ระบบเจ้าสำนัก นิยาย บท 1791

คำพูดของบรรพชนกระดูกนั้นน่าเชื่อถือกว่าจิตมรณะ แต่จางลู่ก็ยังมีข้อสงสัยในใจ
  “ ในเมื่อเจ้าบอกว่าจิตมรณะนั้นเป็นตัวแทนของการทำลายล้างและความตาย งั้นมันมีเป้าหมายอะไรในการสร้างลานแห่งวิวรณ์ขึ้นมา ? มันรู้ถึงกฎวิวรณ์ได้ยังไง ?” จางลู่รู้สึกมึนงงที่จิตมรณะได้สร้างลานแห่งวิวรณ์ขึ้นมา ในฐานะตัวแทนการทำลายล้างและความตายแล้ว มันกลับเชี่ยวชาญกฎวิวรณ์ที่จ้าวโกลาหลและร่างแยกเชี่ยวชาญได้ มันดูขัดกับหลักการ
  เขามองไปที่บรรพชนกระดูกและคาดหวังว่าจะได้คำตอบ
  บรรพชนกระดูกพูดขึ้นมาอย่างช้าๆ “ ที่จิตมรณะสร้างมันขึ้นมาก็เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับตัวเองก็เท่านั้น”
  “ เพิ่มความแข็งแกร่งให้กับตัวเองรึ ?” จางลู่ถามขึ้นมา “ ลานแห่งวิวรณ์สามารถเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับมันได้ด้วยรึ?”
  บรรพชนกระดูกพยักหน้า “ อันที่จริงแล้วมันไม่ใช่กฎวิวรณ์ที่แท้จริงแต่เป็นวิธีตรงกันข้ามกับกฎวิวรณ์ มันคือการทำลายล้างและความตาย นั่นคือความสามารถที่มันมีมาตั้งแต่กำเนิด กฎวิวรณ์มีไว้เพื่อสร้างความโกลาหล ส่วนของมันคือกฎทำลายล้าง ทั้งสองคือกฎที่ตรงข้ามกัน แต่เพราะความตรงข้ามกันนี้จึงทำให้มันดูคล้ายกัน”
  บรรพชนกระดูกเงียบไปชั่วครู่แล้วพูดต่อว่า “ มันสังหารเหล่าผู้ควบคุมระดับต่ำเพื่อลดทอนพลังชีวิตในโกลาหล มันควบคุมผู้ควบคุมขั้นที่ 9 และให้หุ่นเชิดพวกนั้นสังเวยพลังสร้าง เพื่อทำให้ปราณสุสานสามารถรับมือกับพลังสร้างและโกลาหลได้ ดังนั้นยิ่งหุ่นเชิดให้พลังกับลานมากเท่าไหร่ มันก็ยิ่งได้พลังมากเท่านั้นและยิ่งเป็นภัยต่อผู้ควบคุมมากขึ้นไปด้วย”
  ได้ยินแบบนั้นจางลู่ก็รู้สึกว่ามันมีเหตุผล
  “ สุสานสวรรค์ ชื่อเต็มๆของมันคือลานทลายสวรรค์ ในทางกลับกันแล้วโกลาหลนภาก็คือลานแห่งวิวรณ์” บรรพชนกระดูกสรุป “ เป้าหมายของลานทลายสวรรค์คือการทำลายล้าง”
  คำพูดนี้ฟังดูมีเหตุผล อย่างน้อยจางลู่ก็ไม่อาจจะมองช่องโหว่ออก
  หากเทียบกับคำพูดของจิตมรณะแล้ว จางลู่ยอมเชื่อบรรพชนกระดูกมากกว่า แม้จะไม่มั่นใจว่าบรรพชนกระดูกจะพูดความจริงรึไม่ แต่มันก็น่าจะใกล้เคียงกับความจริงมากกว่า
  “ ชื่อจริงของเจ้าคือไห่อู่เซิงรึ ?” จางลู่เปลี่ยนเรื่อง “ ข้าได้ยินมาว่าเมื่อหลายล้านปีก่อนเจ้าไปที่สุสานสวรรค์และโจมตีจิตมรณะ นั่นคือความจริงรึ ?”
  บรรพชนกระดูกส่ายหน้า “ ข้าไปสุสานสวรรค์เพื่อทำบางอย่างจริง แต่ไม่ได้ทำร้ายจิตมรณะ…เจ้าก็รู้ ว่าจิตมรณะถือว่าเป็นการทำลายล้างและความตาย มันไม่มีชีวิต ตัวตนที่ว่างเปล่าเช่นนั้นจะบาดเจ็บได้ยังไง ?”   จางลู่สับสน “ นี่มันอะไรกันแน่ ?”
  “ ข้าแค่ไปทำลายลานที่นั่น” บรรพชนกระดูกพูดขึ้น “ จิตมรณะไม่มีความสามารถในการโจมตี พลังของมันมาจากการทำลายล้างและความตาย ถือว่าเป็นนามธรรมชนิดหนึ่ง เป็นเพียงแค่ความว่างเปล่า ก็เหมือนกับโชคชะตาที่ไร้ตัวตนนั่นแหละ วิธีเดียวที่จะมีอิทธิพลต่อผู้อื่นได้ คือการควบคุมปราณสุสาน แต่ปราณสุสานนั้นทำได้แค่ครอบงำผู้คนให้กลายเป็นหุ่นเชิด ไม่สามารถฆ่าโดยตรงได้ ดังนั้นหากมันต้องการจะฆ่าใคร ทางเดียวก็คือควบคุมคนแล้วให้พวกเขาฆ่ากันเอง”
  เมื่อได้ยินแบบนั้นจางลู่ก็อดไม่ได้ที่จะพยักหน้า พวกที่ตายไปนั้นดูเหมือนว่าจะตายไปเพราะหุ่นเชิดจริงๆ อย่างน้อยจางลู่ก็ยังไม่เคยเห็นจิตมรณะลงมือฆ่าใคร
  “ ปราณสุสานนั้นแข็งแกร่งอย่างมาก โดยเฉพาะหลังจากที่เติบโตมานาน มันก็แกร่งขึ้นเรื่อยๆ น้อยคนนักที่ต้านทานมันได้ แต่ข้าไม่เหมือนกัน ข้าที่เป็นร่างแยกของจ้าวโกลาหลนั้นมีความแข็งแกร่งอยู่ในขอบเขตการสร้างไร้จำกัด ปราณสุสานจะไม่ส่งผลต่อข้า” เขาพูดออกมาด้วยความมั่นใจ “ ดังนั้นข้าจึงเข้าไปที่สุสานและทำลายลานเหล่านั้นทิ้ง แม้ว่าจิตมรณะจะควบคุมหุ่นเชิดมากมายมาล้อมข้า แต่ก็ไม่อาจจะเป็นภัยต่อข้าได้ เจ้าคงได้เห็นเศษซากของสุสานมาแล้วสินะ ? นั่นคือผลลัพธ์ของการต่อสู้ระหว่างข้ากับหุ่นเชิดพวกนั้น”
  จางลู่คิดตาม
  จนตอนนี้เขายังจำร่องรอยการต่อสู้เหล่านั้นได้
  “ อันที่จริงแล้วนั่นไม่ใช่ครั้งแรกที่ข้าได้ทำลายลานเหล่านั้น ทุกๆช่วงเวลาหนึ่ง ข้าจะไปที่สุสานและทำลายลานที่นั่น สำหรับว่ากี่ครั้งนั้นข้าไม่ได้นับ” บรรพชนกระดูกพูดขึ้น “ แม้ว่ามันจะไม่ได้ส่งผลกระทบต่อจิตมรณะโดยตรงแต่ก็ถ่วงเวลาในการเพิ่มความแข็งแกร่งของมันได้ มันจะเป็นการยื้อเวลาให้โกลาหลนภาได้เติบโต”
  เขาไม่ได้ลงมือกับจิตมรณะ เขาแค่ทำลายลานที่นั่นแต่คงมีแค่เขาที่กล้าทำเช่นนั้น หากเป็นคนอื่นบางทียังไม่ทันได้ทำลายลานก็คงกลายเป็นหุ่นเชิดไปแล้ว
  เดาว่าจิตมรณะคงเกลียดบรรพชนกระดูกอย่างมาก เขาทำลายแผนการของมันมาหลายครั้งและรบกวนการเติบโตของมัน บอกได้ว่ามันไม่อาจจะทำอะไรบรรพชนกระดูกได้ เพราะปราณสุสานนั้นไม่ส่งผลต่อบรรพชนกระดูก สำหรับหุ่นเชิดแล้ว แม้ว่าจะร่วมมือกันทั้งหมดแต่ก็ไม่อาจจะเป็นคู่มือของบรรพชนกระดูกได้ มันได้แต่มองดูบรรพชนกระดูกทำลายลานของมันไป
  “ เอาจริงๆแล้วหากไม่ใช่เพราะข้าทำลายลานนั้นและยื้อเวลาเอาไว้ ข้าเดาว่ามันคงเกิดการทำลายล้างไปแล้ว” บรรพชนกระดูกพูดขึ้นอย่างใจเย็น
  ที่โกลาหลอยู่มาได้ถึงตอนนี้ก็ถือว่าเป็นผลงานของเขาเช่นกัน  “ สำหรับชื่อข้าแล้ว…จิตมรณะไม่ได้โกหก ข้าชื่อไห่อู่เซิงจริงๆ” นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเปิดเผยชื่อของตัวเอง “แต่ข้าไม่ใช่คนทรยศ ข้าคือร่างแยกของจ้าวโกลาหล”
  “ คำถามสุดท้าย” จางลู่มองไปที่บรรพชนกระดูก “ จ้าวโกลาหลตายได้ยังไง ?”
  เมื่อบรรพชนกระดูกเป็นร่างแยกของจ้าวโกลาหล งั้นเขาก็ต้องรู้เหตุผลที่ร่างหลักของเขาตาย
  “ เจ้าอาจจะไม่เชื่อ แต่จริงๆแล้ว…เขาโดนต่อยด้วยอะไรบางอย่างที่เหมือนกับผึ้ง มันสร้างความเสียหายอย่างร้ายแรง อาการบาดเจ็บแย่ลงเรื่อยๆ สุดท้ายจิตของเขาก็ดับสูญและตายไป” นี่เป็นครั้งแรกที่สายตาของบรรพชนกระดูกสั่นไหว “ ตัวตนเล็กๆนั่นน่ากลัวอย่างมาก มันกลับฆ่าจ้าวโกลาหลได้โดยตรง !”
  เมื่อได้ยินแบบนั้นจางลู่ก็อดไม่ได้ที่จะกลั้นหายใจไปตาม
  ผึ้ง ?   ตัวตนเล็กๆนั่นฆ่าจ้าวโกลาหลได้รึ ?
  มันคงเป็นเรื่องตลกที่สุดในโลกแล้ว !
  แต่ความหวาดกลัวที่บรรพชนกระดูกแสดงออกมานั้นเหมือนไม่ได้โกหก
  “ ผึ้งแบบไหนกันที่ฆ่ายอดฝีมือเช่นนั้นได้ ?” จางลู่ขนลุก ผึ้งนั่นฆ่าจ้าวโกลาหลได้ ไม่ใช่ว่าจะฆ่าจางหยูได้ง่ายๆรึ?
  บรรพชนกระดูกส่ายหน้าและพูดขึ้น “ ไม่มีใครรู้ว่ามันคืออะไร รูปร่างของมันไม่ต่างจากผึ้ง แต่มันคือตัวตนที่น่ากลัวที่สุดในโกลาหล มันฆ่าร่างหลักได้อย่างง่ายดาย เอาจริงๆแล้วข้ากลัวผึ้งมากกว่าจิตมรณะเสียอีก ไม่มีใครรู้ว่ามันคืออะไรหรือมาจากไหน แม้แต่ร่างหลักก็ไม่รู้เรื่องของมัน แต่มันได้ปรากฏตัวและคร่าชีวิตเขาไปได้ง่ายๆ”
  จางลู่สับสน ผึ้งนั่นได้สร้างความกลัวให้กับเขา
  จ้าวโกลาหลนั้นแข็งแกร่งแต่กลับโดนผึ้งต่อยจนตาย ใครจะไปเชื่อ ?   จางลู่ ยอมเชื่อว่านี่คือเรื่องที่แต่งขึ้นมามากกว่า เพราะความจริงนี้ฟังดูน่ากลัวเกินไป
  “ หากข้าเดาไม่ผิด ร่างหลักของเจ้าคงใกล้จะขึ้นไปยังขอบเขตจ้าวโกลาหลแล้วสินะ ? เจ้าควรระวังตัวเอาไว้ ผึ้งลึกลับนั่นอาจจะปรากฏตัวขึ้นมาก็ได้ มันจะดีกว่าถ้าจะเตรียมการไว้ล่วงหน้า ไม่งั้นแล้ว…”
  เมื่อพูดถึงจุดนี้บรรพชนกระดูกก็ไม่ได้พูดต่อ แต่จางลู่ก็เข้าใจว่าอีกฝ่ายจะบอกอะไร
  “ ขอบคุณที่เตือน” จางลู่มองไปที่บรรพชนกระดูก “ข้าไม่คิดว่าด้านนอกโกลาหลนั้นจะมีอันตรายที่แปลกประหลาดเช่นนี้” เขาคิดภาพออกว่าจ้าวโกลาหลตายได้ยังไงและไม่พอใจแค่ไหน แน่นอนว่าหากบรรพชนกระดูกไม่ได้โกหกน่ะนะ
  บรรพชนกระดูกพยักหน้าและถามขึ้น “ มีอะไรที่เจ้าอยากจะถามอีกไหม ? ตราบใดที่ข้ารู้ ข้าจะตอบให้”
  ท่าทีของเขาที่มีต่อจางลู่หรือจางหยูนั้นดูเป็นมิตรตั้งแต่ต้นจนจบ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบเจ้าสำนัก