ตอนที่ 309 ครั้งหน้าพวกเราไปขุดแร่ด้วยกัน (2)
ทุกคนหมดคำจะพูดอีกครั้ง นายเพิ่งเข้าถ้ำมาแค่สองครั้ง รู้จักมานานแล้ว?
แต่รอจนฟางผิงพูดว่า ครั้งก่อนเขาเคยเจอเจี่ยวมาแล้ว ทั้งยังใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันอีกหนึ่งคืน สีหน้าทุกคนก็แปลกไปอยู่บ้าง
ไม่ใช่นึกถึงสัตว์ประหลาด แต่นึกไม่ถึงว่าฟางผิงรนหาที่ตายขนาดนี้ยังมีชีวิตรอดอีก!
เถียนมู่เอ่ยอย่างสนใจ “เธอบอกว่าเธอป้อนปราณให้มัน มันเลยไม่ฆ่าเธอ?”
ฟางผิงส่ายหัวว่า “ไม่ใช่ครับ เจี่ยวมีสติปัญญาทีเดียว เกรงว่ามันคงจะเห็นผมเป็นคลังเก็บอาหาร ยอดฝีมือขั้นสี่ขั้นห้าคนอื่นๆ เข้าไปกลับถูกมันดูดกลืนปราณจนเกลี้ยง ส่วนผมเพราะเหตุผลเรื่องกลายพันธุ์ ปราณฟื้นฟูได้ไว สามารถป้อนปราณให้มันไม่จำกัด อีกอย่างครั้งก่อนมันน่าจะกำลังทะลวงด่าน ผมล่อผู้ฝึกยุทธ์ระดับกลางไปให้มันหลายคน ดังนั้นมันคงอยากให้ผมส่งอาหารให้มันต่อ…”
ทุกคนไร้คำจะพูดอีกครั้ง ฉินเฟิ่งชิงคล้ายกับค้นพบความลับเช่นกัน เอ่ยเสียงดังว่า “ขั้นสี่ขั้นห้าที่นายฆ่าครั้งก่อน ก็ฆ่าด้วยวิธีนี้?”
ฟางผิงกลอกตาใส่ เอ่ยอย่างหงุดหงิดว่า “นายจะสนใจทำไมว่าฉันฆ่ายังไง ก็บอกว่าวางแผนฆ่า นี่ไม่ใช่วางแผนฆ่าหรือไง? หรือนายมีความสามารถนี้ด้วย? ถ้าไม่ใช่ว่าฉันรู้จักมัน ครั้งนี้นายม่องเท่งไปแล้ว นายคิดว่ามันจะปล่อยนายไป? เจี่ยวปล่อยนายไป คนๆ นั้นที่ไล่ตามมาทีหลังก็ฆ่านายได้อยู่ดี”
การโต้เถียงของทั้งสองคน คนอื่นๆ ต่างไม่สนใจ
เถียนมู่เอ่ยว่า “ไอ้หนู พูดแบบนี้แสดงว่าเธอสั่งการเจี่ยวได้?”
ฟางผิงเอ่ยอย่างขื่นขม “ไม่ได้ ผมบงการมันได้ที่ไหน มันกินๆ นอนๆ แค่ต้องเอาอาหารให้มันเท่านั้น…”
“อย่างนั้นเหรอ?”
เถียนมู่คล้ายกับคิดอะไรอยู่ อู๋ชวนเผยสีหน้าเหมือนนึกอะไรได้เช่นกัน มองไปทางฟางผิง
ฟางผิงละล่ำละลักว่า “ยังไงผมก็ไม่ไปป่าราชันเจี่ยวอีกแล้ว อันตรายเกินไป ผมไม่อยากพาตัวเองไปตาย”
ทุกคนพากันหัวเราะ อู๋ชวนไม่มองเขาอีก เอ่ยว่า “เรื่องนี้ทุกคนเข้าใจอยู่แล้ว ทั้งเจ้าเมืองเทียนเหมินลงมือ หมายความว่าคนผู้นั้นและเจ้าเมืองเทียนเหมินมีความเกี่ยวข้องกัน นี่ก็หมายความว่าระดับสูงของเมืองเทียนเหมินแตะถึงจำนวนแปดคนอีกครั้ง”
จู่ๆ อู๋ชวนก็เอ่ยว่า “ป้ายสถานะของผู้ฝึกยุทธ์ที่พวกเธอฆ่าในเขาหัวหมาป่าอยู่ที่ไหนล่ะ?”
ฉินเฟิ่งชิงควักป้ายสถานะออกมา อู๋ชวนดึงจากอากาศมาใส่มือตัวเอง ตรวจสอบด้านหลังเล็กน้อย ก่อนจะขมวดคิ้วว่า “เมืองซีเฟิ่ง!”
ป้ายสถานะของผู้ฝึกยุทธ์ถ้ำ ด้านหน้าคือระดับขั้น ด้านหลังกลับเป็นตราสัญลักษณ์เมือง
ตอนนี้ทุกคนเห็นด้านหลังของป้ายสถานะเป็นรูปนกเฟิ่งหวงที่ดูมีชีวิตชีวา
พวกเขาทยอยหน้าเปลี่ยนสี
“คนของเมืองซีเฟิ่ง แต่เมืองเทียนเหมินให้ความช่วยเหลือ นี่…”
“หรือสองเมืองจะเปลี่ยนเป็นสามเมืองแล้ว?”
“ต้องรายงานให้เบื้องบนเดี๋ยวนี้ จับตาเฝ้าระวังความเคลื่อนไหวของเมืองซีเฟิ่งให้ดี!”
พวกปรมาจารย์ระแวดระวังขึ้นมาทันที ข้อมูลนี้ไม่ใช่เรื่องเล็ก
ยอดฝีมือของเมืองซีเฟิ่งเกิดเรื่อง เมืองซีเฟิ่งไม่ให้ความช่วยเหลือ แต่กลับเป็นเจ้าเมืองเทียนเหมินที่ออกโรง นี่มันเรื่องอะไรกัน?
ฟางผิงเห็นพวกเขาให้ความสำคัญขนาดนี้ก็กระตือรือร้นขึ้นมาทันที “ปรมาจารย์ทุกท่าน ข้อมูลครั้งนี้สำคัญมากหรือเปล่า? นี่เป็นเรื่องที่ผมเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายไปหยั่งเชิง…”
เขาพูดยังไม่ทันจบ อู๋ชวนก็สะบัดมือ ฟางผิงและฉินเฟิ่งชิงกลับออกมาอยู่นอกค่ายด้วยใบหน้าที่งุนงงแล้ว
—
“เกี่ยวอะไรกับฉันกัน?”
ฉินเฟิ่งชิงโมโหจนแทบจะกระอักเลือดออกมา ฉันเข้าประตูไปได้พูดกี่ประโยคกัน?
ผลปรากฏว่าเถียนมู่กลับตีเขา อู๋ชวนก็กวาดเขาออกมานอกประตู ฉันผิดอะไรกัน!
ถลึงตามองฟางผิงไปแวบหนึ่ง ก่อนฉินเฟิ่งชิงจะแค่นเสียงว่า “อยู่ให้ห่างๆ ฉันเลย!”
“หุบปาก!”
ฟางผิงตำหนิ ครุ่นคิดเล็กน้อยก็เอ่ยว่า “ตอนนี้พวกเราต้องทำยังไง?”
“ปล่อยไปซะ โกยเงินได้ขนาดนี้ ควรต้องกลับไปฝึกวิชาแล้ว”
ฟางผิงพยักหน้า ครุ่นคิดว่า “ครั้งหน้ามาขุดแร่ เรียกฉันมาด้วย”
ฉินเฟิ่งชิงรู้สถานที่ของแหล่งแร่อยู่แห่งหนึ่ง
ทั้งเขายังมีชีวิตรอดกลับมา ฟางผิงคิดว่าตัวเองน่าจะไม่มีปัญหาเช่นกัน


VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน