บทที่ 891 ทางเส้นนี้ไม่ใช่เส้นทางแห่งความตาย
ดวงตาแตกสลายเป็นเสี่ยงๆ ร่วงลงไปยังท้องฟ้าดาราข้างล่าง
เสียงของสวี่ชิงอยู่ในท้องฟ้าดาราที่เหมือนความว่างเปล่าแห่งนี้ แฝงไว้ด้วยความเย็นชาดังก้อง
สีหน้าของเขาตั้งแต่แรกจนสุดท้ายล้วนไม่มีระลอกคลื่นอารมณ์เท่าใดนัก เพียงแค่มองอย่างสงบนิ่งไปยังซากร่างหมิงเฟยที่เสียดวงตาอยู่ที่ไกลๆ และกิ่งไม้ที่พันรัดบนร่างของหมิงเฟย ตลอดจนต้นไม้ใหญ่ที่ทั่วทั้งต้นแผ่กลิ่นอายความเน่าเปื่อย คล้ายว่าใกล้ตายแล้วเต็มทีนั่น
“สหายน้อย เจ้าหมายความว่าอย่างไร”
เสียงเก่าแก่โบราณที่มาจากต้นฝุ่นทอง แฝงด้วยความอ่อนแรงและไม่เข้าใจ ดังลอยมา
สิ่งที่ตอบกลับมันคือทวนยาวสีดำที่หอบม้วนไว้ด้วยทะเลเพลิงเล่มหนึ่ง แปรเปลี่ยนเป็นรอยไฟบนท้องฟ้าดารา พุ่งตรงอย่างรวดเร็วแน่วแน่ไปยังต้นไม้ใหญ่
เสียงระเบิดดังดังขึ้นตามมา สนามศึกที่ชิงมู่และหมิงเฟยอยู่เกิดความรู้สึกเหมือนซ้อนทับ เหมือนว่า…นั่นเป็นฟองอากาศที่เกิดขึ้นจากภาพมายา
ภายใต้การแทงทะลุจากทวนยาว ฟองอากาศแตกออกอย่างต่อเนื่อง
กลิ่นอายความเน่าเปื่อย กลิ่นอายความตาย ทันทีที่ฟองอากาศนี้แตกออกก็คลุ้งไปทั่วดวงดาว
ขณะเดียวกัน ภายในดวงดาวก็ถูกสวี่ชิงฟันพังทลายไปในดาบเดียว แปรเปลี่ยนเป็นเศษชิ้นส่วนดวงตาร่วงโปรยปราย ตอนนี้รูปร่างเปลี่ยนอย่างรวดเร็ว ก่อกำเนิดขึ้นจากในหมอกดำมากมาย พิษร้ายและสิ่งแปดเปื้อนตลบอวลภายใน สุดท้ายก็หลอมเป็นเงาร่างรางเลือนของหมิงเฟย
จ้องสวี่ชิงเขม็ง
“เจ้ารู้ได้อย่างไร!”
เสียงเย็นเยือกต่ำทุ้มแฝงไว้ด้วยความอาฆาตแค้นดังก้อง
สวี่ชิงพูดได้ถูกต้อง นี่เป็นละครฉากหนึ่งจริงๆ และเป็นกลอุบายที่หมิงเฟยจำต้องใช้
มันอ่อนแรงเหลือเกินแล้ว ตอนนั้นภายใต้เคราะห์เทพเจ้า มันเกิดขึ้นจากความอาฆาตแค้นในโลกเซียนใบนี้จริงๆ และเข้ามาในโลกดาวเป่ยซุ่ยในช่วงเวลาสำคัญจริงๆ ลองกลืนกินวิถีสวรรค์ของชิงมู่ ทำให้มันได้พลังหยุดพัก
แต่สิ่งที่ต่างไปจากที่บอกกับสวี่ชิงคือ วิถีสวรรค์ชิงมู่สู้กับมันไม่ได้ดำเนินมาจนถึงปัจจุบัน แต่ในห้วงเวลาเนิ่นนานก่อนหน้านี้ก็ได้จบสิ้นลงไปแล้ว
ชิงมู่ใช้ไพ่ตายเอาชีวิตเข้าแลก ทำให้หมิงเฟยบาดเจ็บสาหัส ส่วนตัวเองดับสูญ
และในฐานะที่เป็นผู้ปกป้องโลกดาวเป่ยซุ่ย ชิงมู่ได้รับการแต่งตั้งจากจักรพรรดิเซียนย่อมมีจุดที่ไม่ธรรมดา ดังนั้นไพ่ตายของมันจึงน่าตื่นตะลึงเป็นอย่างมาก ต่อให้ทำไม่ถึงให้ตายตกไปด้วยกัน แต่ก็นำบาดแผลที่ยากจะฟื้นฟูตลอดจนการผนึกมาให้แก่หมิงเฟย
อาการบาดเจ็บของมันไม่อาจฟื้นฟู มีแต่จะเลวร้ายไปเรื่อยๆ เท่านั้น
ผนึกยิ่งสกัดกั้นซึ่งทุกสิ่ง ทำให้หมิ่งเฟยเหมือนอยู่ในกรงขัง ไม่มีโอกาสที่จะออกไปได้ตลอดกาล
จากนั้น เนื่องจากโลกภายนอกกลายเป็นแผ่นดินเทวะไปแล้ว ก็เหมือนนอกกรงขังมีกรงอีกใบ ตัดความหวังทิ้งโดยสมบูรณ์
และในโลกแห่งความตายที่ไม่มีพลังชีวิต ไม่มีคนนอกเข้ามา ไม่มีการชดเชยพลัง หมิงเฟยก็ทำได้แค่รอการมาเยือนของความตายอย่างอ่อนล้า
แต่มันไม่ยอมจำนน มันอยากออกไป อยากกลับไปสู่จุดสูงสุดอีกครั้ง แต่ในห้วงเวลาอันไร้จุดสิ้นสุดนี้ ความอ่อนล้าของมันแผ่ไปทั่วร่าง ความแห้งเหี่ยวก็เช่นกัน
จนกระทั่งในยามที่สัมผัสวิญญาณสุดท้ายของมันจะดับสลาย สวี่ชิงก็มาถึงที่นี่
การมาเยือนของสวี่ชิงมอบความหวังให้หมิงเฟย มันหมายตาร่างของสวี่ชิง เพียงแต่มันในตอนนี้อ่อนแรงสุดขีด ไม่มีพลังไปฝืนช่วงชิงเข้าสิง
ดังนั้นจึงมีกลอุบายฉากนี้
ในทันทีที่สวี่ชิงปรากฏตัวขึ้น มันก็สร้างภาพมายา ให้สวี่ชิงมองเห็นภาพการต่อสู้ที่มันอยากให้เขาเห็น จากนั้นก็ดึงสวี่ชิงเข้ามาในโลกใบไม้แห้งเน่าเปื่อย
ที่นั่น มันใช้ตัวตนของชิงมู่พูดคุยกับสวี่ชิง เล่าเรื่องในอดีตที่เป็นความจริงครึ่งหนึ่งเป็นเรื่องโกหกครึ่งหนึ่ง
เป้าหมายของมันคือให้สวี่ชิงเชื่อทุกอย่างนี้
ส่วนร่างเดิมของหมิงเฟยที่สวี่ชิงสังหารไปในห้วงมิติ แม้จะภาพลวง แต่พิษที่แฝงอยู่ในนั้นเป็นของจริง
มันหวังว่าภายใต้การไม่รู้ตัวนี้จะทำให้สวี่ชิงที่อยู่ในการสังหารครั้งแล้วครั้งเล่า ค่อยๆ ถูกพิษของมันกัดกินโจมตี
ทันทีที่มันทำสำเร็จ เช่นนั้นมันก็จะสามารถช่วงชิงกายเนื้อของสวี่ชิงมาได้ผ่านจากพิษ และหลุดพ้นด้วยการนี้ ไปจากที่นี่ ได้รับอิสระ
เพียงแต่ไม่ว่าอย่างไรมันก็คิดไม่ถึง พิษของมันเมื่ออยู่ต่อหน้าอีกฝ่ายจะถูกแก้ได้ในระดับหนึ่ง กระทั่งว่าสิ่งที่ทำให้มันยิ่งตื่นตะลึงไปก็คืออีกฝ่ายกำลังศึกษาค้นคว้าอยู่ด้วยซ้ำ!
โดยเฉพาะจะไปศึกษาค้นคว้าวิญญาณของมัน
มันกังวลว่าความจะแตก ดังนั้นจึงทุ่มทุกสิ่ง สำแดงห้าสิ่งแปดเปื้อนของเทพเจ้า ลองใช้วิธีนี้ช่วงชิง แต่มันก็พลาดอีก
ถูกแก้ได้อีกครั้ง
ห้าสิ่งแปดเปื้อนของเทพเจ้าถูกแก้ได้เหมือนเดิม
แต่ว่าอุบายของมันก็ไม่ได้มีเพียงเท่านี้ มันยังมีแผนสุดท้ายอีก นั่นก็คือทำให้สวี่ชิงคิดว่าตัวเองทำสำเร็จแล้ว เช่นนี้มันก็จะมอบตาออกไปเพื่อแสดงความขอบคุณได้
ขอเพียงสวี่ชิงหลอมผสานดวงตา ก็จะถูกมันช่วงชิงได้เช่นกัน
เพียงแต่…ดาบที่มาดมั่นไม่ลังเล ตัดทุกอย่างขาดสะบั้น
“เจ้า รู้ตั้งแต่เมื่อใด!”
เสียงของหมิงเฟยแฝงไว้ด้วยความดื้อดึงดังขึ้นอีกครั้ง
สวี่ชิงไม่ได้พูดอะไร มือขวายกขึ้น สะบัดไปข้างหน้าเล็กน้อย ทันใดนั้นทวนยาวสีดำก็พุ่งออกไปอย่างรวดเร็ว เปลวเพลิงที่แฝงอยู่ในนั้นปะทุออกมาทั้งหมด แผ่ระลอกคลื่นพลังไปทั่วดวงดาว
เสี้ยวขณะต่อมา มิติมายาที่เหมือนกับฟองอากาศก็แตกสลายโดยสมบูรณ์
เผยให้เห็นภาพที่แท้จริงในนั้น
ที่นี่ไม่ใช่ดวงดาว แต่เป็นความว่างเปล่า
ลูกทรงกลมที่เหมือนกับดวงดาวลอยอยู่ในความว่างเปล่า ในขณะที่มีขนาดมหึมาน่าตื่นตะลึง ก็จะเห็นว่าลูกทรงกลมนี้เกิดขึ้นจากกิ่งไม้ที่แห้งเหี่ยวเน่าเปื่อยตายไปแล้วไม่รู้ต่อกี่ปี
กิ่งไม้นับไม่ถ้วนพันรัดอยู่ด้วยกัน ก่อเป็น…กรงไม้ที่มีขนาดเท่ากับดวงดาวดวงหนึ่ง!
และในกรงไม้คือร่างจริงของหมิงเฟย!
ร่างของมันถูกกิ่งไม้นับไม่ถ้วนแทงทะลุ อีกทั้งยังแห้งเหี่ยวโรยรา เหมือนศพแห้งศพเดิม แม้แต่ศีรษะก็เช่นกัน
เกราะศพบนร่างของมันแปรเปลี่ยนเป็นวิญญาณแค้นนับไม่ถ้วน พุ่งทะลุไปทั้งนอกและในร่างของมัน กัดกินไปชั่วกาลนาน
กายเนื้อทั้งร่างมีเพียงดวงตาเพียงข้างเดียว ที่นับว่ายังอยู่สมบูรณ์
กำลังมองสวี่ชิงอย่างทั้งขมขื่นและสิ้นหวัง ในนั้นไร้ซึ่งประกาย สัมผัสวิญญาณของมันก็กำลังดับสลายไป
“เจ้าค้นพบได้อย่างไร…”
นี่เป็นจิตยึดมั่นสุดท้ายของมัน
“ข้าไม่เคยเชื่อเลย!”

ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา