ร้านอสูรดวงดาว (Astral Pet Store) ร้านขายอสูรดวงดาว นิยาย บท 1039

ชายชราส่ายหัวเบาๆ และเงียบ
  ผู้ชมเห็นความมุ่งมั่นของโม่เฟิงที่จะฆ่า พวกเขาสงสัยว่ามนุษย์คนนั้นไปทำอะไรให้อัจฉริยะอย่างโม่เฟิงโกรธแค้น
  “เจ้าเก่งมาก น่าเสียดายที่เจ้าแสดงความสามารถเร็วเกินไป นี่คือสถาบันวิถีสวรรค์ แม้แต่ผู้สนับสนุนของเจ้าก็ไม่สามารถปกป้องเจ้าได้ที่นี่!” โม่เฟิงพูดกับซูผิงผ่านทางกระแสจิตด้วยสายตาโหดร้าย การไม่ให้โอกาสเขาได้เติบโตนั้นน่าตื่นเต้นอย่างสุดจะพรรณนาเพื่อตัดอนาคตของอัจฉริยะที่ยิ่งใหญ่ เขาไม่เคยมีโอกาสได้เพลิดเพลินกับประสบการณ์แบบนี้มาก่อน
  “เจ้าไม่ควรมาที่สถาบันวิถีสวรรค์ เจ้าอยากจะพัฒนาที่นี่ แต่เจ้ามาเจอข้าซะก่อน!” ใบหน้าของโม่เฟิงมีรอยยิ้มเย็นชา เขาจะไม่มีวันให้โอกาสซูผิงเติบโต ไม่เช่นนั้นซูผิงจะสร้างปัญหาให้เขาอย่างแน่นอนเพราะความคับข้องใจระหว่างพวกเขา นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาต้องฆ่าซูผิงให้ได้
  ซูผิงตระหนักถึงแรงจูงใจของโม่เฟิง เขาพูดอย่างเฉยเมยราวกับพระเจ้าที่จุติลงมายังโลก “เรื่องไร้สาระทั้งหมดนี้เกี่ยวอะไร? เจ้ากลัวหรอ? มาเถอะ กฎ โลก พลัง ข้าจะบดขยี้เจ้าในทุก ๆ ด้าน!”
  ”สามหาว!” โม่เฟิงพูดด้วยความรังเกียจ เขารู้ว่าซูผิงจะต้องมีผู้สนับสนุนเพราะเขากล้าที่จะรับคำท้า อย่างไรก็ตามเขาจะทำให้ซูผิงรู้ว่าผู้สนับสนุนไร้ประโยชน์ต่อหน้าพลังที่แท้จริง
  “ทำไมพวกเขาไม่เริ่มต่อสู้กันล่ะ? มนุษย์นั้นเป็นเพียงเทพสวรรค์ ข้าคิดว่าเขาจะถูกฆ่าด้วยการตบเพียงครั้งเดียว”
  “เจ้าชายตระกูลสายฝนต้องการทรมานเขาก่อนที่จะฆ่าเขาหรือเปล่า? เขาต้องทำอะไรบางอย่างแน่”
  ผู้ชมทั้งหมดรู้สึกทึ่งและสงสัยว่ามนุษย์ที่เป็นเทพสวรรค์ไปทำให้เจ้าชายผู้ยิ่งใหญ่ของตระกูลสายฝนไม่พอใจได้ยังไง มันเป็นการต่อสู้ของประชาชนกับจักรพรรดิ ช่องว่างระหว่างพวกเขานั้นใหญ่มากจนแทบจะไม่มีให้พบเห็นในสภาวะปกติ
  “ข้าให้โอกาสเจ้า ในเมื่อเจ้ากลัวเกินกว่าจะโจมตี ข้าจะโจมตีก่อน!”
  ซูผิงตระหนักถึงแผนของโม่เฟิง ผู้ชายคนนั้นมีความมั่นใจแต่ก็รอบคอบมาก บางทีอาจเป็นเพราะสภาพแวดล้อมที่โหดร้ายที่เขาเติบโตขึ้นมา เขาไม่สามารถเป็นเจ้าชายได้เพียงเพราะความสามารถ เจ้าหญิงแห่งตระกูลสายฝนที่พบกับจุดจบก่อนวัยอันควรเป็นตัวอย่างที่ดี
  หลังจากพูดแบบนั้น ซูผิงก็เหวี่ยงหมัดที่บรรจุกฎนับไม่ถ้วนไปข้างหน้า เจตนาฆ่าพุ่งออกมาจากดวงตาของเขา!
  บูม! หมัดนั้นน่ากลัวมากจนดูเหมือนกำลังจะทำลายม่านพลังที่ปกคลุมโม่เฟิง!
  ผู้ชมหยุดกระซิบกันหลังจากเห็นหมัดนั่น ทุกคนตกตะลึง ไม่คิดว่าเทพสวรรค์จะปลดปล่อยพลังนั้นได้
  กฎนั้นทรงพลังราวกับพลังของมังกร ผู้คนจำนวนมากประเมินได้ว่าพวกเขาไม่สามารถต้านทานการโจมตีนั้นได้
  โม่เฟิงหรี่ตาลง เขาเคยเห็นความแข็งแกร่งของซูผิงมาก่อน และไม่แปลกใจเลย เขาค่อย ๆ ยกมือขึ้นด้านหลังและแผ่แสงสีทอง เหมือนกับดวงอาทิตย์ที่ปล่อยแสงอันน่าสะพรึงกลัว จากนั้นเขาก็ยื่นมือออกไป ปล่อยหมัดสีทองขนาดมหึมาที่กำลังจะสลายรัศมีหมัดของซูผิง!
  เกิดเสียงระเบิดและลานประลองก็สั่นสะเทือนอย่างรุนแรง หมัดทองคำแตก และหมัดอันน่าทึ่งของซูผิงก็พังทลายลงเช่นกัน
  “ตายซะ!”
  โม่เฟิงไม่ต้องการให้โอกาสซูผิง ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจที่จะปราบปรามเขาด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว หมัดทองคำที่แตกร้าวแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ กลายเป็นพลังงานบริสุทธิ์ แปรเปลี่ยนเป็นหอกสีทองที่พุ่งเข้าหาซูผิงอย่างรวดเร็ว!
  รัศมีที่น่าสะพรึงกลัวของหอกได้พัดผมของซูผิงปลิวก่อนที่หอกจะมาถึง อย่างไรก็ตามดวงตาของเขาเป็นประกายราวกับดวงดาวที่เย็นยะเยือก เขาเอื้อมมือไปจับหอกอย่างน่าตกตะลึง
  “อย่างที่ข้าพูด ข้าจะบดขยี้เจ้าในทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นพลังหรือกฎ เจ้าจะต้องตายเพราะรู้ตัวว่าเจ้าไม่สามารถชนะได้!” คำประกาศของซูผิงก้องไปทั่วทั้งสนาม สร้างความตกตะลึงให้กับทุกคนที่อยู่ ณ ที่แห่งนั้น มนุษย์คนนี้เสียสติไปแล้วหรอ?
  อย่างไรก็ตาม ในเวลาต่อมา ซูผิงคว้าปลายหอกที่ไม่มีใครหยุดยั้งได้ แล้วหมุนตัวเหวี่ยงหอกกลับทันที!
  โม่เฟิงหรี่ตาลง เขาเปลี่ยนหอกให้เป็นพลังงานเมื่อมันเข้ามาใกล้ และกลายเป็นหมอกสีทองที่ไม่เป็นอันตราย อย่างไรก็ตาม ลมที่เกิดจากหอกทำให้เส้นผมของเขายุ่งเหยิง ทำให้เขาเสียความสง่า
  “เจ้ากำลังรนหาที่ตาย!”
  ดวงตาของโม่เฟิงน่ากลัวมาก เนื่องจากซูผิงแข็งแกร่งขึ้นจริงๆ เขาจะสามารถฉีกซูผิงเป็นชิ้นๆได้อย่างง่ายดายในอาณาเขตของตระกูลสายฝนในตอนนั้น แต่ตอนนี้ดูเหมือนเขาจะแข็งแกร่งขึ้นมาก เกือบจะเทียบเท่ากับเจ้าชายคนอื่นๆ นั่นคือเหตุผลที่เขาระมัดระวัง
  เขาหายใจเข้าลึกและหยุดคิด ดวงตาของเขาเย็นชามาก ไม่มีความโกรธอีกต่อไป มีแต่ความเฉยเมย เขาประกบมือแล้วหงายฝ่ามือออก เรียกกฎที่สมบูรณ์!
  “หยุด!”โม่เฟิงกล่าวด้วยเสียงต่ำ
  กฎแห่งมิติเวลาปกคลุมสนามรบในขณะที่เขาพยายามปราบปรามและฆ่าซูผิงเหมือนที่เขาเคยทำในอดีต อย่างไรก็ตามคลื่นพลังถูกผลักออกไปทันทีเมื่อพวกมันเข้าใกล้ซูผิง เนื่องจากมีรัศมีแห่งมิติเวลาที่ทรงพลังเท่าเทียมกันเล็ดลอดออกมาจากเขา!
  โม่เฟิงดูอึมครึมยิ่งกว่าเดิม
  พวกเขาเพิ่งมีปัญหากันมาได้ไม่นาน อาณาจักรของซูผิงยังเหมือนเดิม แต่เขาแข็งแกร่งกว่าเมื่อก่อนมาก
  เขายกมือขึ้นอีกครั้งและกำมันแน่น ราวกับพระเจ้ากำลังจะพิพากษามนุษย์ที่พระองค์ปกครอง“กำจัด!”
  กฎแห่งการทำลายล้างอันน่าสะพรึงกลัวกวาดใส่ซูผิง มันยังถูกทำให้สมบูรณ์อีกด้วย
  อย่างไรก็ตาม กระแสพลังพุ่งออกมาจากร่างกายของซูผิงเช่นกัน มันคำรามเหมือนมังกร ชนกับกระแสกฎที่เขาเรียก คลื่นทำลายล้างที่เกิดขึ้นนั้นสามารถสัมผัสได้แม้จากโลกภายนอก ผู้ชมทั้งหมดตกตะลึง
  “ทั้งสองคนทำให้กฎเหล่านั้นสมบูรณ์ มนุษย์คนนั้นเป็นใคร?”
  การพัฒนาดังกล่าวน่าประหลาดใจอย่างแท้จริง แต่มันไม่ใช่เพราะความสามารถของโม่เฟิง ท้ายที่สุดเขาเป็นเจ้าชายของตระกูลสายฝน อย่างไรก็ตามเป็นประวัติการณ์ที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนที่ซูผิงเชี่ยวชาญกฏถึงระดับนั้น ในขณะที่ยังเป็นเพียงแค่เทพสวรรค์
  โม่เฟิงกลายเป็นตอนนี้ดูน่ากลัวยิ่งกว่าเดิม เขาเกลียดซูผิงมากยิ่งขึ้น เขารู้สึกโชคดีจริง ๆ ที่เขาบังคับให้ซูผิงยอมรับการต่อสู้ครั้งนี้ได้ ไม่อย่างนั้นซูผิงจะกลายเป็นศัตรูตัวฉกาจของเขาอย่างแน่นอน!
  เวลาผ่านไปนานแค่ไหนแล้วตั้งแต่ซูผิงไปที่ตระกูลสายฝน?
  เขาเปลี่ยนจากมดที่อ่อนแอตอนนั้น กลายเป็นคนที่สามารถสู้กลับได้ในตอนนี้!
  “จงเน่าสลายไปซะ!”
  โม่เฟิงยื่นมือของเขาออกไปด้วยความเย็นชา เขาใช้กฎที่สมบูรณ์ทั้งหมดของเขาโดยไม่ลังเลอีกต่อไป นอกจากเวลาและการทำลายล้างแล้ว กฎโกลาหลและชีวิตก็ยังปรากฏให้เห็นอีกด้วย ความโกลาหลเกือบจะสมบูรณ์แบบแล้ว ในขณะที่กฎแห่งชีวิตได้รับการหลอมรวมอย่างเต็มที่!
  เขาใกล้ถึงขีดจำกัดแล้ว!
  หากซูผิงปรากฏตัวในอีกสองสามปีต่อมา เขาคงไปถึงขีดจำกัดและเข้าใจเทคนิคการทวีคูณโลกของสถาบันวิถีสวรรค์แล้วในตอนนั้น
  โม่เฟิงยกมือขึ้นและกฎนับไม่ถ้วนก็กลายเป็นพายุ เผยให้เห็นมุมมองที่น่ากลัวรอบ ๆ ซูผิง ฉากนี้ทำให้ผู้ชมหลายคนอยู่ไม่นิ่ง เจ้าชายคนนั้นช่างน่ากลัว เขาเกือบจะเชี่ยวชาญกฎสูงสุดทั้งสี่ข้อแล้ว และสามารถเอาชนะใครก็ได้ในอาณาจักรของเขา หากพวกเขาไม่ได้ย่อโลกใบที่สองไว้!
  “เจ้าชายของตระกูลระดับสูงแข็งแกร่งขนาดนั้นเลยหรอ?” ใครบางคนพึมพำด้วยความตกใจ
  “เขาเป็นเจ้าชายที่ไร้เทียมทานจริงๆ เป็นความจริงที่ทายาทของตระกูลใหญ่แข็งแกร่งมาก…” เจ้าชายของตระกูลระดับกลางดูหวาดกลัว เขารู้สึกโชคดีที่มาที่นี่ เพราะมันเป็นตัวอย่างที่ดีที่จะได้เห็นความน่ากลัวของลูกหลานตระกูลใหญ่
  ทันใดนั้น—ในขณะที่ทุกคนยังคงตกตะลึงเนื่องจากความแข็งแกร่งของโม่เฟิง ดวงตาก็จับจ้องไปยังจุดกึ่งกลางในพายุแห่งกฎ—พลังงานคลุ้มคลั่งโผล่ออกมาและผลักพายุออกไปราวกับมือที่มองไม่เห็น!
  มุมมองพายุที่น่าสะพรึงกลัวกระจายออกไป และซูผิงก็ปรากฏให้เห็นอีกครั้ง ผมสีดำของเขาปลิวไสวตามสายลม ดวงตาของเขาดูเย็นชา พลังแห่งกฎจางๆปรากฏขึ้นบนร่างกายของเขาด้วยความร้อนที่ผิดปกติ เหมือนกับมังกรที่มีหางติดอยู่กับร่างของซูผิง มังกรคำรามอย่างเกรี้ยวกราด ปล่อยคลื่นที่น่าสะพรึงกลัว
  ”โอ้พระเจ้า!”
  ”นั่นอะไร?”
  ดวงตาของทุกคนเกือบจะถลนออกมา มันเป็นภาพที่น่าอัศจรรย์
  กฎสูงสุดทั้งสี่? และเขาเชี่ยวชาญทั้งหมดอย่างเต็มที่?
  ใบหน้าของโม่เฟิงเปลี่ยนไปเล็กน้อย เขาได้เห็นความแข็งแกร่งของซูผิงเมื่อไม่นานมานี้ ทว่าหลังจากช่วงเวลาแค่สั้น ๆ ชายคนนี้กลับเข้าใจกฎสูงสุดทั้งสี่อย่างครบถ้วนแล้วเนี่ยนะ?
  ไม่น่าแปลกใจที่ซูผิงกล้าประกาศว่าเขาจะบดขยี้คู่ต่อสู้ของเขาด้วยของกฎ เขาถึงจุดสูงสุดแล้ว!
  “ไม่ว่าเจ้าจะมีความสามารถแค่ไหน เจ้าก็แค่เทพสวรรค์!”โม่เฟิงรีบลงมืออย่างรวดเร็ว แม้ว่าเจ้าชายคนอื่น ๆ ของตระกูลสายฝนกำลังเฝ้าดูอยู่ แต่เขาไม่สามารถซ่อนไพ่ตายของเขาได้อีกต่อไป ตราบใดที่เขาได้รับการยอมรับจากสถาบันวิถีสวรรค์ เขาจะบ่มเพาะที่นั่นเป็นเวลาหลายปีก่อนที่จะปรากฏตัวต่อหน้าสาธารณชนอีกครั้ง ไพ่ตายของเขาจะใช้ไม่ได้ผลแล้วในตอนนั้น
  พลังอันน่าสะพรึงกลัวปรากฏขึ้น เงาที่งดงามค่อยๆ โผล่ออกมาจากความว่างเปล่าด้านหลังโม่เฟิง มันเป็นเงาของเทพโบราณของตระกูลสายฝน!
  โลกที่เจิดจรัสและงดงามปรากฏขึ้นภายใต้เงาของเทพโบราณ นั่นคือโลกใบเล็กของโม่เฟิง!
  มันเกือบจะสมบูรณ์แบบแล้ว และรวมเป็นหนึ่งโดยยอดฝีมือจากตระกูลของเขา มันมีพลังพิเศษ!
  ”ไปลงนรกซะ!”
  โลกใบเล็กของเขากวาดออกไปและพุ่งเข้าใส่ซูผิง เนื่องจากเขาไม่สามารถฆ่าซูผิงด้วยแค่กฎของเขาได้ เขาก็จะบดขยี้คู่ต่อสู้ด้วยความได้เปรียบในระดับของเขา!
  ทันใดนั้น คนที่เพิ่งวิ่งมาที่ม่านพลังก็ร้องอุทานว่า “เจ้านาย!”
  ซูผิงมองด้วยหางตาและพบว่าเป็นโจแอนนา ไกลออกไป ผู้คนจำนวนมากขึ้นรวมตัวกันอยู่ที่ลานประลอง
  “แอนนา มาได้เวลาดี!”
  แสงระยิบระยับออกมาจากดวงตาของซูผิง ทันใดนั้นเขาก็ส่งยิ้มสดใสและประกาศอย่างมั่นใจ “ดูไว้ ต่อให้เจ้ามาจากตระกูลระดับสูง ข้าก็ฆ่าเจ้าได้อยู่ดี!
  “เผ่าพันธุ์และสายเลือดไม่ได้อยู่เหนือความแข็งแกร่งที่แท้จริง!”
  ซูผิงคำราม โลกใบเล็กของเขาปรากฏอยู่ข้างหลังเขา มันเป็นโลกแห่งความมืด ความรกร้าง ความตาย และความสยดสยอง กระดูกนับไม่ถ้วนและมหาสมุทรเลือดล้วนอยู่ในนั่น!
  ต่างจากโลกเบื้องหลังของโม่เฟิงที่สว่างไสวราวกับดวงอาทิตย์ โลกของซูผิงนั้นเหมือนขุมนรก
  กลิ่นอายของซูผิงและแสงในดวงตาของเขานั้นเหมือนเทพแห่งความตาย โลกของเขารกร้าง แต่หัวใจของเขายังเจิดจ้ายิ่งกว่าจักรวาลซะอีก!
  โจแอนนาตกตะลึง นึกถึงสิ่งที่ซูผิงเคยบอกเธอในอาณาเขตของตระกูลสายฝน ตระกูลระดับสูงไม่สมควรได้รับความเคารพ!
  ชายหนุ่มคนนั้นไม่เคยคิดถึงเรื่องยศศักดิ์!
  “เจ้าดูถูกตระกูลฝน ตายซะ!”
  โม่เฟิงโกรธจัด มนุษย์ที่ดูถูกตระกูลระดับสูงของเขาก็เหมือนขอทานที่ดูถูกจักรพรรดิ พลังเทพหลั่งไหลเข้ามาในร่างของเขา ทำให้โลกใบเล็กของเขาสดใสยิ่งขึ้น เจ้าชายไม่กลัวแม้จะรู้แล้วว่าซูผิงเข้าใจกฎสูงสุดทั้งสี่อย่างสมบูรณ์!
  ความมั่นใจของเขาเกิดจากโลกใบเล็กของเขา เสริมด้วยเงาของเทพโบราณและรวมเข้าด้วยกันโดยยอดฝีมือในตระกูลของเขา มันไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน!
  ”ตาย!!”
  ซูผิงก้าวออกไปพร้อมกับรัศมีน่าสะพรึงกลัวที่พุ่งออกมาจากดวงตาของเขา เขากำลังจะคว้าโอกาสนี้บดขยี้คู่ต่อสู้ของเขาด้วยพลังที่ไร้เทียมทาน ทำลายความกลัวที่ทำให้โจแอนนากลัวจนควบคุมตัวเองไม่ได้!
  โลกใบที่สองของเขาถูกอัญเชิญ!
  ซูผิงผลักด้วยมือทั้งสอง โลกใบเล็กที่อยู่ข้างหลังเขาขยายใหญ่และพุ่งไปข้างหน้าเหมือนหินโม่ ชนกับโลกของโม่เฟิง ทั้งสองกำลังต่อสู้ด้วยโลกใบเล็กของพวกเขา
  โม่เฟิงรู้ว่าเขาแทบจะไม่สามารถฆ่าซูผิงได้ เพราะเขามาถึงจุดสูงสุดโดยใช้ไพ่ตายของเขา ในทางกลับกันซูผิงพยายามที่จะบดขยี้เขาและทำลายความภาคภูมิใจของเขาในฐานะเทพ!
  ”บ้า! พวกเขาบ้าไปแล้ว!”
  “เสียสติไปแล้วทั้งคู่!”
  ทุกคนอุทานด้วยความตกใจ นักรบทั้งสองได้แสดงความแข็งแกร่งเป็นพิเศษของพวกเขา โดยเฉพาะซูผิง เขาน่ากลัวมาก!
  …

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ร้านอสูรดวงดาว (Astral Pet Store) ร้านขายอสูรดวงดาว