ตอนที่ 423 ความไม่แน่นอน
เมื่อได้ยินที่หยางเพ่ยอันชมศิษย์ของสำนักคังเฉียง โอวเสินเฟิงก็อด
ไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา เขามีหน้าที่สั่งสอนศิษย์ที่เป็นมนุษย์ แต่กลับไม่
เคยได้รับคำชมใด ๆ มาก่อน ตอนนี้เมื่อเซียนอักษรอย่างหยางเพ่ยอัน
ออกปากชม มันก็เป็นธรรมดาที่โอวเสินเฟิงจะยินดี
เฉินกูยังคงใจเย็น แต่เขาก็ยังเผยรอยิ้มออกมาเล็กน้อย ตัดกับภาพ
ลักษณ์ของตัวเอง
แม้แต่หลินจื้อเป่ ย,หวงฟู่เชิงจื้อและคนอื่น ๆ ที่เป็นผู้ช่วยต่างก็พากัน
ยิ้มออกมา
“งั้นรึ ? เซียนอักษรคิดว่าพวกเขาดีงั้นรึ ?” จางหยูพูดขึ้นมาด้วยท่าที
สนใจ “ท่านคิดว่าพวกเขาจะเทียบกับคนจากสำนัก 5-6 ดาวได้รึไม่ ?”
แม้จางหยูจะมั่นใจใน ทักษะจี๋อู่แต่ศิษย์เหล่านี้เพิ่งเข้าร่วมสำนักมา
ไม่นาน ระยะเวลาที่สั้นแบบนี้อาจจะเรียกพวกเขาได้ว่าศิษย์ที่เข้า
ใหม่ได้เลย จางหยูเองก็สงสัยว่าศิษย์พวกนี้จะเป็นยังไงเมื่อเทียบกับ
ศิษย์จากสำนัก 5-6 ดาว
หยางเพ่ยอันได้ยินแบบนั้นก็ชะงัก เขาเริ่มทำการตรวจสอบเซียว
เหยียนและคนอื่น ๆ อย่างถี่ถ้วน สายตาของเขากวาดผ่านเหล่าศิษย์ที่
เป็นมนุษย์…ศิษย์ทุกคนต่างก็เงยหน้าและยิ้มให้กับพวกเขา ราวกับ
ว่าไม่มีความกลัวเลยแม้แต่น้อย ราวกับว่าตำแหน่งของเซียนอักษร
ไม่ได้ส่งผลอะไรต่อพวกเขาเลย
ท่าทีของเหล่าศิษย์ทำให้หยางเพ่ยอันรู้สึกแปลก ๆ แต่จากนั้นเขาก็
พบสิ่งที่น่าทึ่งเข้า
“อัจฉริยะ !” หยางเพ่ยอันไม่ลังเลที่จะชมออกมา เขาพูดขึ้นด้วยท่าที
จริงใจ “หากดูจากระดับการบ่มเพาะในรุ่นของพวกเขาแล้ว ถือว่า
พวกเขาหาตัวจับยาก แม้แต่ในสำนัก 6 ดาวก็ถือว่าเป็นศิษย์ที่ดี !” เขา
พบว่าศิษย์ทุกคนไม่ได้มีอายุมากนัก และระดับการบ่มเพาะก็ไม่ได้ต่ำ
เลยแม้แต่น้อย โดยเฉพาะเซียวเหยียน, อู่ซินซิน,โจวซินเอ๋อร์และ
หลินหมิง เขายังรู้สึกทึ่งแม้ว่าหลินหมิงจะอ่อนแอก็ตาม ในเวลา
เดียวกันอู่ซินซินและโจวซินเอ๋อร์นั้นแข็งแกร่งกว่าเล็กน้อย และคน
ที่น่าที่งที่สุดคือเซียวเหยียน นี่คือเมล็ดพันธุ์ที่ดีที่จะกลายเป็นยอด
ฝีมือระดับสูงสุดในอนาคต
ด้วยมุมมองของเขาแล้ว เขาต้องยอมรับว่าศิษย์เหล่านี้ แม้แต่คนที่แย่
ที่สุดก็ผ่านเกณฑ์เข้าสำนัก 6 ดาวได้ เห็นได้ว่าศิษย์ของสำนักคังเฉียง
นั้นเหนือกว่าศิษย์สำนักอื่น ๆ คนที่โดดเด่นที่สุดคงเป็นเซียวเหยียน
แม้แต่เขาที่เป็นยอดฝีมือระดับสูงสุดก็ยังอยากได้เด็กพวกนี้
สำหรับมังกรแดง, อินทรีย์ปีกฟ้าและสัตว์อสูรตัวอื่น ๆ หยางเพ่ยอัน
ไม่ได้รู้อะไรมากนัก แต่เขารู้สึกว่าพวกนี้ก็ไม่ธรรมดาเช่นกัน
“สำนัก 6 ดาวรึ ?” เมื่อเซียวเหยียนและคนอื่น ๆ ได้ยินแบบนั้น ก็พา
กันตื่นเต้นขึ้นมาพร้อมกับเผยรอยยิ้ม
ไม่มีใครรู้เรื่องพรสวรรค์ของตนเองดีกว่าตัวพวกเขาเองได้ หากไม่ได้
อยู่ที่สำนักคังเฉียง พวกเขาจะประสบความสำเร็จได้ถึงขนาดนี้รึ ?
หากเทียบกับสำนักคังเฉียงแล้ว สำนัก 5-6 ดาวนั้นดูไร้ค่าไปเลย !
แต่พวกเขาก็ไม่ได้คิดจะพูดเรื่องนี้ออกไป สำนักคังเฉียงดีนั้นพวก
เขารู้อยู่แล้ว มันไม่จำเป็นต้องให้โลกต้องมารู้เรื่องนี้
“เจ้าสำนัก ข้าพูดอะไรผิดไปรึ?” เมื่อเห็นรอยยิ้มแปลก ๆ ของเหล่า
ศิษย์ หยางเพ่ยอันก็รู้สึกแปลกขึ้นมา เขาอดไม่ได้ที่จะถามจางหยู
จางหยูยังไม่ทันได้พูดอะไรออกมา โอวเสินเฟิงก็พูดขึ้นมาก่อน “เซียน
อักษร ข้าคิดว่าท่านคงจะดูถูกคนของเรา” ตามที่โอวเสินเฟิงบอกมา
อัจฉริยะของสำนัก 5-6 ดาวนั้นไม่อาจจะเทียบกับศิษย์สำนักคังเฉียง
ได้
“หือ ? เจ้าพูดเช่นนั้นได้ยังไง ?” หยางเพ่ยอันสงสัยขึ้นมา
ลั่วซู่หยาง, ชุยเจี่ยนและหงจินเป่ า ต่างก็มองไปที่โอวเสินเฟิงด้วย
ความสงสัย
“เซียนอักษรเห็นแค่ระดับการบ่มเพาะของพวกเขา แต่ท่านไม่รู้ถึง
ความแข็งแกร่งของพวกเขาที่แข็งแกร่งกว่าระดับการบ่มเพาะ” โอว
เสินเฟิงคือคนที่ใกล้ชิดกับศิษย์ที่สุด เป็นธรรมดาที่เขาจะรู้จักศิษย์ดี
ที่สุด ความแข็งแกร่งอันน่ากลัวนี้คือจุดเด่นของศิษย์สำนักคังเฉียง
ในทางกลับกันแล้ว ระดับการบ่มเพาะของพวกนี้ แม้ว่าจะสูงกว่า
อัจฉริยะทั่วไปแต่มันก็ไม่ได้โดดเด่นกว่านัก ศิษย์พวกนี้แค่ดูสะดุด
ตากว่าเล็กน้อยเท่านั้น
“แข็งแกร่งรึ ? เป็นแบบนั้นได้ยังไง?” หยางเพ่ยอันไม่เชื่อ
เขาคิดว่าโอวเสินเฟิงจะพูดบางอย่างที่น่าตกใจออกมาแต่ผลลัพธ์นี้
ทำให้เขาผิดหวัง
“เซี่ยเฟิง” โอวเสินเฟิงตะโกนเรียกเซี่ยเฟิงทันที
เซี่ยเฟิงลุกขึ้นยืนและถามขึ้นมาด้วยความสงสัย “อาจารย์โอว มี
อะไรรึ ?”
โอวเสินเฟิงโบกมือและพูดขึ้น “นั่งลง”
ตอนที่เซี่ยเฟิงนั่งลงนั้น โอวเสินเฟิงก็ได้บอกกับหยางเพ่ยอัน “เซี่ย
เฟิงคือศิษย์ที่แข็งแกร่งที่สุด และมีความสามารถในการต่อสู้สูงกว่า
คนอื่น อย่าดูถูกระดับการบ่มเพาะของเขา ถึงเขาอยู่แค่ขอบเขตว่อ
ซวนขั้นสูง แต่พวกขอบเขตหลิงซวนขั้นต่ำก็ไม่อาจจะเป็นคู่มือของ
เขาได้” เซี่ยเฟิงอยู่ขอบเขตว่อซวนขั้นสูง ก่อนที่จะเข้าร่วมสำนักคัง
เฉียงและหลังจากที่บ่มเพาะทักษะจี๋อู่แล้ว ระดับการบ่มเพาะของเขา
ก็ลดลงมา และหลังจากที่บ่มเพาะมาได้สักระยะมันก็พัฒนาขึ้นมาถึง
ขอบเขตว่อซวนขั้นสูงและพลังในการต่อสู้ก็น่ากลัวกว่าในอดีต
“เย่ลั้ว” โอวเสินเฟิงตะโกนเรียกอีกชื่อ
“ขอรับ” เย่ลั้วลุกขึ้นยืน “อาจารย์โอว !”
“นั่งลงได้” เมื่อเย่ลั้วนั่งลง โอวเสินเฟิงก็พูดกับหยางเพ่ยอันต่อ “เย่ลั้ว
คือหนึ่งในศิษย์ธรรมดาหลายคนในสำนักคังเฉียง แต่ไม่นานมานี้
ด้วยระดับการบ่มเพาะขอบเขตฉีซวนขั้น 9 เขากลับเอาชนะพวก
ขอบเขตฉีซวนขั้น 8 และ 9 เป็นหมื่น ๆ คน เขาถึงกับเอาชนะคนที่
อยู่ขอบเขตว่อซวนขั้นกลางได้ ตอนนี้ระดับการบ่มเพาะของเขา
เพิ่มขึ้นมาถึงขอบเขตว่อซวนขั้นต่ำแล้ว พวกขอบเขตตันซวนก็คงมี
ไม่กี่คนที่เป็นภัยต่อเขาได้”
ในช่วงที่ผ่านมานี้ ระดับการบ่มเพาะของศิษย์ได้พัฒนาขึ้นมาอย่าง
มาก เย่ลั้วและคนอื่น ๆ ก้าวขึ้นมาขอบเขตว่อซวนได้ คนที่เหลือขึ้น
ไปถึงขอบเขตว่อซวนขั้นกลางและสูง คนที่โดดเด่นที่สุดอย่างเซียว
เหยียนก็ยังขึ้นไปถึงขอบเขตตันซวนขั้นต่ำได้
”เซียนอักษร ท่านก็รู้ว่าเด็กเหล่านี้อายุแค่ 15-20 ปี มีแค่ไม่กี่คนที่อายุ
เกิน 20 ปี” โอวเสินเฟิงดูภูมิใจกับเรื่องนี้ “ข้าถามทีว่าอัจฉริยะของ
สำนัก 5-6 ดาวนั้นมีสักกี่คนที่ทัดเทียมกับศิษย์สำนักคังเฉียงของเรา
ได้ ?”
โอวเสินเฟิงไม่เหมือนกับจางหยู เขารู้ข้อมูลเกี่ยวกับสำนัก 5-6 ดาว
เขาเคยเข้าไปในสำนัก 5-6 ดาวหลายครั้ง ดังนั้นเขาจึงรู้เรื่องนี้ดีว่า
ศิษย์สำนักคังเฉียงนั้นโดดเด่นแค่ไหน นี่ไม่ต้องพูดถึงพวกที่โดดเด่น
อย่างเซียวเหยียน,เซี่ยเฟิงและคนอื่น ๆ เลย แม้แต่เย่ลั้วและคนอื่นที่ดู
ธรรมดาที่นี่แต่ก็ถือว่าเป็นอัจฉริยะที่สำนัก 6 ดาวได้
พรสวรรค์ของพวกนี้ไม่ได้โดดเด่น แต่ระดับการบ่มเพาะและพลัง
ของพวกนี้ทำให้พวกนี้ดูโดดเด่นขึ้นมา !
โอวเสินเฟิงรู้สึกไม่พอใจกับคำประเมินของหยางเพ่ยอัน ซึ่งถึงจะ
เหมือนคำชมก็ตาม แต่จริง ๆ แล้วมันกลับเป็นการดูถูกพวกเขา !
แน่นอนหยางเพ่ยอันไม่ได้จงใจพูดแบบนั้น เขาแค่ไม่รู้เกี่ยวกับศิษย์
สำนักคังเฉียงก็เท่านั้น
“เซียนอักษร ข้าเคารพท่านอย่างมาก แต่ข้าไม่อาจจะรับได้หากท่าน
ดูถูกเด็กเหล่านี้” โอวเสินเฟิงสอนศิษย์พวกนี้มาไม่นานแต่กลับผูก
พันกับศิษย์อย่างมาก ไม่ใช่แค่ศิษย์โดยตรงของเขาอย่างเซียวเหยียน
แต่รวมถึงคนอื่น ๆ เขาก็ยังเป็นห่วง
เมื่อได้ยินคำพูดของโอวเสินเฟิง หยางเพ่ยอันก็อดทึ่งขึ้นมาได้ “ศิษย์
ขอบเขตว่อซวน แต่กลับทัดเทียมได้กับคนที่อยู่ขอบเขตหลิงซวนรึ ?
