ระบบเจ้าสำนัก นิยาย บท 300

ตอนที่ 300 บังสวรรค์(II)
หากเรียนไม่จบเซียวเหยียนและคนอื่น ๆ ก็คงต้องอยู่ในสำนักคังเฉียง
ไปตลอดชีวิต ยังไงซะก็มีแค่ที่นี่เท่านั้น ที่พวกเขาจะได้กินอาหารที่
ทำขึ้นโดยปรมาจารย์กำหนดอาหาร 6 ดาว ซึ่งไม่อาจจะหาได้จาก
ภายนอก
เมื่อได้ยินคำตอบจากเซียวเหยียนกับคนอื่น ๆ จางหยูก็พยักหน้าด้วย
ความพอใจ เขาเชื่อว่าศิษย์ของเขาจะไม่โกหกเพราะพวกนี้ได้ลงนาม
ในสัญญานภาแล้ว
แม้ว่าทุกคนอยากจะฟังเรื่องเล่าจากจางหยูต่อ แต่ก็ไม่มีใครกล้าเร่ง
ให้เขาเล่ามัน
โชคดีที่จางหยูไม่มัวรีรอ หลังจากที่เตือนศิษย์ของตัวเองแล้ว เขาก็
พูดขึ้นต่อ “กลุ่มของเย่ฟ่ านได้เดินทางออกมาจากภูเขาลูกนั้น พวก
เขาเดินออกมาจากดินแดนหวงห้าม ตอนนั้นเองก็เกิดเรื่องไม่คาดคิด
ขึ้น…พวกเขารู้สึกร้อนขึ้นมาราวกับว่าในร่างกายของพวกเขามีไฟ
ลุกไหม้….”
“เย่ฟ่ านและผังป๋ อได้กลายเป็นเด็กน้อยวัย 11 ปี พวกเขาได้กลับไป
เป็นเด็ก แต่หลิวอี้ไม่ได้เปลี่ยนไป ส่วนจางซีหลิงกลับอายุ 20 ปี และ
คนที่เหลือก็ได้เปลี่ยนเป็นคนแก่”
เมื่อเล่าถึงส่วนนี้ แม้ว่าจางหยูจะไม่บอกเหตุผล แต่พวกเขาก็พอจะรู้
ถึงสาเหตุ
“ผลไม้ เพราะผลไม้ลึกลับ !” ดวงตาของหลินจื้อเป่ ยเป็นประกาย
ขึ้นมา
“พวกเขาได้กินผลไม้ลึกลับเข้าไป พวกที่กลายเป็นคนแก่คือพวกที่
ไม่ได้กินผลไม้เข้าไป” ดูเหมือนว่าผลไม้ลึกลับนั่นจะไม่ธรรมดา มัน
อาจจะมีพลังอย่างอื่นด้วย
“แต่ทำไมพวกเขาถึงแก่ลง ?” ผู้คนพากันสับสน
ตอนที่จางหยูพูดถึงคำสาป อยู่ ๆ ทุกคนก็ตระหนักได้พร้อมกับความ
กลัวที่ก่อตัวขึ้นมาในใจ คำสาปแบบไหนกันที่มีพลังน่ากลัวแบบนั้น
ที่สามารถทำให้คนหนุ่มเปลี่ยนเป็นคนแก่ได้ ?
เขตหวงห้ามนี่ช่างน่ากลัวจริง ๆ !
“กลุ่มของเย่ฟ่ านได้เดินหน้าต่อไปยังวังอมตะ แต่ตอนที่ปีนเขาขึ้นไป
พวกเขาก็พบว่าพวกเขายังมีเขาอีกลูกคั่นระหว่างวังอมตะอยู่ ไม่รู้ว่า
ทำไมทั้ง ๆ ที่เดินหน้าต่อ แต่ระยะทางกลับไม่เปลี่ยนไปเลย” จางหยู
พูดขึ้น
ในหมู่ผู้คนมีคนหนึ่งได้พูดขึ้นมา “ข้ารู้แล้ว มันคือค่ายกล !”
ชายคนนี้เป็นนักวางค่ายกล 2 ดาว “อาจจะเป็นค่ายกลเงาหรือค่ายกล
ปริศนา มีแค่สองค่ายกลนี้เท่านั้นที่จะทำแบบนั้นได้”
เมื่อพูดไปแล้วชายคนนี้ก็คิ้วขมวด “แต่การที่จะครอบคลุมภูเขาทั้ง
ลูกนั้น ค่ายกลที่ต่ำกว่าขั้นที่ 3 คงจะเป็นไปไม่ได้ แม้แต่ค่ายกลขั้นที่
4 ก็อาจจะไม่พอ”
ตอนที่หลินจื้อเป่ ยได้ยินแบบนั้น สายตาพวกเขาก็เปลี่ยนไป แต่เขาก็
ไม่ได้พูดอะไรออกมา เพราะเขาไม่รู้ว่าควรพูดอะไรออกมาดี
“ข้าไม่ใช่นักวางค่ายกล แต่ข้าก็มีเพื่อนที่เป็นปรมาจารย์วางค่ายกล
ตามที่เพื่อนข้าบอกมานั้น ค่ายกลขั้นที่ 4 ยากจะครอบคลุมพื้นที่ที่
ใหญ่แบบนั้นได้” อู่ฉิงฉวนคิดและพูดขึ้นมา “หากวางค่ายกลขั้นที่ 4
ไว้สี่ทิศรอบภูเขา พลังในแต่ละส่วนอาจจะน้อยนิด การจะทำอย่างที่
เจ้าสำนักบอกได้ คงต้องเป็นค่ายกลขั้น 5 หรือ 6”
ค่ายกลขั้น 6 ?
คนที่ได้ยินแบบนั้นต่างก็พากันกลืนน้ำลาย
ปรมาจารย์วางค่ายกล 6 ดาวที่มีฐานะสูงส่งกว่าปรมาจารย์กำหนด
อาหาร 6 ดาว แม้แต่พวกขอบเขตตุ้นซวนก็ไม่อาจจะยกตัวเหนือ
ปรมาจารย์วางค่ายกล 6 ดาวเลย
“แน่นอนว่าข้าแค่คาดเดา จะใช่หรือไม่นั้น ข้าเองก็ยังไม่รู้แน่ชัด” อู่
ฉิงฉวนพูดขึ้นมา
ทุกคนต่างก็มองไปที่จางหยูและหวังว่าจางหยูจะอธิบายเรื่องนี้
จางหยูเหมือนจะไม่เห็นสายตาของผู้คนที่มองมา และทำการเล่าเรื่อง
ต่อ “ท้องฟ้า…สุดท้ายก็มืดลง ตอนที่กลุ่มของเย่ฟ่ านแทบจะสิ้นหวัง
อยู่ ๆ ท้องฟ้าก็มีแสงหลากสีปรากฏขึ้นมา แสงนี้ดูสะดุดตาอย่างมาก
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือมันมีเงาอยู่ในสายรุ้งที่ลอยอยู่ในท้องฟ้าอยู่ด้วย
เงานั้นได้บินมาหาพวกเขาอย่างรวดเร็ว และตัดผ่านท้องฟ้ามาใน
เสี้ยวพริบตา”
ตอนแรกทุกคนไม่ได้สนใจมากนัก การบินนั้นคือสิ่งที่หลายคนก็
สามารถทำได้
ตราบใดที่ขึ้นไปถึงขอบเขตตันซวนได้ เราก็สามารถบินได้ !
มันมีพวกขอบเขตตันซวนหลายคน รวมไปถึงพวกขอบเขตหลิง
ซวนและหลี่ซวนอยู่ด้วย
แต่สีหน้าของพวกเขากลับเคร่งเครียดขึ้นมา โดยเฉพาะกลุ่มของหลิน
จื้อเป่ ยที่มองหน้ากันด้วยสีหน้าตะลึง “ตามที่ท่านเซียนอธิบายแล้ว
ความเร็วของชายผู้นี้…เร็วกว่าเรา ! เขาอยู่ขอบเขตตุ้นซวนงั้นรึ ?”
แม้ว่าจะไม่ใช่ขอบเขตตุ้นซวน แต่แน่นอนว่าจะต้องอยู่ขอบเขตหลี่
ซวนขั้นสูง
เมื่อคิดแบบนั้น พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะมองไปที่อู่ฉิงฉวน
อู่ฉิงฉวนพูดขึ้นมา “หากทุ่มสุดตัว ข้าอาจจะทำแบบนั้นได้”
เมื่อได้ยินแบบนั้น หลินจื้อเป่ ยและคนอื่น ๆ ก็พอจะตัดสินความ
แข็งแกร่งของชายในเรื่องได้
ขอบเขตหลี่ซวนขั้นสูงไม่ก็ขอบเขตตุ้นซวน
“ในสายรุ้งนั้นคือหญิงสาว นางมีร่างกายที่เพรียวบางและผิวที่เหมือน
กับหยก…ร่างของนางส่องประกายแสงออกมา” ตอนที่จางหยู
อธิบายนั้น ภาพลักษณ์ของนางฟ้าก็ปรากฏขึ้นมาในใจของผู้คน
คนในกลุ่มหลินจื้อเป่ ยและคนของสำนักคังเฉียง ต่างก็อดไม่ได้ที่จะ
มองไปยังไป่ หลิง ยิ่งพวกเขาคิดเท่าไหร่พวกเขาก็ยิ่งรู้สึกว่าคนที่
จางหยูได้พูดถึงนั้น เหมือนกับไป่ หลิง
“พวกเจ้ามองข้าทำไม ?” เมื่อรู้สึกได้ถึงสายตาจากสัตว์อสูรต่าง ๆ
ไป่ หลิงก็พูดขึ้นด้วยท่าทีกระอักกระอ่วน
ทุกคนต่างก็พากันส่ายหน้า “ไม่มีอะไร”
ทันใดนั้นพวกเขาก็เงยหน้าขึ้นมองจางหยู บางทีมันอาจจะเป็นแค่
เรื่องบังเอิญ ยังไงซะพวกเขาก็รู้ดีว่าร่างของไป่ หลิงนั้นคือจิ้งจอกพัน
หน้า ซึ่งเป็นสัตว์อสูรและเป็นเจ้าแห่งเขตมืด ไม่ใช่นางฟ้า
“จากคำพูดของหญิงสาวผู้นั้น กลุ่มของเย่ฟ่านได้รับรู้เกี่ยวกับดินแดน
ต้องห้ามเพิ่มเติม และรู้ได้ว่าโชคดีแค่ไหนแล้ว ที่ออกมาจากที่นั่นได้
ในเวลาเดียวกัน นางก็ได้บอกกับพวกเขาว่า ในตอนที่พลังชีวิตของ
พวกเขากำลังจะหมดลง ทะเลขมขื่นของพวกเขาจะทำงาน หากเข้าสู่
เส้นทางการบ่มเพาะ พวกเขาจะได้ผลลัพธ์แค่เพียงครึ่งเดียวเท่านั้น”
“ทะเลขมขื่น ? วิธีการบ่มเพาะเมื่อสามแสนปีก่อนรึ ?” หลินจื้อเป่ ย
และคนอื่น ๆ ต่างก็ใจเต้นรัว “ข้าไม่รู้ว่ามันต่างจากวิธีการบ่มเพาะ
ในตอนนี้ยังไง ?”
ทุกคนต่างก็มองไปที่จางหยูด้วยความสงสัย คำว่าทะเลขมขื่นที่ว่านี้
แม้จะฟังดูแปลก แต่พวกเขาก็รู้สึกว่ามันไม่ธรรมดา โจวถิงหายใจถี่
ขึ้นมา เขาแสดงท่าทีตื่นเต้นออกมา “มาถึงส่วนนี้แล้ว !” เขาขอให้
จางหยูเล่าเรื่องบังสวรรค์ ก็เพราะอยากจะรู้วิธีการบ่มเพาะเมื่อสาม
แสนปีก่อน และตอนนี้จางหยูก็ไม่ทำให้เขาผิดหวัง แค่พูดได้ไม่นาน
จางหยูก็พูดเข้าประเด็นสำคัญ ไม่ใช่แค่โจวถิง แม้แต่เฉาซย๋งก็ยัง
ตื่นเต้นไปด้วย
แม้ว่าความสงสัยและความตื่นเต้นที่มีจะต่างกันออกไป แต่พวกเขา
ต่างก็ถือว่าเนื้อหาของเรื่องบังสวรรค์นี้เป็นความจริง มันไม่มีจุด
ขัดแย้งและเป็นธรรมชาติ วิธีการบ่มเพาะที่เรื่องนี้พูดถึงไม่มีทางที่จะ
เป็นของปลอมไปได้ !
ผู้คนต่างก็พากันครุ่นคิด เพื่อทำความเข้าใจวิธีการบ่มเพาะเมื่อสาม
แสนปีก่อน ตราบใดที่พวกเขาเข้าใจมันได้ พวกเขาอาจจะก้าวเข้าสู่
เส้นทางการบ่มเพาะแห่งโบราณกาลได้
จางหยูเคยบอกว่ากลุ่มของเย่ฟ่ าน คือเมล็ดพันธุ์ที่ดีสำหรับการบ่ม
เพาะ ผู้คนด้านล่างต่างก็อยากไปยังดินแดนต้องห้ามกันบ้าง แม้ว่า
มันจะเสี่ยง แต่ก็มีโอกาสครั้งใหญ่มาพร้อมกันด้วย
หลายคนแอบคิดว่า หลังจากการสอนครั้งนี้จบลง พวกเขาจะไปตาม
หาดินแดนต้องห้ามดูบ้าง แน่นอนว่าพวกเขาก็ได้แต่คิด ต่อให้พวก
เขาอยากจะไปกันจริง ๆ แต่พวกเขาก็ไม่มีความกล้ามากพอ !
ยังไงซะก็ไม่ใช่เขตหวงห้ามทุกที่ ที่เป็นเหมือนกับดินแดนต้องห้าม
ที่แสนวิเศษ อย่างน้อยตามที่พวกเขาจำได้แล้ว สิ่งที่เรียกว่าที่ต้องห้าม
นั้นก็อันตรายอย่างมาก แต่ไม่เคยได้ยินเรื่องโอกาสดี ๆ แต่อย่างใด
นี่ไม่ต้องพูดถึงคนทั่วไป แม้แต่พวกขอบเขตตุ้นซวนก็ไม่กล้าก้าว
เท้าเข้าไปในที่หวงห้าม ไม่งั้นแล้วหากพวกเขาไม่ระวังตัว พวกเขาก็
อาจจะกลับออกมาไม่ได้
หลังจากนั้นกลุ่มของเย่ฟ่ านก็ถูกหญิงสาวนำตัวไปยังเมืองเล็ก ๆ ที่
ชื่อว่าเว่ยเว่ยและพบกับผู้อาวุโสอีกหลายคน จากการพูดคุยกับคน
เหล่านั้น กลุ่มของเย่ฟ่ านก็ได้เรียนรู้ว่า กลุ่มของเขาได้มายังดินแดน
ลึกลับทางตะวันออก เขตนี้มันกว้างใหญ่แค่ไหนน่ะรึ ? เขตตะวันตก
กว้างใหญ่จนไร้ขีดจำกัด แม้ว่ามนุษย์จะอยู่ได้นานกว่านี้สักสิบเท่า
แต่คงยากที่จะเดินทางตัดผ่านไปได้ ประเทศที่คอยดูแลดินแดน
ต้องห้ามมีชื่อว่าหยาน ความยาวจากทางเหนือจรดใต้กว่า 2,000 ลี้
และความยาวจากตะวันออกจรดตะวันตกกว่า 3,000 ลี้ ทางตะวันออก
ติดกับทะเล ประเทศที่ใหญ่แบบนี้ไม่อาจจะประเมินค่าของมันได้
แค่เขตตะวันออกก็ใหญ่ถึงเพียงนี้แล้ว หากคิดถึงพื้นที่อื่น ๆ เข้า
ด้วยกันมันจะใหญ่แค่ไหน
กลุ่มของเย่ฟ่านตะลึงกับเรื่องที่ได้ยิน ทุกคนพากันช็อกกับความ
กว้างใหญ่ของโลก
“เขตตะวันออกนั่นกว้างใหญ่กว่าทวีปป่ าไม่รู้กี่เท่า หากนับรวมกับ
พื้นที่อื่น ๆ แล้วมันจะใหญ่แค่ไหนกัน?”
เขตตะวันออกยังใหญ่กว่าทวีปป่ าทั้งทวีปแล้ว แล้วเขตตะวันตกกับ
สันเขาทางใต้ล่ะจะใหญ่แค่ไหนกัน ? นี่ไม่ต้องพูดถึงเขตกลางซึ่ง
เป็นพื้นที่ที่ใหญ่กว่า เกรงว่าทวีปป่ าถึงใหญ่กว่านี้สักพันเท่าก็ไม่
อาจจะเทียบกับเขตกลางได้
ทุกคนอดไม่ได้ที่จะเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า โลกนี้มันน่าเหลือเชื่อ
ขนาดนี้เลยรึ ?
พวกเขาพากันขนลุก
หลินจื้อเป่ ย, หวงฟูเชิงจื้อ และคนอื่น ๆ ต่างก็ตะลึงยิ่งกว่าเดิม
ตอนที่จางหยูพูดนั้น ผู้คนต่างก็อยากฟังเรื่องบังสวรรค์กันยิ่งกว่าเดิม
โลกแบบนี้มันน่าสนใจกว่าทวีปป่ าที่น่าเบื่อในตอนนี้ วิธีการบ่ม
เพาะที่วิเศษเองก็เป็นสิ่งที่น่าทึ่ง ทะเลขมขื่น, นางฟ้า แล้วจะมีอะไร
จากนั้นอีก ?
ตอนที่จางหยูบอกว่ากลุ่มของเย่ฟ่ านเป็นผู้บ่มเพาะที่มีร่างกายศักด์ิสิทธ์ิ
ทุกคนต่างก็พากันสับสน แม้แต่พวกระดับสูงในอดีตอย่างอู่ฉิงฉวน
และโอวเสินเฟิงก็ต้องคิ้วขมวด ร่างกาย? ร่างกายศักด์ิสิทธ์ิอะไรกัน?
มันฟังดูแข็งแกร่งแต่ทำไมพวกผู้บ่มเพาะคนอื่น ๆ ถึงได้แสดงท่าที
เย็นชาต่อกลุ่มของเย่ฟ่าน?
แต่ไม่มีใครสนใจอะไรนัก ยังไงซะมันก็เป็นแค่ส่วนหนึ่งของเรื่อง
เล่า มันเกิดขึ้นในอดีตเมื่อสามแสนปีก่อน พวกเขาไม่จำเป็นต้องรู้
รายละเอียดยิบย่อยนัก เรื่องนี้แค่เปิดมุมมองของพวกเขา พวกเขาแค่
อยากรู้สิ่งสำคัญที่เกิดขึ้นเมื่อสามแสนปีก่อน สำหรับรายละเอียดยิบ
ย่อยนั้นพวกเขาไม่ได้สนใจนัก
“ในอดีตเคยมีร่างกายที่มีคุณสมบัติเช่นนี้ปรากฏขึ้น ในช่วงเวลาที่
ผ่านมาอย่างน้อย ๆ ก็มีถึง 9 คน และทุกคนก็ล้วนแข็งแกร่งไร้เทียม
ทาน ร่างกายศักด์ิสิทธ์ินี้หากก้าวเข้าไปในเส้นทางแห่งการบ่มเพาะ
ก็ไม่อาจมองเห็นความสำเร็จได้เลย ถึงแม้จะถูกยกย่องว่าเป็นร่างกาย
ที่แข็งแกร่งเป็นอันดับหนึ่งก็ตาม ร่างกายนี้อาจจะกล่าวได้ว่าเป็น
ร่างกายศักด์ิสิทธ์ิโบราณก็ได้ แต่เสียดาย ที่ร่างกายแบบนี้กลับถูก
ทอดทิ้งมาตั้งแต่สมัยโบราณแล้ว มันไม่ได้เหมาะกับการบ่มเพาะ พูด
กันตามตรงคือผู้ที่มีร่างกายแบบนี้ไม่อาจจะประสบความสำเร็จใน
เส้นทางบ่มเพาะได้” จางหยูส่ายหน้าและถอนหายใจออกมา เสียง
เศร้า ๆ ของเขาทำให้ใจของผู้คนลนลาน “เมื่อร่างกายศักด์ิสิทธ์ิ
กลายเป็นขยะ ผู้คนที่มีร่างกายนี้จึงมักจะถูกตัดขาดจากการบ่มเพาะ”
ผู้คนด้านล่างเริ่มกลั้นหายใจ ไม่รู้ว่าทำไมพวกเขาถึงได้รู้สึกเศร้าขึ้นมา
ภายใต้คำพูดของจางหยู พวกเขาได้จมไปกับเนื้อเรื่องและถึงกับคิด
ว่าตัวเองคือกลุ่มของเย่ฟ่าน
พวกเขาเหมือนจะรับรู้ได้ถึงความรู้สึกที่เย่ฟ่านมีและรู้สึกเศร้าไปด้วย

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบเจ้าสำนัก