ตอนที่ 9 ยกบ้านให้คุณหนึ่งหลัง
“คุณเฉิน หากคุณต้องการอะไรก็รีบบอกได้เลยครับ หากทำได้ ผมไม่ปฏิเสธแน่นอน!” ซูเหวินจงพูดอย่างรีบร้อน “คุณเฉินคะ พู่กันและชาดแดงในใบสั่งยานี้นำมาใช้ทำอะไรหรือคะ” ซูอวี่ฉีเอ่ยถามขึ้น ทั้งพู่กันและชาดแดงก็ดูไม่เหมือนสิ่งที่จะใช้รักษาโรคได้เลย อีกทั้งของทั้งสองอย่างนี้ก็หาซื้อได้ทั่วไปตามท้องถนน! “อวี่ฉี ในเมื่อคุณเฉินเขียนเอาไว้ก็ย่อมต้องมีเหตุผล อย่าถามให้มากความ!” ซูเหวินจงพูดพลางถลึงตาในซูอวี่ฉี “ไม่เป็นไรครับ!” เฉินผิงยิ้ม “ของสองสิ่งนี้ก็นำมาใช้รักษาโรคนี่แหละ เพียงแต่มันไม่ใช่พู่กันและชาดแดงธรรมดาๆ ของสองสิ่งนี้จะต้องมีจิตวิญญาณจึงจะใช้ได้!” “จิตวิญญาณ?” คราวนี้ซูอวี่ฉีมึนแล้ว! ซูเหวินจงเองก็สับสนไม่แพ้กัน พวกเขาไม่เข้าใจเลยสักนิดว่าอะไรคือจิตวิญญาณ เมื่อเห็นทั้งสองกำลังงุนงง เฉินผิงจึงอธิบายให้ฟัง “ทุกสรรพสิ่งในโลกนี้ล้วนมีเกิดมีดับ และทุกสิ่งล้วนมีจิตวิญญาณ แม้แต่สิ่งไม่มีชีวิตที่มนุษย์เรามองเห็น เหมือนเช่นโต๊ะและเก้าอี้ที่นี่ ต่างก็มีจิตวิญญาณด้วยกันทั้งสิ้น แต่ก็ต้องอาศัยโอกาสหรือเงื่อนไขที่รุนแรงเป็นพิเศษ!” “เหมือนเช่นเก้าอี้ตัวนี้ที่ผมกำลังนั่งอยู่ หากผมนั่งฝึกฝนตนเองบนเก้าอี้ตัวนี้เป็นแรมเดือนแรมปี อาจจะสิบปี ห้าสิบปี หรือร้อยปี เก้าอี้ตัวนี้ก็จะค่อยๆ มีจิตวิญญาณเกิดขึ้น” เฉินผิงเกรงว่าทั้งสองจะไม่เข้าใจ จึงต้องอธิบายด้วยภาษาที่เข้าใจง่าย “อ้อ ฉันเข้าใจแล้วค่ะ!” ซูอวี่ฉีตะโกนออกมาด้วยความตื่นเต้น “ความหมายของคุณเฉินก็เหมือนกับละครในทีวี ต้นไม้ที่มีเทพเซียนสถิตอยู่ พอนานๆ ไปก็เกิดจิตวิญญาณขึ้น บางทีก็แปลงร่างเป็นมนุษย์ได้ด้วย!” “อวี่ฉี อย่าพูดจาเหลวไหล!” ซูเหวินจงพูดไม่ออกหลังจากฟังคำอธิบายของลูกสาว ตามความคิดของเขา โลกนี้มีเทพเซียนที่ไหนกันล่ะ นี่มันยุคสมัยไหนแล้ว! “คุณหนูซูอธิบายได้ถูกต้องแล้ว ความหมายก็เป็นเช่นนี้...” เฉินผิงตอบพลางฉีกยิ้มจางๆ เมื่อก่อนนี้ เฉินผิงเองก็ไม่เชื่อ แต่หลังจากสามปีมานี้ที่อยู่กับตาเฒ่ามังกร เขาก็ตระหนักได้ว่า โลกใบนี้ยังมีอีกหลายสิ่งหลายอย่างที่เขาไม่รู้ เช่นเดียวกับจิตตวิสุทธิซึ่งเป็นวิถีแห่งการบำเพ็ญเซียนที่ตาเฒ่ามังกรถ่ายทอดให้เขา ขอเพียงเฉินผิงฝึกฝนจนสำเร็จ เขาก็จะบรรลุเป็นเซียนจริงๆ! ซูเหวินจงยิ้มอย่างเขินอาย เขาคิดไม่ถึงว่าซูอวี่ฉีจะอธิบายได้ถูกต้อง หากเป็นคนอื่นมาพูดเรื่องเกี่ยวกับจิตวิญญาณหรือเทพเซียน ซูเหวินจงคงจะเยาะเย้ยไปแล้ว แต่เมื่อเป็นคำพูดของเฉินผิงกลับทำให้ซูเหวินจงรู้สึกครั่นคร้ามขึ้นมา! ขณะที่เฉินผิงและซูเหวินจงกับพูดคุยกันอยู่นั้น พวกเขาไม่ได้เหลือบมองไปที่ซุนซ่งที่กำลังคุกเข่าอยู่ที่พื้นเลย แม้ว่าซุนซ่งจะไม่ใช่คนเลวร้ายอะไร แต่ก็ไม่ใช่คนที่มีความรับผิดชอบดีนัก เฉินผิงจึงไม่คิดจะรับเขาเป็นศิษย์ อีกทั้งไม่ได้ผ่านการอนุญาตจากตาเฒ่ามังกร เฉินผิงยิ่งไม่กล้ารับลูกศิษย์ส่งเดช! หลังจากการสนทนาผ่านไปกว่าสิบนาที เฉินผิงจึงได้รู้ว่าซูเหวินจงได้รับบาดเจ็บอย่างไร ที่แท้เมื่อตอนยังหนุ่ม ซูเหวินจงถูกฝ่ามือของคู่ปรับทางการค้าซัดใส่ แต่เพราะไม่มีบาดแผลภายนอก และตรวจสุขภาพก็ไม่พบเจอปัญหา เขาจึงไม่ได้ใส่ใจ! แต่เมื่อเวลาผ่านไปไม่นานนัก ซูเหวินจงกลับรู้สึกว่าร่างกายของเขาอ่อนแอลงเรื่อยๆ บ่อยครั้งลมหายใจติดขัด ตลอดเวลาที่ผ่านมาอาศัยยาบำรุงขนานใหญ่ จึงสามารถยืนหยัดมาถึงทุกวันนี้ได้ แต่ทว่า ซูเหวินจงเกรงว่าคนในครอบครัวจะเป็นกังวล เขาจึงเก็บงำเรื่องนี้เอาไว้มาตลอด นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมซูอวี่ฉีจึงไม่รู้ว่าพ่อของเธอมีโรคร้ายแฝงอยู่ เฉินผิงเข้าใจทันทีที่รับฟัง คนที่ทำร้ายซูเหวินจงจะต้องเป็นผู้ฝึกยุทธ์ที่ได้บำเพ็ญฌานจนเกิดความแข็งแกร่งจากภายใน ดูๆ แล้ว เขาจงใจปลิดชีพซูเหวินจง แต่เพราะซูเหวินจงร่ำรวย จึงได้ทุ่มเงินมหาศาลไปกับยาบำรุง ทำให้เขายืนหยัดมาได้จนถึงทุกวันนี้ และหากไม่ได้พบกับตน เกรงว่าซูเหวินจงคงจะไม่มีชีวิตรอดแล้ว “ได้โปรดรับผมเป็นศิษย์ด้วยเถอะ...” ซุนซ่งที่กำลังคุกเข่าอยู่ที่พื้นเอ่ยขอร้องอีกครั้ง ในเวลานี้ อาการชาและความเจ็บปวดที่สองขาของเขาทำให้ซุนซ่งรู้สึกทรมานมาก เฉินผิงชำเลืองมองซุนซ่ง “คุณลุกขึ้นเถอะ ผมไม่รับคุณเป็นศิษย์หรอก แต่หากคุณไม่เข้าใจตรงไหน ผมสามารถชี้แนะให้คุณได้!” เฉินผิงเห็นว่าซุนซ่งคุกเข่ามาเป็นเวลานาน นับว่ามีความจริงใจอยู่บ้าง เฉินผิงจึงยินดีให้คำชี้แนะกับเขา แต่เรื่องรับเป็นศิษย์ เห็นจะไม่ได้อย่างเด็ดขาด เมื่อได้ยินเฉินผิงพูดเช่นนี้ ในใจของซุนซ่งปีติยินดียิ่งนัก เขาเอ่ยคำขอบคุณซ้ำแล้วซ้ำเล่า “ขอบคุณคุณเฉิน ขอบคุณคุณเฉิน...” ซุนซ่งค่อยๆ ลุกขึ้นยืน แต่ขาทั้งสองข้างของเขาชาจนปวดไปหมดแล้ว ทำให้เขาไม่สามารถลุกยืนขึ้นได้! เมื่อเห็นสภาพของซุนซ่ง เฉินผิงก็เอื้อมมือไปจิ้มที่ขาของเขา ความเจ็บปวดและอาการชาก็มลายหายไปทันที สิ่งนี้ทำให้ซุนซ่งรู้สึกทึ่งอย่างที่สุด! “ประธานซูครับ ที่บ้านมีพ่อแม่ของผมรออยู่ ผมต้องกลับแล้ว ไว้คุณเตรียมตัวยาเรียบร้อยแล้วก็โทรหาผมนะครับ!” เฉินผิงพูดพลางลุกขึ้น แม่ของเฉินผิงอยู่บ้านคนเดียว นั่นทำให้เขากังวลใจ “คุณเฉินครับ ไม่ทราบว่าตอนนี้คุณพักอยู่ที่ไหนหรือครับ” ซูเหวินจงเอ่ยถาม “ผมอาศัยอยู่ในเขตชุมชนซิ่งฝู มีอะไรไหมครับ” เฉินผิงพูดด้วยความสงสัย “อ้อ ไม่มีอะไรมากครับ พอดีผมมีบ้านว่างอยู่หลังหนึ่ง ไม่ได้ทำประโยชน์อะไร ผมเลยต้องการจะยกให้คุณเฉินครับ สถานที่แห่งนั้นเหมาะสำหรับการพักฟื้นมากด้วย หวังว่ามันจะเป็นประโยชน์สำหรับคุณเฉิน!” ขณะที่ซูเหวินจงพูด ก็ล้วงหยิบกุญแจออกมาจากกระเป๋า! “งั้นก็ต้องขอบคุณประธานซูมากเลยครับ!” เดิมทีเฉินผิงคิดจะปฏิเสธ ที่เขารักษาโรคให้ซูเหวินจง เขาไม่ได้ต้องการสิ่งตอบแทนใดๆ แต่เมื่อคิดถึงบ้านซอมซ่อที่พ่อแม่อยู่ กว่าจะหาเงินซื้อบ้านใหม่ ก็คงต้องใช้เวลาอีกสักระยะ ดังนั้น เขาจึงตกลงรับไว้ แต่เมื่อเฉินผิงรับกุญแจมาแล้ว เขาก็ได้แต่ตกตะลึง นี่มัน...กุญแจของวิลล่าในเขตผานหลงวาน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ประกาศิตราชามังกร
เมื่อไหร่จะต่อครับ...