ตอนที่ 114 ฉันต่างหากที่เป็นตัวเด่น (1)
สนามประลอง
ผู้ชมด้านล่างเวทีขมวดคิ้วอย่างตกใจ ฟางผิงหลับตาอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะลืมตาเอ่ยว่า “ต่อกันเลย!”
โจวเหยียนแววตาเปลี่ยนเล็กน้อย “นายจะไม่พักสักหน่อยเหรอ?”
“จองตั๋วรถไว้แล้ว!”
ฟางผิงพูดแบบนี้ โจวเหยียนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นคนกลางตัดสินจึงไม่เกลี้ยกล่อมอะไรอีก หันไปมองสองคนข้างเวที “พวกนายอยากจะประลองอยู่หรือเปล่า?”
สองคนด้านล่างเวทีไม่ได้มีความมั่นใจเหมือนตอนแรกแล้ว!
ตอนที่หมอและคนของสมาคมยกร่างจางกั๋วเวยผ่านพวกเขาไป แววตาของทั้งสองก็มืดหม่นอยู่บ้าง
ผ่านไปพักหนึ่ง คนหนึ่งในนั้นถอนหายใจเอ่ยว่า “ฉันยอมแพ้ นับจากนี้ต่อไปฉันจะฝึกวิชาอย่างเงียบๆ ขั้นหนึ่งก็ดี ขั้นสองก็ช่าง เส้นทางผู้ฝึกยุทธ์…”
“บางที…อาจไม่เหมาะกับฉัน…”
คำพูดด้านหลังแผ่วเบาจนแทบไม่ได้ยิน
เขากลัวและขยาดแล้ว!
เป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่งเหมือนกัน เขาอยู่ขั้นหนึ่งตอนปลาย ฟางผิงเพิ่งก้าวสู่ขั้นหนึ่ง
แต่หลังจากฟางผิงฆ่าผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่งตอนปลายไปสองคนติดต่อกัน เขาไม่กล้าจะขึ้นเวทีอีกแล้ว
พูดจบ คนผู้นี้ก็หมุนตัวเดินไปทันที
พอเขาจากไป ล่างเวทีจึงเหลือคนสุดท้ายแค่คนเดียว
คนสุดท้ายไม่ใช่ผู้ชาย แต่เป็นหญิงสาวคนหนึ่ง
ตอนนี้หญิงสาวลังเลอยู่บ้าง หันไปมองหลิวหย่งเหวินแวบหนึ่ง ก่อนจะกัดฟันเตรียมก้าวขึ้นเวที
หลิวหย่งเหวินที่อยู่ด้านล่างพูดขึ้นโดยพลัน “ช่างเถอะ ยอมแพ้ซะ!”
“หย่งเหวิน!”
หญิงสาวไม่เต็มใจอยู่บ้าง กัดฟันว่า “ฉันทำได้!”
หลิวหย่งเหวินส่ายหัว มองไปทางฟางผิง “เธอยอมแพ้แล้ว”
“หย่งเหวิน…”
เห็นได้ชัดว่าหญิงสาวและหลิวหย่งเหวินมีความสัมพันธ์ที่ไม่ธรรมดา แววตานั้นไม่รู้ว่าปรากฏความโล่งใจหรือเสียดาย
เธอหันไปมองฟางผิง เอ่ยอย่างแค้นเคืองว่า “หากไม่ใช่ว่าวันนี้ใช้อาวุธไม่ได้…”
ฟางผิงเอ่ยอย่างเยือกเย็น “พูดพล่ามอะไรเยอะแยะ ถ้าจะสู้ก็ขึ้นเวที ดูสิว่าฉันจะฆ่าเธอได้หรือเปล่า!”
“นาย!”
“เธอถือว่าเป็นผู้ฝึกยุทธ์เหมือนกัน! บนเวทีประลองใครจะพูดไร้สาระกัน สู้ก็สู้ ไม่สู้ก็ยอมแพ้ หากไม่ยอม ขึ้นเวทีได้ ปราณฉันลดไปกว่าครึ่งแล้ว บางทีอาจฆ่าเธอไม่ตายหรอก!”
“ไอ้เลว…ฉัน…”
“พอได้แล้ว!”
หลิวหย่งเหวินตะโกนเสียงดัง จางกั๋วหรูขมวดคิ้วเหมือนกัน “ฉีเวย พอแล้ว ยอมแพ้ก็ลงมาเถอะ!”
ผู้ฝึกยุทธ์นั้นไม่ควรฝีมืออ่อนด้อยและพูดไม่คิด
คำพูดคุยโวสามารถฆ่าคนได้ ทั้งขึ้นอยู่กับพื้นฐานความสามารถเช่นกัน
ฉินเฟิ่งชิงสามารถคุยโวไปทั่ว เพราะคนทั่วไปฆ่าเขาไม่ได้ ส่วนคนที่ฆ่าเขาได้ ก็ไม่คิดจะฆ่าเขาเหมือนกัน
แต่คู่ต่อสู้ของฉีเวยคือฟางผิง เพิ่งเข้าสู่ขั้นหนึ่งไม่นาน ก็ฆ่าผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่งตอนปลายไปแล้วสองคน
หากฉีเวยพูดอวดตัวอีก คงปกปิดความจริงที่ว่าเธอยอมแพ้เพราะไม่กล้าสู้ได้อีกแล้ว
ฉีเวยเผยสีหน้ามืดครึ้ม ก้มหน้าเดินออกมาข้างนอก
เธอยังจะกล้าสู้งั้นเหรอ?
บางทีอาจจะกล้า!
ถ้าหลิวหย่งเหวินต้องการแบบนั้นจริงๆ เธออาจจะแบกรับการต่อสู้ไว้ แต่หลิวหย่งเหวินยอมแพ้แทนเธอไปแล้ว เธอจึงสลัดความคิดนั้นทิ้ง ตอนนี้ถ้าเธอขึ้นเวที มีโอกาสสูงที่จะถูกฆ่าตายอยู่แล้ว!
ผู้ท้าประลองทั้งสองจากไปแล้ว การแลกเปลี่ยนความรู้จึงถือเป็นอันสิ้นสุด
หลิวหย่งเหวินมองฟางผิงด้วยแววตาลึกล้ำ หยัดกายขึ้นว่า “ฝีมือสู้ไม่ได้ จะแพ้ก็ไม่ผิด แต่ตอนแรกน้องชายฉันเป็นอัจฉริยะเหมือนกับนายเช่นกัน ถูกฝากความหวังไว้ ครอบครัวนั้นคาดหวังเขามากกว่าฉันเสียอีก หวังให้เขาจบการศึกษาด้วยขั้นสี่ แต่ตอนนี้เขายังพักรักษาตัว แค่ขั้นหนึ่งตอนปลายยังรักษาไว้ไม่ได้ ปราณลดฮวบจนอยู่ระดับผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่งตอนต้นเท่านั้น อย่าพูดว่าเรียนจบด้วยขั้นสี่เลย แต่แค่ขั้นสองยังยาก ชั่วชีวิตนี้อาจหยุดที่ขั้นหนึ่งด้วยซ้ำ…”
หลิวหย่งเหวินเอ่ยเย้ยหยันตัวเอง “พูดเรื่องพวกนี้ไม่มีความหมายอะไรหรอก แค่อยากบอกนายว่าการแข่งขันของผู้ฝึกยุทธ์ไม่มีถูกผิด อาศัยแค่ฝีมือ! หวังจินหยางทำให้น้องฉันพิการได้ ฉันก็ให้คนสู้นายจนพิการได้เหมือนกัน! แน่นอนว่าต้องทำตามกฎอยู่แล้ว ฉันยินดีจะทำให้นายรับรู้ถึงสิ่งที่น้องชายของฉันประสบพบเจอ ตอนนี้พลังของนายเทียบเท่ากับขั้นหนึ่งตอนปลาย เรื่องวันนี้ช่างเถอะ รอนายอยู่ขั้นสามแล้ว…พวกเราค่อยว่ากันอีกที!”
สิ้นเสียงของเขา จู่ๆ ก็มีคนเดินเข้ามาในสนามประลอง เอ่ยเสียงดังก้อง “ไม่ต้องรอเขาถึงขั้นสามหรอก ฉันอยู่ขั้นสามเหมือนกัน หลิวหย่งเหวิน ฉันจะท้าประลองกับนาย!”
“พลั่ก…”

VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน