ตอนที่ 195 เพิ่งรู้ว่าฉันเก่งขนาดนี้ (2)
เขาคิดว่าตัวเองก้าวหน้าช้า ถังซงถิงกลับเอ่ยอย่างอึมครึมว่า “ฉันแค่เจ็ดสิบห้าชิ้นเท่านั้น”
เทียบกับฟู่ชางติ่งแล้ว ระยะห่างของเขาเยอะกว่า คิดจะทะลวงขั้นสองสูงสุด บางทีอาจต้องรอจบเทอมปีสอง
ความแตกต่างของการหลอมกระดูกครั้งเดียวและสองครั้ง จะค่อยๆ ปรากฏให้เห็นในตอนนี้ แม้ว่าทุกคนจะฝึกวิชาเหมือนกันก็ตาม
ได้ฟังพวกเขาทั้งสองคุยกัน จู่ๆ จ้าวเสวี่ยเหมยที่นั่งอยู่แถวหน้าก็เอ่ยขึ้นว่า “ฉันแค่เจ็ดสิบชิ้น”
ความแตกต่างนั้นเห็นได้อย่างชัดเจนขึ้นไปอีก
จ้าวเสวี่ยเหมยเป็นผู้ฝึกยุทธ์ตั้งแต่เปิดเทอมตอนปีหนึ่ง
ทั้งหลอมกระดูกซีกหนึ่งไปแล้ว เท่ากับว่าเวลาที่ผ่านมาเธอหลอมกระดูกได้แค่สี่สิบชิ้นเท่านั้น
เวลาเจ็ดเดือนหลอมสี่สิบชิ้น
คิดจะทะลวงขั้นสองสูงสุด อย่างน้อยต้องใช้เวลาประมาณหนึ่งปี
จบปีสองเข้าสู่ขั้นสองสูงสุด ปีสามทะลวงขั้นสาม นี่ถึงจะเป็นมาตรฐานของนักศึกษาที่ยอดเยี่ยมของเซี่ยงไฮ้
ในมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้สามารถเข้าสู่ขั้นสามตอนปีสามได้ถือว่ายอดเยี่ยมอย่างมาก
ส่วนพวกที่รองลงมาอย่างพวกจ้าวเสวี่ยเหมย ทะลวงขั้นสามก่อนจบการศึกษาได้ก็ถือว่ามีฝีมือเช่นกัน
พวกฟู่ชางติ่งที่หลอมกระดูกสองครั้ง มีโอกาสที่จะเข้าสู่ขั้นสี่ก่อนจบการศึกษา นี่นับว่าเป็นบุคคลอัจฉริยะอย่างแท้จริง
หากไม่มีฟางผิง ทุกคนคงจะรู้สึกว่าตัวเองพัฒนาอย่างพอดีแล้ว
ก่อนจบการศึกษาทะลวงขั้นสามขั้นสี่ ไม่มีใครรู้สึกว่าด้อยไปกว่ากัน
แต่ตอนนี้ทุกคนกลับรู้สึกว่าก้าวหน้าช้าเกินไป
ฟางผิงเห็นเธอเอ่ยอย่างเศร้าๆ ก็จนใจอยู่บ้าง “อย่าเทียบกับฉันสิ ฉันกับพวกนายไม่เหมือนกัน บ้านฉันจน ดังนั้นฉันเลยต้องเก่งกว่า…”
“เหอะ!”
ทุกคนพากันประชด ฟู่ชางติ่งก่นว่า “ถ้านายยังบอกว่าตัวเองจนอีก พวกเราจะรุมประชาทัณฑ์นาย!”
“จริงๆ…”
“อาจารย์มาแล้ว”
รอจนอาจารย์เข้าประตูมา ทุกคนจึงจบบทสนทนานี้
ฟางผิงจนใจอยู่บ้าง ฉันจนจริงๆ ทำไมไม่เชื่อฉันกัน
ฉันจนถึงได้พยายามกว่าคนอื่น พวกนายต้องทำความเข้าใจหน่อย
—
การสอนในคลาส ฟางผิงฟังจนง่วงเหงาหาวนอนอยู่บ้าง
แม้จะเป็นคลาสเรียนพื้นฐานของผู้ฝึกยุทธ์…กลับเป็นพื้นฐานอย่างแท้จริง
จนถึงตอนนี้แล้ว ยังอธิบายเรื่องฝึกจวงกงระดับยืนตั้งมั่น การหลอมกระดูกของขั้นหนึ่ง เคล็ดวิชาต่อสู้พื้นฐานเบื้องต้น…
ฟางผิงมักจะรู้สึกว่าตัวเองล้ำหน้าไปอยู่บ้าง ในคลาสเรียนนอกจากพวกเขาไม่กี่คน ที่เหลือล้วนเป็นพวกไก่อ่อนทั้งสิ้น ตอนนี้ยังกำลังพยายามที่จะเข้าสู่ขั้นหนึ่งสูงสุด
อย่าลืมว่าในโลกข้างนอกคนพวกนี้ต่างเป็นอัจฉริยะของแต่ละพื้นที่ ไม่ใช่อัจฉริยะจะเข้ามาอยู่ในมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ได้ยังไง
“ที่แท้ฉันเก่งถึงขนาดนี้”
ฟางผิงถอนหายใจ นี่คือไม่เหลือทางรอดให้คนอื่นชัดๆ ไม่น่าล่ะทุกคนถึงไม่ค่อยชอบฉัน เห็นได้ชัดว่าอิจฉา
ท่ามกลางความสะลึมสะลือคลาสเรียนก็สิ้นสุดลง
ช่วงบ่ายเป็นคลาสภูมิศาสตร์ ฟางผิงค่อยจะกระตือรือร้นขึ้นมา ตั้งใจเรียนอย่างจริงจัง ทำเอาทุกคนที่อยู่ด้านข้างพากันตกตะลึง
นอกจากเขาจะจดโน้ตสรุป ยังเป็นฝ่ายยกมือถามคำถามต่างๆ นานากับอาจารย์
ตลอดทั้งคลาส ฟางผิงถามอยู่คนเดียวกว่าครึ่งคลาส
ในมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ วิชาด้านสังคมศาสตร์จะไม่ค่อยถูกเห็นความสำคัญ อาจารย์ภูมิศาสตร์เป็นผู้ฝึกยุทธ์เช่นกัน แต่เป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสองตอนต้นเท่านั้น
ในเซี่ยงไฮ้ อาจารย์ขั้นสองตอนต้นก็เป็นอาจารย์สายสังคมได้แล้ว
ปกติทุกคนเข้าเรียนล้วนง่วงเหงาหาวนอน พอฟางผิงถามขึ้นมา อาจารย์ภูมิศาสตร์คนนี้ก็ดีใจ ทั้งสองคนพูดคุยกันอย่างออกรส แทบจะลืมไปว่ากำลังอยู่ในคลาสเรียน
—
“ความจริงการแยกแยะทิศทางก็ไม่ได้ยากอะไร”
จบคลาสเรียนภูมิศาสตร์ ฟางผิงคิดว่าได้รับความรู้กลับไปไม่น้อย
ไม่มีดวงอาทิตย์ไม่เป็นไร
ไม่มีดาวเหนือไม่เป็นไร
ใช้เข็มทิศไม่ได้ไม่เป็นอุปสรรค
“นึกไม่ถึงว่าการดูทิศทางการเจริญเติบโตของพืช ระดับความเขียวชอุ่ม และวงปีของต้นไม้จะสามารถแยกแยะทิศทางได้เหมือนกัน…”

VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน