้น
สามารถปราบจิ่วหลี สามอุปราชถึงกับมอบของขวัญให้ ทั้งหมดนี้บ่งชี้คุณสมบัติของสวี่ชิงชัดเจนแล้ว
โดยเฉพาะคลื่นสายโลหิตและความรู้สึกกดดันที่ไม่อาจอธิบาย เหล่านี้ทำให้พวกเขามองข้ามฐานะเผ่ามนุษย์ของสวี่ชิงตามสัญชาตญาณ
ดังนั้นขณะผู้คนกำลังสับสน สวี่ชิงก้าวลงมาจากฟ้า และเดินไปยังเมืองศักดิ์สิทธิ์
‘เวลาเจ็ดวัน ต้องพักฟื้นให้เต็มที่สักหน่อย การล่าบนแผ่นดินเทวะรอบต่อไปถึงจะเป็นจุดสำคัญในมหกรรมออกล่าของเผ่านภาคิมหันต์ครั้งนี้’
สวี่ชิงคิดในใจ ส่วนทางด้านนายกอง เขาสัมผัสรู้ได้ว่าอีกฝ่ายราบรื่นไร้อุปสรรค จึงไม่ได้ไปหา
แต่ในตอนที่เขาจะออกไปนี้เอง มีเสียงเย็นเยียบทอดมาจากด้านหลัง
“เดี๋ยวก่อน!”
เสียงนี้เจือแววออกคำสั่งให้ทำตาม ชั่วขณะที่เอ่ยออกมาพลันเกิดคลื่นในความว่างเปล่า กฎเกณฑ์รอบทิศก็ได้รับผลกระทบไปด้วย ให้ความรู้สึกเหมือนความว่างเปล่ากลายเป็นความข้นฝืด
ราวกับฝืนเคลื่อนไหวในสภาพแวดล้อมนี้จะนำภัยจากทั่วทิศมาสู่ตัว
สวี่ชิงหรี่ตา เหลียวมองด้านหลังอย่างเย็นชา
คนพูดคือเหยียนเสวียนจื่อ
แม้การฉุดดึงของสายโลหิตทำให้เหยียนเสวียนจื่อรู้สึกไม่ดีเอามาก แต่ความอัดอั้นและโทสะในใจกลายเป็นพลังใหม่ที่มาทะลายทุกสิ่ง
ยามนี้เมื่อเอ่ยปาก สายตาเขาสบเข้ากับสวี่ชิง
เพียงผาดเดียว ความว่างเปล่าระหว่างทั้งสองทำท่าจะถล่ม ยังมีเสียงระเบิดดังกังวาน กฎเกณฑ์ในนั้นพังทลาย แต่กลับกลายเป็นเส้นไหมแฝงเจตจำนงของเหยียนเสวียนจื่อว่ายวนรอบตัวสวี่ชิง
ไอหมอกข้างกายสวี่ชิงพลิกม้วน เปี่ยมด้วยพลังกดดัน ดวงตาจิ่วหลีเก้าเศียรฉายประกายราง รอโอกาสจู่โจม
สวี่ชิงหรี่ตา ความรู้สึกที่สัมผัสได้จากเหยียนเสวียนจื่อเหนือกว่าจี้ตงจื่อมากนัก
เหยียนเสวียนจื่อก็นัยน์ตาหด เขาแน่ใจแล้วว่าอีกฝ่ายไม่ใช่คนที่ตนตามหา
คนที่ตนตามหาเน้นทำการด้วยความเย็นชาและพิสดาร แต่สวี่ชิงตรงหน้ากลับเดินวิถีสังหารอย่างเห็นได้ชัด
เขาจึงถอนสายตา จิตเทพที่เปี่ยมด้วยความเย็นเยือกเหี้ยมโหดพลันกระจายออกมาแผ่คลุมผู้บำเพ็ญคนอื่นที่ถูกส่งกลับมาที่นี่
“พวกเจ้าก็ห้ามไปไหน!”
ผู้บำเพ็ญที่กลับมาเหล่านี้พากันสีหน้าเปลี่ยน เหยียนเสวียนจื่อฐานะสูงส่ง เป็นการมีอยู่สูงสุดของเผ่านภาคิมหันต์ยุคนี้
ดังนั้นแม้จิตเทพของเขาไม่อาจทำให้เกิดคลื่นสายโลหิตได้เหมือนสวี่ชิง แต่ก็มีพลังสะเทือนขวัญน่าหวาดกลัว
มีเพียงสวี่ชิงที่ไม่สนใจ ก้าวเดินมุ่งไปยังเมืองศักดิ์สิทธิ์
เหยียนเสวียนจื่อไม่ได้สนใจการจากไปของสวี่ชิง ตอนนี้จิตใจทั้งหมดของเขาอยู่ที่ตัวคนอื่นที่กลับมา เขาแน่ใจมากว่าผู้บำเพ็ญสมควรตายที่น่าถูกสับเป็นพันหมื่นครั้งนั่นต้องซ่อนอยู่ในนี้
เขาจึงกวาดมองทีละคน
แต่จนถึงสุดท้ายก็ยังไม่ได้อะไร นอกจากเขาจะฆ่าทิ้งทั้งหมด ไม่อย่างนั้นคงหาไม่เจอ…
ความหงุดหงิดและจิตสังหารในใจเขาจึงรุนแรงกว่าเดิม สีหน้าก็อึมครึมถึงขีดสุด แต่ชัดว่าลงมือฆ่าที่นี่ไม่ได้
เหยียนเสวียนจื่อจึงข่มจิตสังหารในใจไว้ พลันหมุนกายออกไปจากที่นี่
และหลังจากเขาจากไป ผู้บำเพ็ญนภาคิมหันต์ที่ส่งข้ามกลับมาเหล่านั้นก็ต่างฉงน แยกย้ายกันอย่างรวดเร็ว
บางคนไปรวมกับครอบครัว บางคนเหาะเข้าไปในห้องบำเพ็ญของเผ่า แต่หลังจากผู้บำเพ็ญที่ผ่านเหตุการณ์บนแผ่นดินใหญ่ผืนคีรีเหล่านี้กลับถึงเผ่า เรื่องเกี่ยวกับสวี่ชิงในแผ่นดินใหญ่ผืนคีรีก็แพร่ออกไปทันที
“จี้ตงจื่อ…ถูกสวี่ชิงสังหาร!”
เรื่องนี้ทำให้เกิดคลื่นในใจผู้บำเพ็ญนภาคิมหันต์ประหนึ่งพายุ แม้แต่ผู้แข็งแกร่งรุ่นอาวุโสเหล่านั้นก็ต่างครุ่นคิดบางอย่าง
แต่สวี่ชิงไม่ได้สนใจทั้งหมดนั้น เขาในตอนนี้เดินมุ่งหน้าไปที่พักในคูเมือง ในหัวผุดข้อมูลเกี่ยวกับการล่าบนแผ่นดินเทวะที่เขาเข้าใจก่อนหน้านี้
‘สามเทพเจ้าแยกแผ่นดินเทวะ ให้ผู้บำเพ็ญนภาคิมหันต์บุกเข้าไปล่าสิ่งมีชีวิตในนั้น…’
‘ดูจากภายนอก เรื่องนี้คือสามเทพเจ้าฝึกฝนขัดเกลาผู้บำเพ็ญนภาคิมหันต์ แต่หลังจากผ่านเรื่องบนแผ่นดินใหญ่ผืนคีรีและรู้ประวัติศาสตร์ที่แท้จริง…’
‘เป้าหมายแท้จริงที่เทพเจ้าทั้งสามแยกแผ่นดินเทวะคืออะไรกันแน่’
ขณะตริตรอง สวี่ชิงพลันชะงักฝีเท้าหันไปมองด้านหลัง
ข้างหลังเขามีเงาร่างสายหนึ่งกำลังร้องตะโกนมา คนผู้นั้นเข้ามาใกล้ในพริบตาและหยุดลงในระยะสองสามจั้ง เป็นเทียนม่อจื่อนั่นเอง
“ยินดีด้วยสหายสวี่ ใกล้จะได้ตำแหน่งมหาขุนพลนภาเผ่านภาคิมหันต์ข้าแล้ว!”
เทียนม่อจื่อสีหน้ามีความจริงใจ สายตามีความเร่าร้อน เสียงฮึกเหิมเปี่ยมกำลัง พูดจบยังค้อมตัวคำนับไปทางสวี่ชิง
“มีอันใด”
สวี่ชิงมองข้ามคำตามมารยาทของเทียนม่อจื่อ เอ่ยเรียบนิ่ง
เทียนม่อจื่อกะพริบตาปริบๆ แม้สวี่ชิงมีท่าทีเฉยชา แต่นี่ไม่ส่งผลต่อความเป็นมิตรของเขา โดยเฉพาะเมื่อนึกถึงแต่ละฉากของสวี่ชิงบนแผ่นดินใหญ่ผืนคีรี เทียนม่อจื่อยิ่งยืนยันความคิดที่จะผูกมิตรกับเขา
เขาจึงรีบเอ่ยปาก
“สหายสวี่ รอบที่สามของมหกรรมออกล่าเผ่านภาคิมหันต์ข้าคือล่าบนแผ่นดินเทวะ แม้ด้วยเส้นสายและแหล่งข่าวของสหายสวี่จะรู้เรื่องการออกล่าบนแผ่นดินเทวะเยอะมากแล้ว แต่เมื่อครู่ข้าเห็นเหยียนเสวียนจื่อไอ้คนจองหองพองขนพูดจาไม่เกรงใจ ห่วงว่าเขาจะมีเจตนาร้ายกับสหายสวี่ตอนออกล่าบนแผ่นดินเทวะ…”
“ดังนั้น ที่ข้ามีข้อมูลเกี่ยวกับแผ่นดินเทวะอยู่บ้าง อาจจะช่วยสหายสวี่ในแผ่นดินเทวะได้ จะได้ไม่ถูกไอ้คนถ่อยต่ำทรามเหยียนเสวียนจื่อนั่นมาดร้าย”


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา