ระบบเจ้าสำนัก นิยาย บท 1778

หากต้วนเทียนหยาให้เบาะแสว่าจิตสุสานบาดเจ็บแล้ว งั้นอัลเวอร์ก็เป็นคนยืนยันว่ามันบาดเจ็บจริงๆ
  จิตสุสานบาดเจ็บจริงๆ !
  มันไม่จำเป็นต้องเสแสร้งเพราะมันไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้นต่อหน้าคนระดับสิบเท่า !
  ดังนั้นปัญหาจึงอยู่ที่จุดนี้
  ใครกันที่ทำให้มันบาดเจ็บ ?
  ด้วยความแข็งแกร่งของจิตสุสาน จางหยูคิดไม่ออกจริงๆเลยว่าใครกันที่ทำให้มันบาดเจ็บ
  ในโกลาหลแห่งนี้นอกจากจิตสุสานและต้นไม้โกลาหลแล้วยังมียอดฝีมือคนอื่นที่เหนือกว่าราชาอีกรึ?
  ต้องรู้ก่อนว่าจิตสุสานนั้นไม่ใช่แค่เหนือกว่าราชาแต่ยังเหนือกว่ามาก พลังของมันสามารถกำจัดราชาได้อย่างง่ายดาย !
  “ เข้าใจแล้ว” จางหยูพยักหน้าให้กับอัลเวอร์และพูดขึ้น “เจ้าไปที่โลกป่าก่อนเพื่อพักฟื้นที่นั่น”
  เมื่อพูดจบจางหยูก็ได้ส่งทุกคนไปที่โลกป่า
  “ ช้าก่อน” อัลเวอร์อยากจะพูดบางอย่างแต่ยังไม่ทันได้พูดออกมาก็ถูกส่งไปที่โลกป่าแล้ว
  เมื่อได้สติกลับมาเขาก็ปรากฏตัวขึ้นในโลกป่า
  “ ข้าแค่อยากถาม…” อัลเวอร์ยิ้มแห้งๆออกมา “ ว่าหงอีเป็นยังไงบ้าง นางยังทนทุกข์เพราะคำสาปอยู่อีกรึไม่…”
  เขานึกถึงหงอีมาโดยตลอด แม้ว่าเขาจะได้อิสระกลับมาแต่เขาก็ไม่ได้ดีใจอะไรนัก
  บางทีแทนที่จะได้อิสระกลับมาไม่สู้ช่วยปลดคำสาปให้นางจะดีกว่า
  อัลเวอร์ส่ายหน้าสลัดความคิดนี้ทิ้ง ไม่นานสีหน้าเขาก็เปลี่ยนไป “ ยอดฝีมือจำนวนมาก !”
  ในพริบตาเขาก็รับรู้ได้ถึงผู้ควบคุมขั้น 9 หลายสิบคน มีหลายคนที่เขามองระดับไม่ออก
  “ ใครกันที่กล้าแอบดูข้า !” คนระดับร้อยเท่าพูดขึ้นจนทำให้อัลเวอร์ตัวสั่น จิตผู้สร้างของเขาก็สั่นไหวไปด้วย
  อัลเวอร์คิดว่าเขากับผู้นำเหล่านี้ก็เป็นกองกำลังที่แข็งแกร่งแล้ว
  “ พระเจ้า นี่มันที่ไหนกัน ทำไมถึงมียอดฝีมือมากมายเช่นนี้” อัลเวอร์หน้าซีดและตัวสั่น
  แม้แต่อัลเวอร์ก็ยังกลัวขนาดนี้ นี่ไม่ต้องพูดถึงพวกผู้นำเลย พวกนั้นกลัวจนไม่กล้าพูดอะไรออกมาเพราะกลัวโดนตบ
  ตอนนั้นเองเจ้าสำนักก็มาหาพวกเขา
  “ เจ้าสำนัก !” ทุกคนรีบทำความเคารพทันที  เจ้าสำนักพูดขึ้น “ นี่คือโลกป่า ที่นี่คือที่ตั้งของสำนักคังเฉียง ยอดฝีมือภายนอกมากมายได้มาที่นี่รวมถึงผู้ควบคุมขั้นที่ 9 รึแม้แต่พวกระดับร้อยเท่า, พันเท่า…”
  ตั้งแต่ที่จางหยูและซุนเมิ่งสู้กัน ทั้งโกลาหลก็ตะลึง มันำทให้ผู้คนมากมายแห่กันมาที่นี่ ที่นี่ไม่ใช่ตำนานอีกต่อไป ทั้งโกลาหลต่างก็คึกคักราวกับเข้าสู่ยุคใหม่
  …
  ที่บรรพกาลของโลกบรรพกาล
  “ ใครกันที่ทำร้ายจิตสุสานได้ ?” จางหยูคิดถึงคำถามนี้
  โกลาหลมีคนที่ทัดเทียมกับจิตสุสานซ่อนตัวอยู่หรืออาจจะแข็งแกร่งกว่าจิตสุสานและต้นไม้โกลาหล นี่คือสิ่งที่จางหยูคาดไม่ถึง
  เขาเคยคิดว่าด้วยความแข็งแกร่งของเขาในตอนนี้แล้ว ไม่มีใครเทียบเขาได้ ไม่มีใครเป็นอันตรายต่อชีวิตเขาได้ แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าเขาจะประเมินตัวเองสูงเกินไป  คนที่ทำร้ายจิตสุสานได้นั้นจะต้องมีความสามารถที่จะฆ่าเขาได้!
  จางหยูนึกถึงคนมากมายแต่สุดท้ายก็นึกถึงบรรพชนกระดูก หากบอกว่าใครมีความสามารถ งั้นบางทีบรรพชนกระดูกอาจจะเป็นคนนั้น
  คนในกลุ่มราชาที่จางหยูเคยเจอมา แม้แต่ซุนซิง จางหยูก็มองระดับความแข็งแกร่งออก ชัดแล้วว่าพวกนั้นไม่ได้เป็นภัยต่อจางหยู
  แม้แต่ซุนซิงก็ไม่อาจจะทำให้จางหยูรู้สึกกดดันได้ มีแค่บรรพชนกระดูกเท่านั้นที่จางหยูมองระดับไม่ออก ตัวของบรรพกชนกระดูกนั้นราวกับชั้นหมอกที่ทำให้เขารู้สึกถึงความพร่ามัว
  แม้ซุนเมิ่งจะบอกว่าบรรพชนกระดูกสู้กับราชาได้แค่สามคน แต่ไม่มีใครรู้ว่าบรรพชนกระดูกออมมือรึไม่
  “ หากอีกฝ่ายเป็นบรรพชนกระดูกจริงๆ งั้นทำไมเขาถึงต้องทำร้ายจิตสุสานด้วย?”จางหยูสงสัยขึ้นมา
  บรรพชนกระดูกเกี่ยวข้องยังไงกับจิตสุสาน ?
  แน่นอนนี่แค่การคาดเดาของจางหยู คนที่ทำร้ายจิตสุสานอาจจะไม่ใช่บรรพชนกระดูก บางทีอาจจะเป็นคนอื่น
  จางหยูมั่นใจแค่ว่าบรรพชนกระดูกต้องปิดบังความลับเอาไว้ หากอยากรู้ว่ามันคือความลับอะไรเขาก็ต้องขุดคุ้ยต่อ
  …
  ที่สุสานสวรรค์
  จางลู่ได้ทำลายลาน แต่จิตสุสานกลับไม่ปรากฏตัว จิตสุสานทำราวกับมันเป็นเรื่องปกติ ไม่ว่าจางลู่จะเคลื่อนไหวยังไง แต่มันก็ไม่มีวี่แววของจิตสุสาน
  “ ข้ากลัวไปเองรึ ?” จางลู่ขมวดคิ้ว แต่เมื่อนึกถึงจิตอันน่ากลัวในตอนแรก ความรู้สึกแบบนั้นยังคงฝังลึกในใจเขา ต่อหน้าจิตแบบนั้นดูเหมือนว่าความตายกำลังย่ำกรายเข้ามาจางลู่มั่นใจว่าเขาไม่ได้คิดไปเอง
  จางหยูรับรู้ได้ถึงความสับสนของจางลู่ เขาจึงได้บอกว่าจิตสุสานอาจจะบาดเจ็บ
  เมื่อรู้ว่าจิตสุสานบาดเจ็บ จางลู่ก็กระจ่างทันที “ ไม่แปลกเลย !”
  ไม่แปลกเลยที่จิตสุสานถึงไม่ปรากฏตัว มันไม่ใช่ไม่อยากปรากฏตัวแต่เพราะมันบาดเจ็บงั้นรึ ?
  เมื่อคิดแบบนั้นจางลู่ก็ใจชื้นขึ้นมา เขาผ่อนคลายขึ้นมาอย่างมาก เมื่อจิตสุสานอาจจะบาดเจ็บ งั้นเขาก็สามารถทำภารกิจนี้ให้สำเร็จได้ง่ายขึ้นกว่าเก่า
  เมื่อมองไปยังวิหารที่พังลงไปและลานที่ถูกทำลายลง จางลู่ก็ได้เปลี่ยนเป็นลำแสงแล้วพุ่งออกไปอีกทาง ไม่นานเขาก็มาถึงลานแห่งที่สองพร้อมกับกลุ่มผู้นำและผู้ควบคุมขั้นที่ 9 อีกคน
  จางลู่ไม่รอให้พวกนั้นโจมตี เขายังทำวิธีเดิมและส่งพวกนั้นกลับไปที่โลกตันเถียน  “ ไม่มีทักษะสร้างระดับสูงรึ ?” จางลู่มองไปที่ลานอันว่างเปล่า สายตาเขามองไปที่รูปปั้นแต่กลับไม่รู้สึกถึงทักษะระดับสูงเลย “ รึว่าข้าทำไม่ถูกวิธี ?”
  เขาลองคิดใหม่ หลังจากที่ตรวจสอบดูดีๆแล้วเขาก็ตัดสินใจว่ามันไม่มีทักษะระดับสูงอยู่ เขาได้ทำลายลานนั้นแล้วมุ่งหน้าไปยังลานต่อไป
  ที่บรรพกาล
  จางหยูได้กำจัดปราณสุสานให้กับทุกคนจนพวกนั้นได้สติกลับมา โชคร้ายที่คนกลุ่มนี้รู้ข้อมูลไม่ได้มากเท่ากับกลุ่มของอัลเวอร์ด้วยซ้ำ จางหยูได้แต่ส่งพวกนี้กลับไปที่โลกป่าโดยมีเงื่อนไขแบบเดียวกับคนอื่นๆที่ต้องรับใช้สำนักคังเฉียง 1 ยุค
  ผ่านมาแค่ครู่เดียวจางหยูก็ได้ผู้ควบคุมขั้นที่ 9 มาสองคนรวมถึงผู้นำเกือบร้อยคน คนเหล่านี้ไม่ใช่แค่คนระดับสูงเท่านั้น แต่ยังมีพรสวรรค์ ด้วยการที่มีพวกนี้คอยช่วย สำนักคังเฉียงก็จะควบคุมโลกป่าและสร้างชื่อเสียงได้มั่นคงกว่าเก่า
  ในสุสานสวรรค์จางลู่ได้เดินหน้าต่อ ทุกครั้งที่เขาทำลายลาน เขาจะส่งหุ่นเชิดเข้าไปในโลกตันเถียนก่อนแล้วค่อยทำลายลาน ส่วนจางหยูจะช่วยลบปราณสุสานให้ก่อนจะถามข้อมูลเกี่ยวกับสุสาน สุดท้ายก็วางเงื่อนไขให้พวกนั้นรับใช้สำนักคังเฉียง 1 ยุคก่อนที่จะส่งไปที่โลกป่า
  หากพบพวกคนชั่ว จางหยูก็ไม่จำเป็นต้องกำจัดพวกนั้นทิ้ง เขาแค่ส่งพวกนั้นกลับไปที่สุสาน แต่จนถึงตอนนี้จางหยูก็ยังไม่พบกับพวกคนชั่วเลย สำหรับเงื่อนไขของจางหยูแล้ว มันไม่มีใครบ่นแม้แต่คนเดียว
  สุดท้ายจางลู่ก็ทำลายลานไปได้กว่า 7 แห่งและได้ผู้นำมากว่า 300-400 คนรวมถึงผู้ควบคุมขั้น 9 อีก 7 คน แม้ว่าจะอยู่ระดับสิบเท่าแต่ก็ยังช่วยสำนักคังเฉียงได้อย่างมาก
  ตอนนั้นจางลู่ก็พบกับลานแห่งที่ 8 แต่มันไม่เหมือนเจ็ดลานแรก จำนวนผู้นำมีมากกว่าถึง 100 คน จำนวนผู้ควบคุมขั้น 9 มีถึง 3 คน  “ มันใหญ่ขึ้นกว่าเก่า” จางลู่คิดบางทีลานนี้อาจจะมีข้อมูลมากกว่า

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบเจ้าสำนัก