ตอนที่ 433 ออกเดินทาง (2)
…………….
รู้ว่าฉินเฟิ่งชิงไปที่นั่น สวี่โม่ฟู่ปวดหัวขึ้นมาทันที อดก่นด่าไม่ได้ “ไอ้เวรสองคนจากมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ ไม่มีอะไรทำจะลงมาถ้ำใต้ดินเซี่ยงไฮ้ทำไม!”
ผู้ฝึกยุทธ์คนอื่นไม่ลงถ้ำใต้ดิน สวี่โม่ฟู่ไม่พอใจอยู่แล้ว รักตัวกลัวตาย ไม่ใช่วิถีของผู้ฝึกยุทธ์มนุษย์
แต่ฉินเฟิ่งชิงและฟางผิง สวี่โม่ฟู่อยากให้เจ้าสองคนนี้ไม่มามากกว่า
“ฉินเฟิ่งชิงเมื่อก่อนอยู่ขั้นสามก็ตระเวนไปทั่วถ้ำใต้ดินแล้ว ล่อสัตว์ประหลาดออกมาไม่ใช่แค่ครั้งสองครั้ง!”
สวี่โม่ฟู่พูดแดกดันออกมา นี่ไม่ใช่ว่าไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
หากไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เขาคงไม่กังวล แต่อย่ามองว่าฉินเฟิ่งชิงความสามารถไม่เท่าไหร่ ชื่อเสียงฉาวโฉ่กลับไม่ใช่น้อยๆ ตั้งแต่ขั้นสามก็ล่อสัตว์ปีศาจออกมาหลายตัว ผู้ฝึกยุทธ์นับไม่ถ้วนเกือบจะตายเพราะเขาแล้ว
แต่เจ้าหมอนี่มักจะชอบไปสถานที่ที่คนอื่นไม่ค่อยไป ไม่เคลื่อนไหวใกล้ๆ เมืองความหวัง
คนอื่นๆ เจอเขาในป่าข้างนอก ทำได้แค่นับว่าตัวเองดวงซวย
ตอนนี้ฉินเฟิ่งชิงอยู่ขั้นสี่แล้ว
รวมกับที่ถ้ำใต้ดินหนานเจียงก่อนหน้านี้ กระทั่งพืชปีศาจยังถูกฟางผิงล่อออกมา…
หากสองคนนี้ไปป่าร้อยอสูร…แค่คิดอย่างเดียว สวี่โม่ฟู่ก็รู้สึกว่าตัวเองมีเรื่องให้ต้องทำแล้ว
หากสุดท้ายล่อสัตว์ปีศาจระดับสูงออกมานับไม่ถ้วนจริงๆ…สวี่โม่ฟู่แทบไม่กล้าจินตนาการว่าจะเกิดปัญหาแบบใด
“ไปแจ้งกับแม่ทัพเถียนและผู้เฒ่าโค่วสักหน่อย…ช่างเถอะ ฉันจะไปเอง ยังต้องบอกผู้เฒ่าฟ่านด้วย อยู่ดีไม่ว่าดีจะให้ปีศาจมาโจมตีเมืองไม่ได้!”
สวี่โม่ฟู่ก่นด่าอีกครั้ง เอ่ยว่า “หากครั้งนี้เจ้าสองคนนั่นล่อปีศาจมาโจมตีเมือง มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ต้องมาแก้ไขปัญหา แก้ไม่ได้ งั้นก็ให้เจ้าเวรสองคนนั้นจัดการกันเอง!”
สวี่โม่ฟู่ตัดสินใจแล้ว หากเกิดเรื่องนี้ขึ้นจริงๆ มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ต้านไม่ไหว งั้นจะไม่อนุญาตให้ฟางผิงและฉินเฟิ่งเข้าเมืองอีกแล้ว!
คิดวิธีแก้ไขปัญหาเอาเอง แก้ไขไม่ได้ ตายไปก็ตายเปล่า
ไม่ใช่ว่าเขาเลือดเย็น เพียงเพราะสองคนนั้น สวี่โม่ฟู่ไม่อาจเห็นเมืองความหวังเป็นแค่เรื่องขำๆ ได้
สวี่โม่ฟู่เอ็ดตะโรเสียงดังลั่น แม่ทัพระดับนายกองหลายคนที่อยู่ด้านข้างกลับเอ่ยอย่างขำขันว่า “แม่ทัพ ฉินเฟิ่งชิงแค่พูดไปอย่างนั้น ยิ่งไปกว่านั้นหากล่อปีศาจออกมาจากป่าร้อยอสูรจริงๆ พวกเขายังจะมีโอกาสกลับมาหรือไง?”
ป่าร้อยอสูรห่างจากที่นี่แปดร้อยกว่าลี้ ทางนั้นมีระดับสูงนับไม่ถ้วน หากล่ออีกฝ่ายมาจริงๆ ผู้ฝึกยุทธ์ระดับกลางสองคนจะมีชีวิตรอดกลับมาได้ยังไง
สวี่โม่ฟู่หันไปมองคนพวกนั้น ผ่านไปสักพักจึงพูดว่า “เตรียมพร้อมไว้ก่อน ดีกว่าไม่ได้เตรียมอะไรเลย”
—
การเคลื่อนไหวทางเมืองความหวัง ฟางผิงและฉินเฟิ่งชิงไม่ได้สนใจเท่าไหร่
ฉินเฟิ่งชิงแค่พูดแบบนั้นเฉยๆ ครั้งนี้พวกเขาไม่ได้ไปที่ป่าร้อยอสูร แต่จะไปเขาสุนัขเม่นเท่านั้น
เขาสุนัขเม่นแทบไม่มีร่องรอยของปีศาจระดับสูง แม้ก่อนหน้านี้จะเจอสุนัขเม่น ความเป็นจริงกลับไม่เห็นมาหลายปีแล้ว อาจไม่อยู่ที่นั่นเสมอไป
สาเหตุที่พูดไปแบบนั้น…เพราะเป็นผู้ชาย เรื่องหน้าตาต้องมาก่อนอยู่แล้ว
เรื่องที่โจวฉีเยวี่ยพูดแย่ๆ เกี่ยวกับเขาให้รุ่นน้องของเธอฟัง เขาก็ได้ยินเหมือนกัน
ต่อหน้าหญิงสาว แม้ฉินเฟิ่งชิงจะไม่เปิดโอกาสให้คนอื่นตกหลุมรัก ก็ไม่อาจทำขายหน้าได้ ดูสิ แค่พูดว่า ‘ป่าร้อยอสูร’ ออกไป ผู้หญิงพวกนั้นของวิทยาลัยสตรีเซี่ยงไฮ้ก็งงเป็นไก่ตาแตกแล้ว
เดี๋ยวกลับมาก็เล่าวีรกรรมของตัวเองสักหน่อย หญิงสาวแรกรุ่นพวกนั้นยังจะไม่กราบแบบเลื่อมใสอีกได้ยังไง
—
ทั้งสองคนออกมาจากเมืองก็มุ่งหน้าไปทางตะวันออก
ระหว่างทางพบเจอผู้ฝึกยุทธ์และหน่วยทหารที่ถอนตัวกลับมาจากแนวหน้าบางส่วนเช่นกัน
หลังจากเมืองเยาขุยที่อยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือเข้าร่วมสงครามครั้งก่อน ช่วงนี้ก็กลายเป็นศัตรูหลักของเมืองความหวังแล้ว ทั้งสองฝ่ายมีการต่อสู้อย่างประปรายระหว่างสองเมือง สงครามที่มีผู้ฝึกยุทธ์นับพันคนก็เกิดขึ้นมาแล้วสองครั้ง บาดเจ็บล้มตายนับไม่ถ้วน
เห็นหลายคนกลับมาพร้อมบาดแผลเต็มตัว ยังมีบางคนแขนขาดขาหัก ฟางผิงก็ขมวดคิ้วมองอยู่นาน
“ทุกปีล้วนมีผู้ฝึกยุทธ์เจ็บตายเป็นจำนวนมาก ปล่อยเป็นแบบนี้ต่อไป ผู้ฝึกยุทธ์จะเติบโตเยอะกว่าที่สูญเสียไปได้ยังไง”
ฉินเฟิ่งชิงเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจ “นายกังวลเรื่องพวกนี้มีประโยชน์หรือไง? คิดว่าตัวเองเป็นผู้นำของมนุษยชาติไปแล้วจริงๆ? ดูแลตัวเองก่อนเถอะ หากมีเวลาว่างจริงๆ เอามาดูแลฉันดีกว่า ให้เงินฉันสักห้าพันล้าน ให้ฉันได้เสวยสุขสักหน่อย…”
ฟางผิงแค่นเสียงในลำคอ ฉินเฟิ่งชิงเอ่ยว่า “นายฆ่าผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหกสูงสุดจริงๆ เหรอ? อีกอย่างพวกเขาบอกว่านายจ้างขั้นแปดกว่าสิบคนมารักษาอาการบาดเจ็บ เสียเงินไปเท่าไหร่?”
“ไม่กี่หมื่นล้าน”

VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน