ตอนที่ 224 บัญชีแค้นเก่ายากจะจัดการ (2)
ตอนนี้ฟางผิงไม่รู้ถึงความวุ่นวายของโลกภายนอก
การจัดอันดับขั้นสามล่าสุด เขาไม่ทันไปดูด้วยซ้ำ
ห้องแหล่งพลังงาน
ฟางผิงเจออาจารย์คนนั้นอีกครั้ง ซ่งอิ๋งจี๋
เห็นอาจารย์คนนั้น ฟางผิงนึกถึงบัญชีแค้นเก่าของตัวเองขึ้นมา อาจารย์คนนี้ติดหนี้คะแนนเขาอยู่ไม่น้อย
ซ่งอิ๋งจี๋เห็นฟางผิงก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย เอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ขั้นสามตอนกลางแล้ว?”
“ใกล้จะทะลวงตอนปลายแล้วครับ”
ฟางผิงยิ้มยิงฟันว่า “อาจารย์ ผมคิดว่าคุณควรจะลดราคาให้ผมสักหน่อย ผมเพิ่งจะปีหนึ่งเอง!”
ซ่งอิ๋งจี๋เอ่ยด้วยรอยยิ้มเช่นกัน “นักศึกษาฟาง มั่นใจดีนี่ อาจารย์มีข่าวดีจะบอกเธอเหมือนกัน สองวันก่อน อาจารย์ทะลวงขั้นหกแล้ว ปีนี้อาจารย์เพิ่งจะสี่สิบสอง ยังเหลือเวลาอีกเยอะเลย อย่าลืมตามฉันให้ทันเร็วๆ ล่ะ”
ฟางผิงใบหน้ากระตุก หัวเราะแห้งๆ “ยินดีกับอาจารย์ซ่งด้วยนะครับ”
ซ่งอิ๋งจี๋เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เรื่องเล็กๆ แค่ขั้นหกเอง ฉันจะพยายามกลายเป็นปรมาจารย์ในระหว่างที่นักศึกษาฟางผิงเข้าสู่ขั้นหก นักศึกษาฟางผิงต้องตั้งใจดีๆ ล่ะ”
ฟางผิงไร้คำจะพูด ติดหนี้ตัวเองไม่พอ ตอนนี้ยังยากจะแก้แค้นหนี้เก่าอีก
ซ่งอิ๋งจี๋และถังเฟิงคงไม่จำเป็นต้องพูดถึง เหล่าหวังเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสี่ ฟางเหวินเสียงอยู่ปักกิ่ง ทั้งยังมีปู่เป็นปรมาจารย์
นอกจากพวกเขา…สรุปแล้วเหมือนว่าฉินเฟิ่งชิงจะรังแกง่ายที่สุดแล้ว
หมอนั่นติดหนี้ตัวเองสามแสน น่าจะจำไม่ผิดมั้ง?
ฉินเฟิ่งชิงยังไม่ทะลวงขั้นสี่ ตัวเองกำลังจะเข้าสู่ขั้นสามตอนกลางแล้ว
ฝึกเคล็ดวิชาต่อสู้อีกสักหน่อย ไม่แน่ว่ากลับมาจากถ้ำแล้ว อาจจะมีโอกาสชำระหนี้แค้น
“ช่างเถอะ ตั้งเป้าเล็กๆ ไว้แล้ว เอาสามแสนจากฉินเฟิ่งชิงมาก่อนแล้วกัน”
ฟางผิงจำไม่ได้เหมือนกันว่าเขาให้ฉินเฟิ่งชิงยืมเงินจริงๆ หรือเปล่า
แต่เวลาผ่านไปนานขนาดนี้ กระทั่งเขาเองยังลืมไปแล้วว่าเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า แต่ยังไงก็เหมือนจะติดหนี้อยู่ดี
ไม่พูดอะไรกับซ่งอิ๋งจี๋ต่อ ปรมาจารย์ขั้นหกซัดเขาตายได้ในฝ่ามือเดียว ลืมเรื่องนี้ไปก่อนแล้วกัน
“เปิดห้องแหล่งพลังงานสามวันครับ”
“สามวัน?”
ซ่งอิ๋งจี๋เหนือความคาดหมายอยู่บ้าง แต่ยังคงรูดเจ็ดร้อยยี่สิบคะแนนของฟางผิงไปอย่างรวดเร็ว
ฟางผิงปวดใจอยู่บ้าง โหดร้ายเกินไปแล้ว!
เขาเพิ่งจะรูดคะแนนไป หลู่เฟิ่งโหรวก็สาวเท้าเดินพอดี
เห็นหลู่เฟิ่งโหรวเดินเข้ามาตอนนี้ ฟางผิงยิ่งสงสัยเข้าไปใหญ่
อาจารย์ของเขาอยู่ข้างนอกนานแล้ว รอเขาจ่ายเงินแล้วค่อยเดินเข้ามา เขาจะได้ไม่ร้องทุกข์กับเธออย่างนั้นสินะ
“เข้าไปเถอะ”
หลู่เฟิ่งโหรวไม่พูดมากเช่นกัน เดินไปพลางเอ่ยว่า “ถ้าไม่ไหวก็อย่าฝืน”
“ครับ ผมรู้แล้ว”
“หากหลอมกระดูกสันหลังเสร็จ กระดูกแขนขาและกระดูกแกนกลางจะเชื่อมต่อกลายเป็นระบบเดียวกัน เวลานี้จะดำเนินการเปลี่ยนแปลงของร่างกาย อย่าลืมว่านี่เป็นโอกาสของเธอเหมือนกัน สามารถทะลวงปราณหากัน หลอมร่างกายเลือดเนื้อ หากปราณเพียงพอ ถึงกระทั่งอาจลองหลอมส่วนลึกของกระดูกได้ แน่นอนว่าแค่ลอง…”
“ความหมายของคุณคือ ไขกระดูก?”
“ใช่”
ฟางผิงเอ่ยอย่างกลืนไม่เข้าคายไม่ออก “ไขกระดูกผมแปรสภาพเหมือนปรอทอยู่แล้ว”
หลู่เฟิ่งโหรวแค่นหัวเราะ ยื่นมือไปบีบหลังคอของฟางผิง ก่อนจะยกขึ้นเล็กน้อย เอ่ยอย่างเรียบนิ่ง “เบาเกินไป”
ฟางผิงกระดากอายอย่างถึงที่สุด!
อย่าขายขี้หน้ากันขนาดนี้ได้หรือเปล่า?
เธอเห็นฉันเป็นลูกหมาหรือไง มาหิ้วคอกันแบบนี้!
หลู่เฟิ่งโหรวไม่สนใจว่าเขาจะคิดยังไง เอ่ยต่อว่า “อาจจะไม่สำเร็จเสมอไป แน่นอนว่าเธอแตกต่างจากคนอื่น ปราณเธอแข็งแกร่ง บางทีอาจจะทำได้ ก่อนหน้านี้ฉันเคยคิดแบบนี้ ตอนที่เธออยู่ขั้นสามตอนปลาย ใช้โอกาสที่เกิดการเปลี่ยนแปลงกับร่างกาย ลองดูสักหน่อยได้ หากทำไม่ได้ นั่นก็เป็นปัญหาของเธอ ไม่ใช่ฉัน เข้าใจหรือยัง?”
เวลานี้ฟางผิงไม่พูดว่าไขกระดูกของตัวเองมีสภาพเหมือนปรอทอีกแล้ว “เข้าใจแล้วครับ”
“อันที่จริงเธอเลือกสระปราณ อาจจะให้ผลดีกว่าหน่อย”
“ไม่มีเงินแล้วจริงๆ ครับ”
“ไม่มีเงินก็ไปหาเอาเอง”
“ตอนแรกคุณบอกว่ากินยาบำรุงได้ตามใจไม่ใช่หรือไง…”
“ฉันก็บอกตอนหลังแล้วว่าแค่พูดเล่น?”
VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน