ตอนที่ 264 รู้จักสำนักครั้งแรก (2)
ผู้ฝึกยุทธ์ในสายตาของคนทั่วไป ไม่ว่าจะฝีมือหรือตำแหน่งล้วนอยู่ในชนชั้นอภิสิทธิ์
โดยเฉพาะไม่กี่ปีที่ผ่านมา รัฐบาลยังยกระดับตำแหน่งผู้ฝึกยุทธ์ให้สูงขึ้นอีก ปัจจุบันแบ่งเป็นสองขั้วอย่างชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ
แต่คนทั่วไปและผู้ฝึกยุทธ์ยากที่จะคบค้าสมาคมกัน รวมถึงภัยคุกคามของผู้ฝึกยุทธ์นอกรีตที่เพิ่งถูกเปิดเผยออกมา คนทั่วไปที่ไม่พอใจกับสภานการณ์นี้เลยระบายความโกรธแค้นผ่านผู้ฝึกยุทธ์นอกรีตพวกนี้
ฟางผิงไม่อยากพูดคุยกับพวกเขาเช่นกัน เดินผ่านเข้าไปในประตู เหยียบย่างบนทางเดินที่ปูด้วยหินอ่อน
สองฝั่งของทางเดินต่างเป็นร้านค้า ขายพวกอาหารของกินเล่น ของที่ระลึกสำหรับนักท่องเที่ยว…คึกคักเป็นอย่างมาก
“สภาพแวดล้อมวุ่นวายแบบนี้เหมาะที่จะฝึกยุทธ์จริงๆ งั้นเหรอ?”
ฟางผิงสงสัยอยู่ในใจ ไม่ว่าจะเป็นมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้หรือหน่วยทหารต่างตั้งอยู่ในเขตที่เงียบสงบ ปกติไม่เปิดให้คนภายนอกเข้าออก
มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้พื้นที่กว้างขวางขนาดนั้น บางทีเดินมาครึ่งวันยังแทบไม่เจอใครสักคน
การฝึกยุทธ์ อันที่จริงกลัวว่าจิตใจจะวอกแวก เสียสมาธิได้ง่าย
แม้มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้จะตั้งอยู่ในเมืองใหญ่ แต่ภายในเงียบสงบอย่างยิ่ง กลับนึกไม่ถึงว่าหมู่บ้านฉางหยางจะเปิดเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ทั้งยังเป็นฝ่ายเปิดต้อนรับภายนอก นี่เหนือความคาดหมายของฟางผิงอยู่บ้าง
ในความคิดของเขา สำนักควรจะตั้งอยู่ในภูเขาลึกต่างหาก
อันที่จริงเป็นฟางผิงที่คิดไปเอง ผู้ฝึกยุทธ์ต้องกินข้าวกินน้ำเหมือนกัน ไม่ได้เหมือนมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู่ที่มีเงินสนับสนุนจากรัฐบาล ความจริงรัฐบาลก็ให้เงินช่วยเหลือสำนักเช่นกัน แต่ไม่ได้มากมายอะไร
ผู้ฝึกยุทธ์จากสำนักพวกนี้มีจำนวนไม่เยอะ แต่ว่าก็ต้องใช้ชีวิตประจำวันเหมือนคนทั่วไป เรื่องพวกนี้น้อยนักที่ผู้ฝึกยุทธ์จะไปทำเอง รวมถึงค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันและการฝึกวิชา คงไม่อาจหวังพึ่งแต่รางวัลจากถ้ำใต้ดินได้ มีผู้ฝึกยุทธ์หลายคนขาดแคลนแหล่งรายได้ หมู่บ้านฉางหยางจึงเปิดเป็นธุรกิจการท่องเที่ยวส่วนหนึ่งเพื่อเป็นทางออก
ไม่ใช่แค่ธุรกิจท่องเที่ยว ในหมู่บ้านฉางหยาง ฟางผิงยังเห็นประกาศรับสมัครนักเรียนเข้าคลาสฝึกศิลปะการต่อสู้
ที่นี่มีการตั้งคลาสสำหรับฝึกศิลปะการต่อสู้เช่นกัน นี่ก็เป็นแหล่งทำเงินอีกอย่างหนึ่ง มีผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสี่ดูแลถือว่าเพียงพอแล้ว
ค่าเล่าเรียนต่ำสุดไม่กี่แสน มากสุดเกือบหนึ่งล้าน แต่ยังคงมีคนมาเรียนไม่ขาดสาย
คนทั่วไปส่วนใหญ่ช่วงที่เป็นวัยรุ่นไม่สามารถสอบเข้ามหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ รอหาเงินได้แล้วก็จะไล่ตามความฝันเพื่อเป็นผู้ฝึกยุทธ์
หมู่บ้านฉางหยางนั้นอาศัยนักท่องเที่ยวจากข้างนอกเพื่อให้มีคนรู้ว่าที่นี่เปิดคลาสฝึกศิลปะการต่อสู้ ดึงดูดคนมาสมัครให้เยอะขึ้น นี่ถึงเป็นเหตุผลหลักที่ประคองค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันของหมู่บ้านฉางหยางได้
ฟางผิงเดินถือดาบกวนอูบนทางเดิน ดึงดูดสายตาจากผู้คนไม่น้อยเช่นกัน
เดินได้ไม่นาน ฟางผิงก็หยุดตรงหน้าตึกเล็กๆ ที่แขวนป้ายไว้ว่า ‘โรงฝึกวรยุทธ์ฉางหยาง’
เขาหยุดฝีเท้าลง ก็มีชายวัยกลางคนสวมชุดฝึกสีดำเดินออกมาทันที
ชายคนนั้นไว้หนวดยาวเป็นอักษรเลขแปดจีน[1]เผยสีหน้าเคร่งขรึม มองไปยังฟางผิง แววตาแฝงความกังวลเล็กน้อย เอ่ยด้วยเสียงทุ้มว่า “สหายผ่านทางมาหรือว่ามาหาเรื่อง?”
เมื่อคำพูดนี้ออกมา หลายคนที่อยู่ในตึกชั้นหนึ่งก็หันมามองทันที
ตรงทางเดินมีนักท่องเที่ยวบางส่วนชะเง้อมองอยู่ไม่ไกลเช่นกัน
ฟางผิงมองพินิจชายวัยกลางคนอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะส่ายหัวว่า “ไม่ได้มาหาเรื่อง ทั้งไม่ได้บังเอิญผ่านมา ผมอยากจะเข้าไปในหมู่บ้านฉางหยาง”
ตอนนี้เขาอยู่ในหมู่บ้านฉางหยางแล้ว กลับพูดว่าอยากเข้าไปในหมู่บ้านฉางหยาง ชายไว้หนวดเลขแปดไม่แปลกใจเช่นกัน ขมวดคิ้วว่า “เข้าไปหาคน?”
“ผมฟางผิงจากมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ มาตามหาศิษย์พี่จางเจิ้นหวาเพื่อแลกเปลี่ยนความรู้”
“ฟางผิงจากเซี่ยงไฮ้!”
ชายที่ไว้หนวดเลขแปดรู้ว่าอีกฝ่ายคือใครทันที ทั้งรู้ถึงจุดประสงค์ของเขาด้วย
ทว่าชายวัยกลางคนกลับมีโทสะขึ้นมา กัดฟันว่า “หมู่บ้านฉางหยางของฉันไม่แก่งแย่งชิงดีกับใคร! สำนักอ่อนกำลังลง มหาวิทยาลัยรุ่งโรจน์โชติช่วง ฉันถอยแล้วถอยอีก พวกนายกลับมาหาเรื่องถึงหน้าประตูไม่หยุดหย่อน! ปีก่อนหวังจินหยางจากหนานเจียงทำให้เจิ้นหวาเจ็บหนัก เจิ้นหวาต้องหยุดอยู่ในขั้นสามสูงสุด ไม่อาจเข้าขั้นสี่ได้ ตอนนี้เธอยังมาท้าประลองอีก คิดว่าหมู่บ้านฉางหยางของฉันรังแกได้ง่ายๆ อย่างนั้นเหรอ!”



VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน