ราชันบัลลังก์เลือด(原血神座) นิยาย บท 152

บทที่ 152 คำสารภาพ

มีเวลาอีกสองเดือนกว่าที่การเรียนการสอนที่สถาบันมังกรซ่อนเร้นจะเริ่มต้นขึ้น

ระยะเวลาสองเดือนนี้คือเวลาที่ศิษย์สถาบันคนใหม่ใช้บอกลาครอบครัวตนเอง หลังจากนั้นพวกเขาจะเดินทางเข้ามาบำเพ็ญเพียรอยู่ภายในสถาบันมังกรซ่อนเร้นเป็นเวลานาน

เหล่าศิษย์ไม่ได้ศึกษาอยู่ในสถาบันมังกรซ่อนเร้นตามระยะเวลาที่กำหนด เพราะศิษย์ทั้งหลายจะอยู่ที่นั่นจนกว่าจะมีขั้นพลังถึงด่านกลั่นโลหิตเท่านั้น

ด่านกลั่นโลหิตนับเป็นขั้นพลังที่ใช้เพื่อจบการศึกษาจากสถาบัน เมื่อถึงจุดนี้ก็ไม่จำเป็นต้องเข้าศึกษาในสถานบันอีกต่อไป ศิษย์สถาบันส่วนมากใช้เวลาราว 10 ปีขึ้นไปในการก้าวขึ้นสู่ด่านกลั่นโลหิต แต่หากใช้เวลาน้อยกว่านั้นทางสถาบันก็ยังเปิดโอกาสให้พวกเขายังรั้งศึกษาอยู่ที่สถาบันได้

คนอื่น ๆ พยายามใช้ช่วงเวลานี้ไปกับครอบครัวตนเองให้มากที่สุด หากแต่ซูเฉินกลับไม่มีคนในครอบครัวที่สนิทสนมรักใคร่ให้ใช้เวลาร่วมกันเท่าใดนัก

เด็กหนุ่มไม่ไปพบซูเฉิงอัน ทั้งยังปฏิเสธการเข้าร่วมงานฉลองที่ตระกูลซูจัดขึ้นเพื่อเป็นเกียรติให้กับตน เขาเพียงเดินทางออกจากคฤหาสน์ตระกูลซูเพียงลำพังในคืนนั้น จากนั้นเดินเข้าไปยังภูเขาหลังคฤหาสน์ตระกูลซู

กู่ชิงลั่วนั่งรอเขาอยู่นานพอสมควรแล้ว

นางเบิกตากว้างมองเขา “ข้าอยากอาบน้ำเสียหน่อย คุณชายซูช่วยเฝ้าให้หน่อยได้หรือไม่ ?”

ซูเฉินหัวเราะเสียงแห้ง “เป็นความผิดข้าเอง ข้าควรบอกเจ้าตั้งแต่ก่อนหน้านี้”

กู่ชิงลั่วจ้องเขาตาไม่กะพริบ สีหน้าบูดบึ้งยิ่งนัก

นางไม่เอ่ยคำใดอยู่นาน จากนั้นถามขึ้นหนึ่งคำ “เมื่อใด ?”

ระหว่างทางที่ใช้เดินมา ซูเฉินตระเตรียมเรื่องราวสมบูรณ์แบบเอาไว้แล้ว ทั้งละเอียดและเต็มไปด้วยคำลวงมากมาย เป็นเรื่องที่ฟังอย่างไรก็ต้องสามารถหลอกกู่ชิงลั่วได้เป็นแน่

หากแต่ยามเขาจ้องเข้าไปในนัยน์ตาใสดั่งผลึกแก้วของนาง หัวใจกลับเต้นเร็วอย่างบ้าคลั่ง สุดท้ายก็โพล่งความจริงออกมา “ตอนสังหารหลินเซี่ย”

“เร็วขนาดนั้นเลยหรือ ?” กู่ชิงลั่วมองซูเฉินด้วยความตกตะลึง

หน้านางประหลาดใจยิ่งนัก หากแต่ไม่นานมันก็ค่อย ๆ แปรเปลี่ยนไปเป็นสีหน้าแฝงแววสังหาร

แย่ล่ะ ! ซูเฉินรู้ดีว่านางต้องโกรธเป็นแน่

หากแต่เขาไม่เสียใจ

เขาจ้องกู่ชิงลั่วที่โกรธเกรี้ยวแล้วเอ่ยขึ้น “ข้ารู้ว่าเรื่องนี้เป็นความผิดข้า ข้าน่าจะบอกเจ้าตั้งแต่แรก ข้าควรอธิบายเรื่องราวให้เจ้าฟัง ชิงลั่ว แต่เวลาข้าเห็นเจ้า เหตุผลต่าง ๆ ในหัวข้ากลับพากันเลือนหายไปจนหมด…… ใช่แล้ว ข้าแอบมองเจ้า ข้าเห็นเรือนร่างของเจ้าทั้งหมด วันนั้นไม่ใช่เพราะเจ้าเคลื่อนไหวรวดเร็วเกินกว่าข้าจะเอ่ยปากบอก ไม่ใช่เพราะข้าเกรงว่าเจ้าจะโกรธ แต่เป็นเพราะข้าเพียงอยากเห็น…… ข้าอยากเห็นเจ้า !”

กู่ชิงลั่วมองเขาสีหน้าตกตะลึง

ซูเฉินเอ่ยต่อ “ใช่แล้ว ถูกต้อง ข้าต้องการมองภาพเจ้า ! ต้องการเห็นทุกอย่างบนร่างเจ้า อยากเห็นรอยยิ้มดั่งบัวบานยามเจ้าล่องลอยไปกับสายน้ำ อยากเห็นท่าทางผ่อนคลายยามได้เล่นน้ำของเจ้าโดยไม่ต้องระวังสิ่งใด อยากเห็นผิวขาวดั่งหิมะของเจ้า เห็นเงาร่างงดงามของเจ้า……”

พูดไปเขาก็ค่อย ๆ เข้ามาใกล้นาง “ตอนนั้นข้าหวาดกลัวนัก ชิงลั่ว กลัวว่าช่วงเวลาที่สวยงามที่สุดเหล่านั้นจะหายไป มันเป็นช่วงเวลาที่พิเศษมาก ข้าไม่อยากให้คำพูดข้าทำลายมันลง ไม่เช่นนั้นข้าขอกลับไปใช้ชีวิตอยู่ในความมืดมิดยังดีเสียกว่า”

กู่ชิงลั่วไม่เอ่ยคำใด

ซูเฉินยืนอยู่ตรงหน้า ยกมือขึ้นแตะใบหน้านาง ลูบไล้แผ่วเบาก่อนเอ่ยน้ำเสียงอ่อนโยน “ครั้งแรกที่ข้าเห็นแสงข้าก็อยู่กับเจ้า ตอนที่ข้ากลับมามองเห็นก็เป็นเพราะข้าต้องการมองเห็นเจ้า สิ่งแรกที่ข้าได้เห็นคือเรือนร่างที่งามที่สุดในใต้หล้า อย่างไรก็ยังมีความยุติธรรมหลงเหลืออยู่บ้าง ทำให้ข้าตาบอดอยู่ในความมืดมายาวนานเช่นนั้น แต่ก็ยังมอบรางวัลยิ่งใหญ่ที่สุดให้ข้า นั่นคือการที่ข้าได้เห็นเจ้า หากยอมตาบอดสามปีแล้วได้เห็นเจ้าเล่นน้ำเช่นนั้น ข้ายอมแลกเวลาสามสิบปีอยู่ในความมืดมิดกับอ้อมกอดแผ่วเบาจากเจ้าเพียงสักครั้ง”

เขารั้งร่างกู่ชิงลั่วเข้าสู่อ้อมกอด กดร่างอ่อนนุ่มกับอกตนอย่างแผ่วเบา

กู่ชิงลั่วตกตะลึงไปโดยสมบูรณ์

นางพิงกายกับอกซูเฉิน หัวใจเต้นแรง การมองเห็นพร่ามัวไปหมด

อ๊าก !!!

เกิดอะไรขึ้นกันแน่ ?

เหตุใดข้าจึงรู้สึกมึนงงเช่นนี้ ? เหตุใดใจข้าจึงเต้นเร็วเช่นนี้ ?

เหตุใดข้าจึงไม่อาจเอ่ยคำใดออกมาได้ ?

เกิดอะไรขึ้นกันแน่ ?

นางรู้สึกสับสนและชาไปทั่วร่าง สมองแล่นเร็วจี๋หากแต่ก็ยังไม่เข้าใจสถานการณ์

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันบัลลังก์เลือด(原血神座)