ระบบเจ้าสำนัก นิยาย บท 1711

เมื่อเห็นว่าจางหยูจะเอาสมบัติไป จิ่งชานก็ตะโกนขู่ออกมา “ อย่าแตะต้องสมบัติบรรพชนของข้า ไม่งั้นแล้วตระกูลจิ่งจะไม่ปล่อยเจ้าไปแน่ !”
  เขาต้องเผชิญหน้ากับจ้านเทียนเกออยู่ เขาได้แต่ขู่จางหยู
  ทัลซาไม่ได้สนใจ นางไม่อาจจะได้สมบัติไปครองอยู่แล้ว นางจะทำอะไรได้ ?
  แม้ว่านางจะเป็นทาสของตระกูลจิ่งเพราะหยกเป็นตายที่ผูกชีวิตของนางอยู่ แต่นั่นไม่ได้หมายถึงความภักดี
  เมื่อได้ยินที่จิ่งชานขู่มา จางหยูก็ยิ้มออกมา “ งั้นรึ ? งั้นแสดงให้ข้าเห็นทีว่าตระกูลจิ่งจะไม่ปล่อยข้าได้ยังไง …”
  เมื่อพูดจบจางหยูก็แผ่จิตผู้สร้างออกไปเปลี่ยนเป็นมือขนาดใหญ่แล้วจับม้วนคัมภีร์เอาไว้ สัญชาตญาณบอกเขาว่าม้วนคัมภีร์นี้อาจจะไม่ใช่สมบัติล้ำค่าที่สุด แต่มันต้องบันทึกข้อมูลสำคัญเอาไว้แน่
  มือพลังสร้างล้วงลงไปในลาวาแล้วจับเอาคัมภีร์เอาไว้ ตอนที่มือนั้นสัมผัสกับคัมภีร์ สีหน้าของจางหยูก็เปลี่ยนไปทันที “ ปราณสุสาน ! ”
  มือนั้นได้พังทลายลงและเปลี่ยนเป็นจิตผู้สร้าง แต่ก็ยังมีปราณสุสานรุกล้ำเข้ามาในตัวเขาราวกับว่าต้องการจะกลืนกินสติเขา โชคดีที่ความเข้าใจของเขาขึ้นถึงขั้นที่ 9 แล้ว จิตผู้สร้างและการรับรู้ของเขาจึงพัฒนาขึ้นมาอย่างมาก มันเหนือกว่าผู้นำ เมื่อปราณสุสานรุกล้ำเข้ามา เขาก็ควบคุมจิตผู้สร้างสยบมันไว้ได้อย่างรวดเร็ว
  หลังจากนั้นไม่กี่อึดใจปราณสุสานก็ถูกยับยั้งเอาไว้ก่อนจะโดนขับออกจากร่างกาย
  ในเวลาเดียวกันม้วนคัมภีร์ก็ได้ลอยขึ้นมา
  จ้านเทียนเกอ, จิ่งชาน, เบเกิลและทัลซาต่างก็หยุดต่อสู้ จ้านเทียนเกอและเบเกิลรีบบินไปหาจางหยูและถามขึ้น “ น้องชาย เจ้าเป็นอะไรรึไม่ ? ”
  ทัลซายืนนิ่งไม่เคลื่อนไหว
  มีแค่จิ่งชานที่รีบพุ่งไปหาคัมภีร์ด้วยสีหน้าที่บิดเบี้ยว “ สมบัติของราชาตะวันออกนอกจากข้าแล้วห้ามใครแตะต้อง ! ใครแตะต้องต้องตาย ! ”
  ระหว่างที่พูดนั้นเขาก็ได้จับคัมภีร์เอาไว้
  ต่อมาปราณสุสานในคัมภีร์ก็ไหลเข้าไปในตัวเขา มันน่ากลัวกว่าปราณสุสานที่นี่ สำหรับจางหยูที่เป็นกึ่งผู้ควบคุมขั้นที่ 9 ก็เกือบจะรับมือไม่ไหว จิ่งชานที่เป็นแค่ผู้นำจะรับมือได้อย่างไร ?
  ในพริบตาสติของจิ่งชานก็โดนกลืนกินและกลายเป็นหุ่นเชิด
  ตาของเขาขาวสนิท ใบหน้าบิดเบี้ยวด้วยความโกรธ
  ในสายตาของเขามีแต่ความอาฆาต ตอนนี้เขาแค่ต้องการฆ่าทุกคนที่อยู่ที่นี่
  จ้านเทียนเกอกำลังจะลงมือ แต่จางหยูได้ห้ามเอาไว้ “ อย่าเสียเวลากับเขา ข้าจัดการเอง ”
  ในตอนที่เบเกิลสงสัยอยู่นั้น จางหยูก็หายตัวไป วินาทีต่อมาเขาก็ปราฏตัวขึ้นตรงหน้าจิ่งชาน ก่อนที่จะพุ่งเข้าใส่อีกฝ่าย เขาสะบัดมือออก จากนั้นก็มีมือขนาดใหญ่ก่อตัวขึ้นมา มือพลังสร้างได้กำจิ่งชานเอาไว้ก่อนจะกำลงช้าๆ
  จิ่งชานดิ้นไปมาแต่มือนั้นราวกับคีมเหล็กที่ดิ้นยังไงก็ไม่หลุด
  ตูม !
  ตอนที่มือนั้นบีบถึงขีดสุด จิ่งชานก็โดนบีบจนตัวระเบิดออก
  ผู้นำที่แข็งแกร่งไม่อาจจะต้านทานจางหยูได้เลยแม้แต่น้อย !
  “ อึก..” เบเกิลอึ้งจนลืมหายใจ ตาของเขาเบิกกว้างพร้อมเสียงที่สั่น “ ขั้น 9….”
  “ อึก ” ทัลซาเองก็กลืนน้ำลายเช่นกัน “ ผู้ควบคุมขั้น 9 !”
  จางหยูไม่ได้สนใจทั้งสองและได้ใช้มือนั้นจับคัมภีร์เอาไว้
  แต่ครั้งนี้เขาระวังกว่าเดิม เขาแสดงสีหน้าเคร่งเครียดออกมา โชคดีที่ตอนที่จับไปที่คัมภีร์นั้นมันไม่มีปราณสุสานรั่วไหลออกมาอีก ดูเหมือนว่าปราณที่เหลือจะเข้าไปในตัวจิ่งชานหมดแล้ว
  “ ได้เวลาเก็บเกี่ยวแล้ว ” จางหยูมองไปที่ลาวาด้านล่างก่อนจะใช้มือกวาดลงไป
  สมบัติอีกสี่ชิ้นถูกเก็บขึ้นมาทีละชิ้นๆแต่แปลกที่มันไม่มีปราณสุสานแฝงอยู่เลยแม้แต่น้อย มันต่างจากคัมภีร์อย่างมาก
  ตอนที่จางหยูเก็บเอาสมบัติทั้งหมดมาแล้ว ภูเขาไฟก็เริ่มสั่นไหวอย่างรุนแรงพร้อมลาวาที่ถูกพ่นออกมา อุณหภูมิโดยรอบเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ต่อมาลาวานับไม่ถ้วนก็รวมตัวกันบนท้องฟ้าและเปลี่ยนเป็นใบหน้าขนาดใหญ่
  ใบหน้านี้สร้างขึ้นมาจากลาวา !
  ใบหน้านี้ดูราวกับมีชีวิต มันราวกับสิ่งมีชีวิตเก่าแก่ได้ตื่นขึ้นมาจากการหลับใหล มันค่อยๆลืมตาขึ้นมาช้าๆ
  “ ฮ่าฮ่า…ยินดีด้วยกับคนที่ได้สมบัติที่แท้จริงของสุสานนี้ไป ! ” ชายคนนั้นยิ้มออกมาและพูดขึ้น “ ข้าขอแนะนำตัวก่อน ข้าแซ่จิ่ง ชื่อยง แน่นอนผู้คนมักจะเรียกข้าว่า…ราชาตะวันออก เจ้าของสุสานแห่งนี้ !”
  จางหยู, จ้านเทียนเกอ, เบเกิลและทัลซาต่างก็มองไปที่ใบหน้านั้นด้วยความตะลึง ราชาตะวันออกตายไปแล้วไม่ใช่รึ?
  “ 1.3 ล้านปีผ่านมา บางทีโลกอาจจะลืมข้าไปแล้วแต่ในกระแสเวลาไม่อาจจะลบร่องรอยของข้าไปได้…” ใบหน้านั้นเหมือนจะเศร้า แม้ว่าจะเศร้าแต่ก็ดูมั่นใจอย่างมาก “ พวกเจ้าคงคิดว่าข้าตายแล้วสินะ ? ฮาฮา ไม่ต้องกังวล ข้าน่ะตายไปแล้ว นี่แค่เศษเสี้ยวชีวิตของข้าที่คงภาพนี้เอาไว้ ”
  เมื่อได้ยินแบบนั้นทุกคนก็พากันถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
  ตะกี้นี้พวกเขาคิดว่าราชาตะวันออกฟื้นคืนชีพกลับมา !
  แต่เมื่อราชาตะวันออกตายไปแล้ว ทำไมถึงต้องคงจิตไว้เช่นนี้ ?
  นอกจากนี้แล้วราชาตะวันออกเดาได้ยังไงว่าสุสานนี้จะปรากฏขึ้นในอีก 1.3 ล้านปีและจะมีคนได้สมบัติไป ?
  “ ข้ารู้ว่าพวกเจ้าคงสงสัย ไม่ต้องรีบร้อน ข้าจะบอกพวกเจ้าเอง ” ราชาตะวันออกยิ้มออกมา “ โลกรู้ว่าผู้ควบคุมขั้น 9 คือตัวตนที่แข็งแกร่งที่สุดแต่ผู้ควบคุมขั้น 9 ก็ยังมีระดับต่ำ, กลางและสูงอยู่ ผู้ควบคุมขั้น 9 ระดับสูงฆ่าผู้ควบคุมขั้น 9 ระดับต่ำได้ เหมือนกับผู้ควบคุมขั้น 9 ฆ่าผู้ควบคุมขั้น 8 ได้อย่างง่ายดาย ข้าจิ่งยงคือผู้ควบคุมขั้น 9 ที่แกร่งที่สุดในยุคข้า หากดูทั้งโกลาหลแล้วไม่มีผู้ควบคุมขั้น 9 คนไหนที่แข็งแกร่งกว่าข้าได้ ”
  เสียงของราชาตะวันออกนั้นราบเรียบแต่คำพูดของเขานั้นน่าตกใจ
  “ ข้าเคยคิดว่าพบกับจุดจบของการบ่มเพาะแล้ว มันคือระดับสูงสุด ” ราชาตะวันออกพูดขึ้น “ จนกระทั่งข้าได้ไปยังที่ที่เรียกว่าดินแดนแห่งการร่วงหล่น ข้าได้เจอกับผู้ควบคุมขั้นที่ 9 มากมาย มีหลายคนที่แข็งแกร่งพอๆกับข้า..แต่พวกเขาโดนปราณสุสานครอบงำ พวกเขาไม่มีสติของตัวเอง ”
  จางหยูเคยพูดคุยกับหงอีและได้ยินเรื่องดินแดนแห่งการรร่วงหล่น อีกชื่อของมันคือสุสานสวรรค์ !
  ราชาตะวันออกได้เข้าไปในสุสานสวรรค์ !
  ยิ่งกว่านั้นเขาอาจจะเข้าไปลึกกว่าจางหยูและคนอื่นๆ ความเข้าใจที่เขามีต่อสุสานต้องมากกว่าจางหยูและคนอื่นๆอย่างแน่นอน !
  “ ดินแดนแห่งการร่วงหล่นนั้นน่ากลัว ผู้ควบคุมขั้นที่ 9 ในสุสานแห่งนั้นน่ากลัวกว่าผู้ควบคุมขั้นที่ 9 ทั่วไป !” ไม่รู้เลยว่าเขานึกถึงอะไรอยู่ แต่สายตาเขากลับแสดงความกลัวออกมา มันคิดภาพออกว่าสิ่งที่เขาพูดถึงนั้นน่ากลัวแค่ไหน “ ด้วยความแข็งแกร่งของข้าและการเสียสละของสหายผู้นั้น ทำให้ข้าหนีรอดออกมาได้ แต่ปราณสุสานได้รุกล้ำเข้ามาในตัวข้า …”
  ราชาตะวันออกสูดหายใจเข้าลึกๆแล้วพูดขึ้น “มันมีความลับยิ่งใหญ่อยู่ด้านใน ข้าอยากสำรวจความลับนั้นแต่โชคร้ายที่ไม่มีพลังเพียงพอ…สุดท้ายข้าต้องออกจากที่นั่นมา ข้าหวังว่าในอนาคตจะมีคนสืบทอดเจตนารมณ์ของข้า ”
  คำพูดของเขาเต็มไปด้วยความเสียดาย
  เขาไม่เคยพ่ายแพ้ให้กับใคร เขาเพิ่งจะเข้าไปในสุสานสวรรค์แต่ก็ต้องหนีกลับมา เขาจะยอมรับได้ยังไง?

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบเจ้าสำนัก