ตอนที่ 534 ไร้คู่ต่อสู้ในขั้นหก (1)
………………..
ในตอนที่ฟางผิงถูกหิ้วตัวไป ข่าวก็แพร่กระจายออกไปแล้ว
“ฟางผิงปิดผนึกประตูปราณ ปรากฏพลังจิตใจแล้ว!”
นี่เป็นคำพูดในตอนแรก
ไม่นานก็เปลี่ยนเป็น “ฟางผิงปรากฏพลังจิตใจแล้ว!”
ผ่านไปสักพักก็กลายเป็น “ฟางผิงกลายเป็นปรมาจารย์แล้ว ปรมาจารย์ฟาง!”
“ยอดฝีมือปรมาจารย์ที่อายุน้อยที่สุดของมนุษยชาติ!”
“คนแรกของประวัติการณ์!”
“สร้างชื่อในอันดับปรมาจารย์ ไม่น่าเชื่อจริงๆ!”
—
ข่าวสารแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว
วันนี้ยังคงอยู่ในช่วงการสอบศิลปะการต่อสู้ ตอนแรกการสอบศิลปะการต่อสู้ของคนนับสิบล้านถึงจะเป็นเรื่องใหญ่ เป็นจุดสนใจของทุกคน
แต่เมื่อข่าวถูกเผยแพร่ออกมาว่าฟางผิงกลายเป็นปรมาจารย์ ชั่วพริบตานั้นก็กลบข่าวทั้งหมดไปได้ทันที
ยอดฝีมือปรมาจารย์อายุยี่สิบปีคนหนึ่ง!
จะไม่ก่อความเคลื่อนไหวได้ยังไง!
ตอนนี้เส้นทางผู้ฝึกยุทธ์เป็นที่แพร่หลาย ยอดฝีมือเดินเหินอยู่เต็มฟ้า ปรมาจารย์เป็นเหมือนเทพเซียน
ประเทศจีนที่กว้างใหญ่มีปรมาจารย์กี่คนกัน?
ระดับสูงไม่ถึงห้าร้อยคน!
ประชากรหนึ่งพันกว่าล้าน ปรมาจารย์มีเท่านี้ ฟังดูเหมือนจะไม่น้อย ในความเป็นจริงกลับน้อยจนไม่รู้จะน้อยยังไงแล้ว
ตอนนี้ผู้ฝึกยุทธ์วัยรุ่นคนหนึ่ง ชั่วพริบตาก็กลายเป็นปรมาจารย์ น่าตกใจเกินไปแล้ว
ฟางหยวนเพิ่งสอบเสร็จ เตรียมจะออกจากโรงเรียน จู่ๆ ก็ได้ยินคนตะโกนว่า “แม่ทัพดาบคลั่งทะลวงถึงขั้นปรมาจารย์แล้ว!”
“อะไรนะ?”
“จริงหรือเปล่า?”
“ไม่ใช่เพิ่งจะขั้นหกตอนต้นหรือไง?”
“จริงๆ นะ!” คนที่มาพูดเสียงดังว่า “แม่ทัพดาบคลั่งกลายเป็นปรมาจารย์แล้วจริงๆ เมื่อตะกี้เลย! ปรมาจารย์ทั้งเมืองเซี่ยงไฮ้ไปร่วมยินดีแล้ว!”
“กลายเป็นปรมาจารย์แล้วจริงๆ?”
“…”
ในฝูงนั้นเกิดความโกลาหลขึ้นแล้ว
ฟางหยวนอ้าปากค้าง หน้ากลมนั้นถูกดึงยาวลงมา ฟางผิง…กลายเป็นปรมาจารย์แล้ว?
เมื่อก่อนเธอไม่เข้าใจว่าปรมาจารย์หมายถึงอะไร แต่แม้จะไม่เข้าใจ เธอก็รู้ว่าปรมาจารย์เป็นสิ่งที่มนุษยชาติทั้งหมดให้ความนับถือ นึกถึงตอนแรกที่ฟางผิงแค่เอ่ยชื่อของปรมาจารย์ก็มีคนบอกว่า ‘ชื่อของปรมาจารย์จะเรียกออกมาตรงๆ ไม่ได้’
เห็นได้ชัดว่าในสายตาทุกคน ปรมาจารย์ยิ่งใหญ่ขนาดไหน เป็นมนุษย์ที่แทบจะไร้คู่ต่อสู้
แต่ตอนนี้นึกไม่ถึงว่าคนอื่นจะกำลังพูดว่าพี่เธอกลายเป็นปรมาจารย์แล้ว!
ครู่ต่อมาฟางหยวนก็วิ่งไปทางมหาวิยาลัยเซี่ยงไฮ้อย่างรวดเร็ว ระหว่างทางยังควักโทรศัพท์ต่อสายออกไป ข่มกลั้นความดีใจไม่อยู่ หัวเราะว่า “พี่ฉันกลายเป็นปรมาจารย์แล้ว!”
เสียงตะโกนอย่างดีใจนี้ หลายคนที่ผ่านทางมาต่างถูกดึงความสนใจ
มีคนยังอดถอนหายใจไม่ได้ “เด็กคนนี้คงไม่ใช่เรียนวรยุทธ์จนบ้าไปแล้วสินะ?”
เธอบอกว่าปู่กลายเป็นปรมาจารย์ พวกเรายังต้องมองก่อนเลยว่าเป็นใคร แต่เธอกลับบอกว่าพี่ชายกลายเป็นปรมาจารย์แล้ว เด็กผู้หญิงที่วิ่งผ่านไปเพิ่งจะอายุเท่าไหร่เอง?
ฟางหยวนนั้นวิ่งฉิวไปแล้วจริงๆ ในฝูงชนยังมีคนคุ้นเคยอยู่บ้างเช่นกัน
ซ่งอิ๋งจี๋เพิ่งจะมารับลูกสาว เวลานี้สีหน้าแปลกประหลาดอย่างถึงที่สุด
ล้อกันเล่นแล้ว!
ปรมาจารย์?
แน่ใจนะว่าไม่ได้ล้อเล่น?
ตอนที่ฉันเพิ่งมา เขายังกำลังปิดผนึกประตูปราณอยู่เลย นี่ฉันเพิ่งจะเดินมาประมาณครึ่งชั่วโมง นายบอกกับฉันว่าฟางผิงกลายเป็นปรมาจารย์แล้ว?
ซ่งอิ๋งจี๋อยากจะอัดเจ้าคนที่มารายงานข่าวอยู่บ้าง แต่รอจนได้ยินรอบๆ มีผู้ฝึกยุทธ์ระดับกลางคนหนึ่งพูดเรื่องนี้ขึ้นมา เหล่าซ่งก็สับสนแล้ว
ซ่งหยามองพ่อที่นิ่งค้างไป อดเอ่ยอย่างกังวลไม่ได้ “พ่อ พี่ฟางกลายเป็นปรมาจารย์แล้ว หลังจากนี้พ่ออย่าตั้งตัวเป็นศัตรูกับเขาอีกเลย…”
ซ่งอิ๋งจี๋แทบจะกระอักเลือดออกมาแล้ว!
ฉันตั้งตัวเป็นศัตรูกับเขา?
เจ้าเด็กคนนั้นใจคับแคบจะตายไป สาเหตุที่ฟางผิงทะเลาะกับเขาคืออะไรกัน?
แต่ตอนนี้…หากขั้นเจ็ดจริงๆ ประธานทั้งสองก็ต้องครุ่นคิดสักหน่อยแล้ว
—
ข้างนอกโหมข่าวว่าตัวเองกลายเป็นปรมาจารย์ ฟางผิงย่อมไม่รู้เรื่องนี้อยู่แล้ว
เวลานี้ฟางผิงตีหน้าซื่อมองพวกคนที่อยู่ตรงข้าม
อะไรกัน?
แต่ละคนนอกจากไม่มีท่าทีดีใจกับตัวเอง ยังทำสีหน้าราวกับจะฟันเขาให้ตาย นี่เป็นท่าทีของอาจารย์หรือไง?
ก็แค่พลังจิตใจปรากฏ?
แค่อาจจะล้ำหน้าพวกคุณเท่านั้น?
เป็นอาจารย์ ความใจกว้างแค่นี้ยังไม่มี จะเป็นตัวอย่างที่ดีให้คนอื่นได้ยังไง?
เวลานั้นฉันบอกว่าหนึ่งปีสี่ขั้น บอกว่าจะขั้นแปดในสองปี นี่ฉันยังไม่ถึงขั้นแปดไม่ใช่หรือไง?
ฟางผิงนินทาอยู่ในใจ ระหว่างที่สร้างความสุขให้ตัวเอง หวงจิ่งก็กระแอมไอ เอ่ยปากตัดบทบรรยากาศที่แปลกประหลาดนี้ “ปรากฏพลังจิตใจเรื่องใหญ่ขนาดนี้ทำไมไม่บอกกล่าวกันก่อน? เธอเพิ่งจะขั้นหกตอนต้น…”
“ตอนกลางแล้วครับ” ฟางผิงเสริมอีกประโยคเบาๆ
“หุบปาก!”
หลู่เฟิ่งโหรวตำหนิ “เธอมีสิทธิ์สอดปากที่ไหนกัน ฟังเงียบๆ!”
เมื่อก่อนฟางผิงพูดมากหน่อย เธอยินดีจะดูละครจะตายไป
ตอนนี้ไม่ว่าจะมองฟางผิงยังไงก็รู้สึกขัดหูขัดตา ถ้ายังสอดปากพูดอีก ฉันจะอัดเธอให้ดู
ฟางผิงจนใจ ทำตัวสงบเสงี่ยมราวกับเป็นเด็กน้อย มองทุกคนอย่างน่าสงสาร พวกคุณพูดต่อเถอะ
หวงจิ่งถูกเขามองจนปวดหัวอยู่บ้าง สูดลมหายใจเข้าลึก ไม่พูดประเด็นเมื่อกี้ต่อแล้ว เอ่ยว่า “พลังจิตใจปรากฏล่วงหน้า ตอนนี้เธอสามารถใช้ปราณบ่มเพาะพลังจิตใจได้แล้วงั้นเหรอ?”
ฟางผิงเงียบไม่ปริปาก
หวงจิ่งหน้าดำเป็นก้นหม้อ ฉันกำลังถามอยู่
เห็นหวงจิ่งกำลังจะโมโห ฟางผิงมองหลู่เฟิ่งโหรวแวบหนึ่ง หลู่เฟิ่งโหรวจะบ้าคลั่งแล้วเหมือนกัน เอ่ยอย่างมีโทสะว่า “เวลาที่ควรพูดก็พูดออกไป!”
————-
………………..

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน