ตอนที่ 39 เคล็ดวิชาพื้นฐาน
ฟางผิงรีบปิดประตูห้อง
บนโต๊ะมีหนังสือกองกันอยู่หกเจ็ดเล่ม…
เคล็ดวิชาพื้นฐาน (วิชาบังคับ)
จวงกง[1]สิบหกท่า (วิชาบังคับ)
การป้องกันตัวด้วยมือพื้นฐาน (วิชาเลือก)
การต่อสู้ด้วยขาพื้นฐาน (วิชาเลือก)
อาวุธเย็นเบื้องต้น (วิชาเลือก)
—
ฟางผิงไม่คิดจะรีบอ่านทั้งหมดในครั้งเดียว เขาคว้า (เคล็ดวิชาพื้นฐาน) ขึ้นมาเป็นอันดับแรก
ขนาดประมาณหนังสือเรียนทั่วไป เล่มหนาไม่น้อย ฟางผิงคิดว่าจะเป็นหนังสือเล่มบางๆ เสียอีก
เมื่อเปิดหนังสือ คำโปรยหน้ารองปกก็ปรากฏสู่สายตาเขา…
ผู้ฝึกยุทธ์ ต้องกล้าหาญกว่าผู้อื่น!
……
ฟางผิงไม่สนใจตัวอักษรที่เขียนบนปกรองนัก พลิกดูหน้าต่อไป
หน้าแรกของหนังสือ (เคล็ดวิชาพื้นฐาน) เป็นรูปโครงกระดูกมนุษย์ที่ละเอียดยิบ
ร่างกายทั้งหมดประกอบด้วยกระดูก 206 ชิ้น
กระดูกทั้ง 206 ชิ้นนี้แบ่งเป็นสามส่วนใหญ่ กระดูกกะโหลก กระดูกกลางลำตัวและกระดูกแขนขา
กระดูกกะโหลกศีรษะมี 29 ชิ้น กระดูกแกนกลางมี 51 ชิ้น กระดูกแขนขามี 126 ชิ้น
ร่างกายมนุษย์มีกระดูกเป็นพื้นฐาน มีเลือดเนื้อ ลมปราณ อวัยวะภายในเป็นส่วนประกอบรอง รวมกันกลายเป็นโครงสร้างร่างกายที่สมบูรณ์
ผู้ฝึกยุทธ์อาศัยปราณและกระดูกในการส่งเสริมซึ่งกันและกัน
หากปราณแข็งแรง แต่กระดูกอ่อนแอ เมื่อเกิดการต่อสู้ขึ้น ร่างกายย่อมพังทลาย
เช่นเดียวกัน หากกระดูกแข็งแรง ปราณไม่เพียงพอ ก็เหมือนกับจอกแหนที่ลอยน้ำอย่างไร้ทิศทาง ไม่อาจรวบรวมพลังออกมาได้
คิดจะเป็นผู้ฝึกยุทธ์ อันดับแรก ต้องมีปราณที่แข็งแกร่ง เพื่อเพียงพอให้หล่อเลี้ยงกระดูกและเนื้อหนัง
ขีดจำกัดที่ร่างกายคนทั่วไปยอมรับได้อยู่ที่ 150 แคล
หากมี 150 แคลขึ้นไป ก็ต้องอาศัยร่างกายที่แข็งแกร่งยิ่งกว่ามาแบกรับ
ดังนั้นโดยทั่วไป เมื่อค่าปราณแตะที่ 150 แคล กระดูกทั้ง 206 ชิ้นในร่างกายก็จะหลอมใหม่ให้สามารถรับความพลุกพล่านของปราณได้
เวลานั้นคนธรรมดาจึงสามารถเลือกทะลวงด่านเป็นผู้ฝึกยุทธ์อย่างเป็นทางการได้
“ปราณ 150 แคล หลอมกระดูกใหม่ ทะลวงด่านเป็นผู้ฝึกยุทธ์…”
ฟางผิงดูคำอธิบายในหนังสือ ทั้งพยักหน้าไปพลาง
ไม่นาน ฟางผิงก็เห็นลายมือที่เขียนอยู่ในหน้าหนังสือ
หนังสือเรียนพวกนี้ล้วนเป็นของหวังจินหยางเอง ตอนที่เขาอยู่ในห้องก็เขียนความคิดเห็นของตัวเองลงไป
“ปราณ 150 แคล เป็นเพียงมาตรฐานของคนทั่วไป ไม่ใช่กับผู้ฝึกยุทธ์ ต้องตั้งเป้าเพื่อก้าวข้ามขีดจำกัดของร่างกาย ขีดจำกัดคืออะไร? ก็คือไม่อาจจะเพิ่มหรือบำรุงให้มากไปกว่านี้ได้แล้ว ปราณหยุดนิ่งอยู่ที่เดิม มีแนวโน้มที่ค่าจะลดลง ไม่มีความเสถียร นี่ถึงจะนับว่าขีดจำกัด! หากเลือกทะลวงด่านโดยยังไม่ถึงขีดจำกัด จะเป็นการทำร้ายตัวเอง กลายเป็นพวกปลายแถวในหมู่ผู้ฝึกยุทธ์…”
ฟางผิงไม่รู้ว่า นี่เป็นความคิดของหวังจินหยาง หรือเขาจดตามที่อาจารย์สอน
จากที่หวังจินหยางกล่าว ปราณ 150 แคล แม้จะเป็นมาตรฐานในการทะลวงด่านของคนธรรมดา แต่เมื่อทะลวงแล้ว ก็จะกลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์ครึ่งๆ กลางๆ
ฟางผิงชั่งน้ำหนักในใจ คิดว่า ถ้ามีโอกาสต้องลองถามดูสักหน่อย
แม้จะกลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์ได้ แต่เขาก็ไม่อยากเป็นประเภทที่อ่อนแอ ถูกคนอื่นรังแก แบบนั้นมันน่าอายเกินไป
นอกจากปราณแล้ว ยังต้องมีกระดูกที่แข็งแรง
คนธรรมดา เงื่อนไขไม่ได้สูงมาก ขอแค่มีปราณเพียงพอให้ปะทุก็ใช้ได้แล้ว
และเมื่อคนธรรมดาทะลวงด่านเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่ง เวลานั้นผู้ฝึกยุทธ์ก็จะเริ่มกระหายในการต่อสู้ขึ้นมา
ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่งและสองต้องหลอมกระดูกแขนขาเพื่อเพิ่มความแข็งแรง
ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่งจะหลอมกระดูกส่วนบนหรือล่างก่อนก็ได้ทั้งนั้น มีความแตกต่างเพียงเล็กน้อย
ไม่ว่าจะหลอมกระดูกส่วนบนหรือล่าง เมื่อการหลอมสำเร็จ ผู้ฝึกยุทธ์ก็จะมีกำลังสังหารเพียบพร้อม
กระดูกแข็งราวกับเหล็ก ปราณปะทุดังสายรุ้ง แขนขาแทบไม่ต่างอะไรกับอาวุธ
เวลานั้นหากผู้ฝึกยุทธ์ต่อสู้ตัวต่อตัวกับคนธรรมดา แค่หมัดหรือถีบเท้าเดียวก็แทบจะฆ่าคนได้แล้ว
กระดูกส่วนบนมีทั้งหมด 64 ชิ้น ถ้าเลือกหลอมกระดูกส่วนนี้ก่อน ไหล่แขนสองข้างก็จะแข็งแรงราวกับมีดเล่มใหญ่ อานุภาพร้ายแรงอย่างยิ่ง
เมื่อหลอมกระดูกส่วนบน ปราณแตะค่ามาตรฐานแล้ว ก็สามารถทะลวงขั้นสองได้ จากนั้นค่อยเริ่มหลอมกระดูกส่วนล่างทั้ง 62 ชิ้น
เช่นเดียวกัน หากหลอมกระดูกส่วนล่างก่อน เมื่อทะลวงขั้นสองแล้วก็ค่อยหลอมกระดูกส่วนบน
ในหนังสือยังกล่าวว่า อย่าได้หาเรื่องใส่ตัวโดยการหลอมกระดูกเพียงฝั่งใดฝั่งหนึ่ง
มีนักเรียนบางคนเกิดสงสัยขึ้นมาว่า จะหลอมกระดูกส่วนบนหรือล่างก่อนก็ได้ ถ้าอย่างนั้นหลอมแขนข้างเดียวกับขาอีกข้างจะเป็นยังไง?
คนประเภทนี้ใช่ว่าจะไม่มี ท้ายที่สุดบางคนถึงกับต้องอยู่ขั้นหนึ่งไปชั่วชีวิต รอตอนที่ปราณลดลงแล้ว ก็ไม่ต่างอะไรกับคนพิการ
คนรุ่นก่อนจึงได้ใช้อุทาหรณ์เตือนใจทุกคน ควรเลือกหลอมกระดูกส่วนบนไม่ก็กระดูกส่วนล่างก่อน
ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสองที่ถึงขีดจำกัดอย่างหวงปินก็ทำการหลอมกระดูกแขนขาแล้วเหมือนกัน
หากหวงปินไม่ถูกฟางผิงจัดการ ตอนนี้แขนขาคงเทียบกับอาวุธทหาร ถีบฟางผิงให้ตายคงไม่ใช่เรื่องยาก
ตอนนั้นฟางผิงใช้ไม้ทุบหวงปิน แม้ขณะนั้นมือเท้าหวงปินจะไร้เรี่ยวแรง แต่ก็ยังคงเหวี่ยงหมัดโดนไม้จนหัก
หลังจากนั้นฟางผิงก็ทำให้หวงปินสลบ หนึ่งเป็นเพราะฤทธิ์ยา ส่วนอย่างที่สองเป็นเพราะศีรษะและอกถูกโจมตีซ้ำๆ
แต่ช่วงกระดูกแขนขา แม้ฟางผิงจะทุบหลายครั้ง มือและเท้าของหวงปินก็ไม่ปรากฏร่องรอยแตกหักอะไร
เมื่อหลอมกระดูกแขนขาแล้ว ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามก็จะหลอมกระดูกแกนกลางเป็นหลัก
VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน