เก่อเย่ตายไปแล้ว
ร่างกาย, วิญญาณและจิตของเขาโดนทำลายไปอย่างสมบูรณ์
พื้นดินพังราบเป็นหน้ากลองราวกับบ่งบอกถึงการต่อสู้อันดุเดือด
ซุนเหมิงเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าราวกับมองผ่านกระแสเวลาแล้วพูดขึ้น “ บรรพชน เราแก้แค้นให้ท่านได้แล้ว”
ผู้คนโดยรอบต่างก็ตะลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้น
ภายใต้สายตาของผู้คนมากมาย เก่อเย่ที่มีพลังสูงส่งยากจะหาใครทัดเทียมได้ กลับตายไปในเวลาไม่นาน
การตายของซุนเหลียนเชิงนั้นพวกเขาไม่ได้รู้สึกอะไรมาก แต่การได้เห็นการตายของเก่อเย่ตรงหน้านี้ทำให้พวกเขาต่างก็อึ้งไป
แม่ทัพที่ไม่ใช่แค่จ้าวโกลาหลทั่วไป แต่กลับต้องมาตาย “ ข้าขอโทษด้วยอาจารย์ ข้าไม่อาจจะทำตามที่ท่านสั่งได้ …” ซุนเหมิงได้สติกลับมาก่อนจะบอกกับจางลู่และคนอื่นๆ
จางลู่โบกมือและพูดขึ้นมา “ ไม่เป็นไร เรื่องนี้ไม่อาจจะคาดเดาได้ เก่อเย่ยอมตายแทนที่จะเข้าไปในวังวน หากเปลี่ยนเป็นเราแล้ว เราก็ไม่อาจจะทำอะไรได้เช่นกัน”
คำพูดนี้ทำให้ซุนหยานและซุนวูโล่งอกขึ้นมา ตราบใดที่จางลู่และคนอื่นๆไม่ถือโทษพวกเขา พวกเขาก็พอใจแล้ว
“ ลองค้นดู” จางลู่บอกกับเจ้าสำนักและร่างแยกอื่นๆ “ โถงกองทัพสังเกตการณ์พังราบไปหมดแล้ว มันจึงสะดวกกับการค้นหายิ่งกว่าเก่า”
ต่อมาทุกคนก็พากันแผ่การรับรู้ออกไปเพื่อค้นหาว่ากล่องกระบี่นั้นอยู่ที่ไหน
ส่วนที่สำคัญคือคลัง หากไม่พบกล่องกระบี่ในคลัง งั้นมันก็หมายความว่ากล่องกระบี่ไม่ได้อยู่ที่นี่ ผู้คนรอบๆได้แต่กลั้นหายใจและไม่กล้าพูดอะไรออกมา พวกเขาไม่กล้าถามว่าจางลู่หาอะไรอยู่
ซุนเหมิงค่อยๆทะยานลงมาที่พื้น นางจับดาบที่ปักอยู่ที่พื้นขึ้นมา ของชิ้นนี้คือสมบัติที่พวกเขาได้มา ส่วนจะทำยังไงกับมันนั้นนางยังไม่รู้
ผ่านไปสักพัก จางลู่และคนอื่นๆก็ค้นทั้งโถงกองทัพสังเกตการณ์เสร็จ แม้แต่พื้นที่โดยรอบก็โดนค้นเช่นกัน แต่ก็ยังไม่รับรู้ถึงตัวตนของกล่องกระบี่เลย
“แปลก ทำไมกล่องกระบี่ไม่อยู่ในคลัง ?” จางลู่คิ้วขมวดและมองไปยังคนอื่นๆ “พวกเจ้ารับรู้ได้รึไม่ ?”
ทุกคนพากันส่ายหน้า “ ข้าค้นหาทั่วแล้วแต่ก็ไม่เห็นกล่องกระบี่”
นี่ไม่ต้องพูดถึงกล่องกระบี่เลย ของที่คล้ายกันพวกเขาก็ยังหาไม่พบ
“ มันน่าจะอยู่ในคลัง” จางลู่คิ้วขมวด “เขาพกมันไว้กับตัวรึ ?”
ด้วยความแข็งแกร่งของพวกเขาแล้ว มันเป็นไปไม่ได้ที่จะตรวจจับมิติที่เก่อเย่สร้างขึ้นมา บางทีคงมีแค่จักรพรรดิเท่านั้นที่ทำได้
ดังนั้นพวกเขาจึงไม่มั่นใจว่ากล่องกระบี่นั้นอยู่ในมิติแยกส่วนที่เก่อเย่สร้างขึ้นมารึไม่
“ แล้วจะเอายังไงต่อ ?” เจ้าสำนักถามขึ้นมา
“ เราไม่อาจจะทำอะไรต่อได้ เราต้องหาคนที่เกี่ยวข้องกับเก่อเย่” ความว่าเปล่าพูดขึ้น “ เมื่อเก่อเย่ซ่อนมันเอาไว้ เขาต้องทิ้งร่องรอยเอาไว้แน่ มันไม่อาจจะปกปิดอะไรได้โดยสมบูรณ์ หากทำความผิดแล้วปกปิดมันได้ งั้นมันก็ไม่ใช่ความผิด”
การไม่ก่อความผิดคือการปกปิดที่ดีที่สุด
ตอนนั้นเองเฒ่าเทียนจีก็พูดขึ้นมา “ความว่างเปล่า กล่องกระบี่นั่น เก่อเย่ไม่ได้พกมันติดตัวได้”
ทุกคนพากันหันกลับไปมองเฒ่าเทียนจีก่อนจะพูดออกมาเป็นเสียงเดียวกันว่า “ ทำไมกัน ?”
“ ความสำคัญของกล่องกระบี่นั้น เก่อเย่รู้ดีกว่าใคร เขาในฐานะแม่ทัพของกองทัพสังเกตการณ์อาจจะโดนซื่อเซียว เรียกตัวไปตอนไหนก็ได้ หากเขาพกมันกับตัว ด้วยความสามารถของซื่อเซียวแล้ว มันก็เสี่ยงที่จะเปิดเผยเรื่องกล่องกระบี่ และสำหรับคนที่ระวังตัวแบบเก่อเย่แล้ว เขาไม่อาจจะทำแบบนั้นแน่ หากเป็นข้า ข้าไม่มีทางพกของสำคัญแบบนั้นติดตัว ข้าไม่คิดจะรับความเสี่ยงแบบนั้นแน่…”
ทันทีที่ได้ยินแบบนั้นทุกคนก็เห็นว่ามันมีเหตุผล
การวิเคราะห์ของเฒ่าเทียนจีสมเหตุสมผลอย่างมาก
“ มันคงเป็นเรื่องเล็กน้อยที่เราคาดไม่ถึง แต่เจ้ากลับคิดออก” จางลู่กล่าวชมออกมา
เฒ่าเทียนจียิ้มออกมาแต่เขากลับทำท่าเหมือนไม่ได้ยินคำชม จางลู่มองไปรอบๆ “ งั้นทุกคนลองคิดดูว่าเก่อเย่จะเอากล่องกระบี่ไปซ่อนไว้ที่ไหน ?”
โถงกองทัพสังเกตการณ์ไม่มี พวกเขาค้นหาแล้ว และมั่นใจอย่างมาก
แต่พวกเขาก็ไม่ค่อยรู้จักเก่อเย่เท่าไหร่ ดังนั้นจึงไม่อาจจะหาคำตอบที่ถูกต้องได้
จางลู่คิดสักพักก่อนจะเรียกลั่วเซียงเข้ามาหา ลั่วเซียงตัวสั่นแต่ก็ได้แต่ต้องบินเข้ามาหา
“ เจ้ารู้รึไม่ว่าเก่อเย่สนิทกับใคร มีที่พิเศษที่ไหนบ้างที่เขามักจะไป ?” จางลู่ถามขึ้นมา
ลั่วเซียงยิ้มออกมาอย่างขมขื่น ก่อนจะพูดว่า “ แม่ทัพ…ไม่สิ ท่านเก่อเย่ มักจะทำตัวลึกลับ เราไม่รู้ว่าเขาไปที่ไหนบ้าง ยิ่งไปกว่านั้นนอกจากครั้งที่แล้วที่ได้รับคำสั่งจากจักรพรรดิให้ตรวจสอบทีมคังเฉียงแล้ว เขาก็ไม่ได้ออกจากเมืองเลย แม้แต่ร้านอาหารก็ยังไม่ไป ข้าไม่รู้ว่าเขาเคยไปที่ไหนมาบ้าง”
สำหรับว่าเขาสนิทกับใครนั้น ลั่วเซียงก็ไม่อาจจะหาคำตอบได้เช่นกัน
เก่อเย่ทำตัวลึกลับ เขาไม่เชื่อใจใคร เขาจะสนิทกับใครได้ยังไง ?
“ ช้าก่อน…” ลั่วเซียงนึกถึงคนคนหนึ่ง “ อู๋ห่าว!”
เขาเงยหน้าขึ้นและพูดด้วยท่าทีเคารพ “ ท่านเก่อเย่ไม่ได้มายุ่งกับเรา มีแค่ตอนที่มีภารกิจของกองทัพสังเกตการณ์เท่านั้นถึงจะเรียกใช้เรา แต่มีคนเดียวที่เขาเชื่อใจ นั่นก็คืออู๋ห่าว เขาสำคัญกว่าข้าและกวนเหริน หากมีปัญหาอะไรเกี่ยวกับท่านเก่อเย่ บางทีอู๋ห่าวอาจจะรู้ได้”
“ อู๋ห่าวรึ ?” จางลู่ได้ยินชื่อนี้ก็รู้สึกคุ้นหู
ลั่วเซียงอธิบายออกมา “ อู๋ห่าวคือหนึ่งในสามสุดยอดนายพลของกองทัพสังเกตการณ์ ฐานะของเขาทัดเทียมกับข้าและกวนเหริน แต่ตอนนี้เขาไม่ได้ประจำอยู่ที่นี่ เขาโดนย้ายไปยังสำนักงานใหญ่ของสามกองทัพเพื่อดูแลที่นั่น” จางลู่กระจ่างขึ้นมาทันที “ เป็นเขานี่เอง !”
ความทรงจำที่จางหยูส่งมาให้กับพวกเขานั้น มันมีคนที่ชื่ออู๋ห่าวอยู่ด้วย เขาคือหัวหน้าดูแลสำนักงานใหญ่ จางหยู ค่อนข้างประทับใจในตัวอีกฝ่าย ดังนั้นเมื่อจางลู่ได้ยินชื่อนี้จึงรู้สึกคุ้นหู แต่เขาแค่ไม่คิดว่านี่จะเป็นหัวหน้าดูแลสำนักงานใหญ่
“ ดี พวกเจ้าไปได้แล้ว” จางลู่พยักหน้าพร้อมกับบอกกับทุกคน
เมื่อทุกคนได้ยินแบบนั้นก็พากันแยกย้ายออกไปและไม่คิดจะอยู่ต่อ
จางลู่ได้บอกกับซุนเหมิง, ซุนหยาน และซุนวู “ พวกเจ้ากลับไปก่อน กลับไปบอกทุกคนว่าให้เข้าออกเขตซื่อเซียวได้อย่างอิสระไม่ต้องห่วงเรื่องความปลอดภัย…”
ซุนเหมิงลังเลและถามขึ้นมา “แล้วดาบนี่…”
“ นี่เป็นดาบของเจ้า” จางลู่และร่างแยกอื่นๆไม่คิดจะแย่งดาบนี้จากซุนเหมิง พวกเขาเป็นร่างแยกของจางหยู ดังนั้นพวกเขาจึงไม่อยากให้ภาพลักษณ์ของร่างหลักต้องเสียหาย
“ ขอบคุณอาจารย์” ซุนเหมิงพูดขึ้นด้วยความซึ้งใจ
จางลู่ไม่คิดจะแก้คำพูดให้กับซุนเหมิง
เมื่อทั้งสามคนกลับไปแล้ว จางลู่,เจ้าสำนัก และร่างแยกอื่นๆต่างก็พากันเดินทางไปยังเมืองซิงลั่วทันที
สำหรับโถงกองทัพสังเกตการณ์ที่กลายเป็นซาก ไม่มีใครมาเอาผิดพวกเขา ทหารไม่กล้าจะพูดแม้แต่คำเดียวราวกับว่าเรื่องนี้ไม่เคยเกิดขึ้น ยังไงซะพวกเขาก็ได้เห็นซุนเหมิง, ซุนวู และซุนหยานฆ่าเก่อเย่แล้ว จึงเป็นธรรมดาที่พวกเขาจะไม่มีความกล้าพอมาถามหาค่าชดเชยจากทีมคังเฉียง
เรื่องนี้แม้แต่ซื่อเซียวเองก็ยังไม่ใส่ใจ คนอื่นๆจะกล้าท้วงได้ยังไง ?
ที่เมืองซิงลั่ว……. จางลู่และคนอื่นๆได้เดินทางตามข้อมูลที่มีในหัวและกลับมายังสำนักงานใหญ่อีกครั้ง
สิ่งที่เกิดขึ้นในเมืองซื่อเซียวยังไม่ส่งข่าวมาถึงที่นี่ แต่คนส่วนมากที่นี่ก็เคยพบกับจางหยูมาแล้ว ดังนั้นหลังจากที่จางลู่ และคนอื่นๆเข้ามาในสำนักงาน พวกเขาก็พากันไปต้อนรับด้วยท่าทีเคารพและแจ้งเรื่องนี้กับอู๋ห่าวทันที
อู๋ห่าวรีบออกมาต้อนรับพวกเขาด้วยความเคารพ “ เจ้าสำนัก ข้าขอโทษที่มาต้อนรับพวกท่านช้าไป หวังว่าท่านจะเข้าใจ”
ท่าทีของเขาถ่อมตัวและอบอุ่นดูเป็นมิตรอย่างมาก เขาเป็นสุดยอดนายพลจริงๆรึ ?
“ ข้าได้ยินมาว่าเจ้าสนิทกับเก่อเย่รึ ?” จางลู่ถามออกมาตามตรง
อู๋ห่าวชะงักไปชั่วครู่ก่อนจะส่ายหน้า “ ท่านเก่อเย่ไม่เคยเชื่อใจใคร ข้าจะสนิทกับเขาได้ยังไง ?”
เมื่อพูดถึงจุดนี้น้ำเสียงของอู๋ห่าวกลับเปลี่ยนไป “ แต่หากนับนายพลคนอื่นๆในกองทัพสังเกตการณ์แล้ว ท่านเก่อเย่ เชื่อใจข้ามากกว่าคนอื่น…” ตอนที่พูดถึงเรื่องนี้อู๋ห่าวเผยสีหน้าภูมิใจออกมา ยังไงซะการได้รับความเชื่อใจจากเก่อเย่ก็ถือว่าเป็นความสำเร็จของเขา
แต่เขายังไม่รู้เลยว่าแม่ทัพที่เขายกย่อง ตอนนี้ได้กลายเป็นเถ้าไปแล้ว
จางลู่ตาเป็นประกายขึ้นมา “ เป็นความจริงงั้นรึ ?”
อู๋ห่าวพูดขึ้น “หากข้าพูดเท็จ เขาอาจจะลงโทษข้าได้”
“ เจ้ารู้เรื่องกล่องกระบี่รึไม่ ?” จางลู่มองไปที่อู๋ห่าวเพื่อตรวจสอบท่าทีของอู๋ห่าว
อู๋ห่าวพูดขึ้นมา “ กล่องกระบี่รึ ? มันคืออะไร”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบเจ้าสำนัก