ตอนที่ 8 วิชาฝังเข็มเก้าปราณปลุกชีพ
“ท่านหมอเทวดา ได้โปรดรับผมเป็นลูกศิษย์ด้วยเถอะครับ!” หมอซุนไม่พูดเปล่า พลางโขกศีรษะคำนับเฉินผิง! เฉินผิงกำลังจะอ้าปากพูด แต่เขากลับรู้สึกว่าเรี่ยวแรงของตนไม่หลงเหลือแล้ว ในส่วนของซูอวี่ฉีนั้นก็กำลังจ้องมองคุณหมอซุนด้วยความแปลกใจ “คุณหมอซุนคะ คุณเป็นอะไรไป พ่อของฉันยังไม่ฟื้นเลยนะคะ” ซูอวี่ฉีงุนงง บิดาของตนยังไม่ฟื้นขึ้นมาเสียหน่อย ทำไมคุณหมอซุนถึงเรียกเฉินผิงว่าหมอเทวดาล่ะ! “คุณหนูซูอาจจะไม่ทราบ เมื่อสักครู่ท่านหมอเทวดาเพิ่งจะใช้วิชาฝังเข็มเก้าปราณปลุกชีพไป แม้เป็นคนตายก็สามารถรักษาให้ฟื้นคืนชีพได้ ประธานซูจะต้องปลอดภัยอย่างแน่นอน!” คุณหมอซุนอธิบายให้ซูอวี่ฉีฟัง “ร้ายกาจขนาดนั้นเชียว?” ซูอวี่ฉีมองไปที่เฉินผิงอย่างไม่เชื่อสายตา ถ้าสิ่งที่คุณหมอซุนพูดเป็นความจริง เช่นนั้นเฉินผิงคนนี้ก็เป็นหมอเทวดาจริงๆ “ไม่คิดเลยว่าคุณจะรู้จักวิชาฝังเข็มเก้าปราณปลุกชีพ!” เฉินผิงสูดลมหายใจเข้าปอดพลางพูดด้วยความประหลาดใจ วิชาฝังเข็มเก้าปราณปลุกชีพนี้เป็นวิธีการฝังเข็มแบบโบราณที่สาบสูญไปนานแล้ว ซึ่งเฉินผิงนั้นเรียนมาจากตาเฒ่ามังกร เขาไม่เข้าใจว่าคุณหมอซุนรู้จักได้อย่างไร “ท่านหมอเทวดา ผมชื่อซุนซ่ง เป็นรองประธานสมาคมแพทย์แผนจีนของหงเฉิงแห่งนี้ ผมเคยเห็นวิธีการฝังเข็มนี้ในหนังสือโบราณเล่มหนึ่ง คาดไม่ถึงเลยว่าวันนี้จะมีวาสนาได้เห็นท่านหมอเทวดาใช้วิชานี้ ได้โปรดรับผมเป็นศิษย์ด้วยเถอะครับ” ซุนซ่งพูดพลางโขกศีรษะคำนับเฉินผิง พฤติกรรมของซุนซ่งทำให้เฉินผิงรู้สึกลำบากใจ และในเวลานี้เอง มีเสียงไอดังขึ้น ซูเหวินจงได้ตื่นขึ้นมาแล้ว! “พ่อคะ!” เมื่อซูอวี่ฉีได้สติ เธอรีบก้าวเข้าไปประคองซูเหวินจงให้ลุกขึ้น แต่เฉินผิงกลับรั้งเธอเอาไว้ “คุณหนูซู ตอนนี้ยังขยับไม่ได้ รอจนกว่าผมจะดึงเข็มเงินบนตัวคุณพ่อของคุณออกทั้งหมดก่อน ถึงจะลุกขึ้นได้!” เฉินผิงดึงมือที่อ่อนนุ่มของซูอวี่ฉีเอาไว้ มือที่ทั้งนุ่มนวลและอบอุ่นของเธอทำให้หัวใจของเฉินผิงกระเจิดกระเจิง และดูเหมือนซูอวี่ฉีเองก็จะรู้สึกได้ถึงอุณหภูมิที่สูงขึ้นบนมือของเฉินผิง ใบหน้าของเธอแดงก่ำ “รบกวนด้วยค่ะ!” เฉินผิงรีบปล่อยมือซูอวี่ฉี เขาทำสมาธิ และใช้สองมือโบกเบาๆ ตรงหน้าซูเหวินจง เข็มเงินทั้งแปดสิบเอ็ดเล่มก็ถูกดูดเข้าไปในฝ่ามือของเฉินผิงทันที! “เรียบร้อยแล้ว!” เฉินผิงคืนเข็มเงินให้ซุนซ่ง และพูดกับซูอวี่ฉี นาทีนี้ ซูอวี่ฉีไม่กล้าสงสัยในตัวของเฉินผิงอีกต่อไป หลังจากกล่าวขอบคุณเขาแล้ว จึงเดินเข้าไปประคองซูเหวินจง น้ำตาแห่งความดีใจก็ไหลออกมา “พ่อคะ พ่อรู้สึกอย่างไรบ้างคะ” ซูอวี่ฉีเอ่ยถามขณะที่ประคองซูเหวินจง “ดีแล้ว พ่อไม่เป็นไรแล้ว!” ซูเหวินจงยิ้มเล็กน้อย แต่เขาก็ต้องเอ่ยถามด้วยความสงสัยเมื่อเขาเห็นซุนซ่งคุกเข่าอยู่ที่พื้น “เกิดอะไรขึ้น?” ซูอวี่ฉีจำต้องเล่าให้เขาฟังถึงเรื่องที่เฉินผิงช่วยเขาด้วยการใช้วิชาฝังเข็มเก้าปราณปลุกชีพ เขารู้สึกประหลาดใจไม่น้อยหลังจากได้รับฟังจนจบ เขารู้สึกว่าการที่เฉินผิงสามารถมองเห็นความเจ็บป่วยในร่างกายของเขาได้ ก็น่าจะมีความสามารถพอตัว แต่เขาไม่คาดคิดเลยว่าเฉินผิงจะร้ายกาจถึงเพียงนี้ แม้แต่ซุนซ่ง รองประธานสมาคมแพทย์แผนจีนยังต้องคุกเข่าร้องขอให้เขารับเป็นศิษย์! “น้องชาย นี่เป็นครั้งที่สองที่คุณช่วยชีวิตผมไว้ นับจากนี้เป็นต้นไป คุณคือผู้มีพระคุณของตระกูลซูของผม ขอเพียงคุณเอ่ยปาก หากผมทำได้ ผมยินดีทำให้ทุกอย่างครับ” ซูเหวินจงพูดด้วยใบหน้าที่เปี่ยมล้นไปด้วยความตื้นตัน “ประธานซูเกรงใจไปแล้ว เรื่องเล็กน้อยเท่านั้น นอกจากนี้ คุณเองก็ทำความดีมาเนิ่นนาน นี่ก็เป็นอานิสงส์จากผลบุญของคุณเอง!” เฉินผิงพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย แต่ทว่า หัวข้อการสนทนาต่อจากนี้ก็เปลี่ยนไป “ถึงแม้ผมจะใช้วิชาเก้าปราณปลุกชีพช่วยคุณเอาไว้ แต่ก็เพียงชั่วคราวเท่านั้น หากคุณไม่รักษาโรค คุณจะมีชีวิตได้อีกไม่เกินสามเดือนเท่านั้น!” เมื่อได้ยินเฉินผิงพูดเช่นนี้ ซูเหวินจงคุกเข่าลงตรงหน้าเฉินผิงทันที “คุณครับ ได้โปรดช่วยชีวิตผมด้วย ผมยินดีแลกด้วยทรัพย์สินทั้งหมดของผม!” ความหวาดกลัวของซูเหวินจง ทำให้สรรพนามที่เรียกเฉินผิงเปลี่ยนไป จาก ‘น้องชาย’กลายเป็น ‘คุณ’ เขากลัวจริงๆ ว่าเฉินผิงจะไม่ช่วยเขา เขายินดีมอบทรัพย์สินทั้งหมดของตระกูลให้เฉินผิงเพื่อแลกกับชีวิต ในฐานะเศรษฐีอันดับต้นๆ ของหงเฉิง ทรัพย์สินของซูเหวินจงนั้นมากมายเลยทีเดียว และบัดนี้จะยกให้เฉินผิงทั้งหมด ใครเห็นก็ต้องอิจฉา “ประธานซูไม่จำเป็นต้องทำขนาดนี้ครับ ในเมื่อผมได้พบคุณ ผมย่อมช่วยเหลือคุณครับ เพียงแต่ตัวยาที่ผมต้องการบางอย่างเป็นของหายาก ดังนั้น ผมจำเป็นต้องให้คุณช่วยจัดเตรียมวัตถุดิบให้พร้อม!” เฉินผิงไม่มีเงินซื้อยาให้ซูเหวินจง อีกทั้งตัวยาบางตัวที่เขาต้องการมีราคาแพงหูฉี่ คนธรรมดาทั่วไปไม่สามารถหาให้ครบได้! “คุณครับ หากต้องการอะไร คุณบอกผมได้เลย!” ซูเหวินจงพยักหน้าอย่างรวดเร็ว แล้วหันไปพูดกับซูอวี่ฉี “อวี่ฉี เตรียมปากกากระดาษมาจดเอาไว้!” เฉินผิงรู้สึกอึดอัดที่จู่ๆ ซูเหวินจงเปลี่ยนมาเรียกตนเองว่า ‘คุณ’ เขาจึงพูดไปว่า “ประธานซูครับ ผมชื่อเฉินผิง คุณเรียกชื่อผมก็พอแล้ว” “อย่างนั้นจะได้อย่างไรกันครับ คุณเฉินเป็นผู้มีบุญคุณกับผม ตระกูลซูของผมจะจดจำไว้ไม่มีวันลืมเลือน!” เมื่อเห็นว่าซูเหวินจงยังคงยืนกราน เฉินผิงเองก็ไม่ได้ยื้ออีกต่อไป เขาเขียนใบสั่งยาเต็มหน้ากระดาษและมอบให้ซูอวี่ฉี! “ประธานซูครับ ตัวยาส่วนใหญ่ด้านบนเป็นสิ่งที่คุณจำเป็นต้องใช้ครับ แต่ส่วนเล็กๆ ด้านล่างนั้นสำหรับแม่ของผมครับ ตาทั้งสองข้างของท่านบอด ผมต้องการวัตถุดิบบางอย่างไปเพื่อรักษาให้ท่านครับ!” เฉินผิงพูดกับซูเหวินจงอย่างตรงไปตรงมา ถังหงอิง มารดาของเฉินผิงป่วยเป็นโรคทางตา เธอสูญเสียการมองเห็นเนื่องจากการร้องไห้ที่มากเกินไป การรักษาให้หายนั้นไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเฉินผิง! แต่ด้วยศักยภาพของเขาในเวลานี้ ถือว่าค่อนข้างยากที่จะจัดหาตัวยาในการรักษา เขาจึงขอให้ตระกูลซูช่วยจัดหาให้เขาด้วยเลย แต่ทว่า มีของสองสิ่งที่เฉินผิงกังวลว่าตระกูลซูจะไม่สามารถจัดหาได้ หนึ่งในนั้นคือพู่กันที่มีจิตวิญญาณแน่วแน่ อย่างเช่นพู่กันที่อัครศิลปินใช้มาช้านาน นั่นจึงจะมีจิตวิญญาณ หรือจะเป็นพู่กันที่ทำจากขนของสัตว์ที่มีจิตวิญญาณก็ได้ พู่กันที่มีจิตวิญญาณเหล่านี้นับเป็นเพียงของชิ้นแรก! เฉินผิงยังจำเป็นต้องใช้ชาดแดง แม้ปัจจุบันนี้ชาดแดงสามารถหาได้ทั่วไป แต่ที่เฉินผิงจำเป็นต้องใช้นั้น จะต้องเป็นชาดแดงที่ทำมาจากไม้จันทน์แดงหรือไม้จันทน์หอมที่มีอายุมากกว่าร้อยปีขึ้นไปเท่านั้น และเมื่อนำมารวมกับพู่กันที่มีจิตวิญญาณ แล้วแตะลงไปบนดวงตาของถังหงอิง เพียงไม่กี่ครั้ง ก็จะสามารถกลับมามองเห็นได้ แม้ว่าเฉินผิงจะเขียนลงในใบสั่งยาด้วย แต่เขาก็ไม่ได้คาดหวังว่าตระกูลซูจะสามารถหาของสองสิ่งนี้ได้ หากไร้ซึ่งวาสนาแล้วก็คงยากจะพานพบ นอกจากนี้ยังต้องเป็นผู้ที่ความเข้าใจเท่านั้นจึงจะสามารถแยกแยะได้!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ประกาศิตราชามังกร
เมื่อไหร่จะต่อครับ...