ขอบเขตฉีซวนขั้น 9 กลับเอาชนะคนที่อยู่ขอบเขตฉีซวนขั้น 8-9
เป็นหมื่น ๆ คนและเอาชนะผู้ที่อยู่ขอบเขตว่อซวนขั้นกลางได้รึ ?”
มันเกินไปแล้ว !
นี่คือเรื่องตลกร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ของทวีปป่ า !
ลั่วซู่หยาง, ชุยเจี่ยนและหงจินเป่ าอดไม่ได้ที่จะส่ายหน้า โอวเสินเฟิง
ที่เป็นอาจารย์ของสำนักคังเฉียงถึงกับต้องโกหกเพื่อปกป้องศิษย์ คน
ที่อยู่ขอบเขตฉีซวนขั้น 9 เอาชนะคนที่อยู่ขอบเขตว่อซวนขั้นกลาง
ได้ นี่คิดว่าพวกเขาโง่รึไง ?
เรื่องตลกแบบนี้แม้แต่คนโง่ก็ไม่อาจจะเชื่อได้ไม่ใช่รึ ?
“อาจารย์…โอว มันจริงรึ ?” หยางเพ่ยอันไม่ได้ต้องการจะเถียงต่อ
ในความเห็นของเขาแล้วโอวเสินเฟิงคืออาจารย์ เขาเข้าใจว่าตอนที่
เขายังเด็กเขาก็ไม่อาจจะยอมให้ใครมาดูถูกศิษย์ของเขาได้ “ข้าเข้าใจ
ความคิดท่าน เอาจริง ๆ แล้วข้าชื่นชมท่าน ดูเหมือนว่าท่านจะทำตัว
สมเป็นอาจารย์มากขึ้นเรื่อย ๆ ….”
ทุกคนที่นั่นต่างก็ได้ยินว่าเขาแค่พูดพอเป็นพิธีเพื่อที่จะเปลี่ยนเรื่อง
“เซียนอักษร ท่านหมายความว่ายังไง ?” โอวเสินเฟิงไม่ได้โง่ เป็น
ธรรมดาที่เขาจะเข้าใจความหมายจากสีหน้าของหยางเพ่ยอัน สีหน้า
ของเขาบิดเบี้ยวไป “ท่านคิดว่าข้าโกหกรึ ?”
หยางเพ่ยอันคิ้วขมวด เขารู้สึกได้ว่าโอวเสินเฟิงไม่พอใจเขา
ในฐานะยอดฝีมือระดับสูงสุดของมนุษย์แล้ว การที่เขาพูดคุยกับโอว
เสินเฟิง ก็ถือว่าเป็นการให้เกียรติแล้ว แต่โอวเสินเฟิงกลับเหมือนจะ
ไม่พอใจกับคำพูดของเขาขึ้นมา
หยางเพ่ยอันเงียบไป การที่จางหยูอยู่ข้าง ๆ จึงทำให้เขาไม่กล้าทำอะไร
หุนหัน เขากลัวว่าจะทำให้จางหยูไม่พอใจ เขาต้องปฏิเสธออกมา
“อาจารย์โอว คิดมากเกินไป ข้าไม่ได้มีความคิดอื่นแอบแฝง” คนที่
อยู่ขอบเขตฉีซวนขั้น 9 แต่กลับเอาชนะคนที่อยู่ขอบเขตว่อซวนขั้น
กลางได้ แม้แต่ตอนที่เขายังเด็ก เขาก็ไม่อาจจะทำแบบนี้ได้ นี่ไม่ต้อง
พูดถึงศิษย์ธรรมดาของสำนักคังเฉียงไม่ใช่หรือไง ?
ยอดฝีมือระดับสูงสุดก็ยังทำไม่ได้เลยไม่ใช่รึ ?
เขาแค่ไม่สนใจจะเถียงกับโอวเสินเฟิงต่อ และไม่ต้องการเสียเวลา
กับเรื่องที่ไร้ความหมายนี่
โอวเสินเฟิงโกรธอย่างมาก แต่หยางเพ่ยอันกลับไม่ใส่ใจ เขาแทบ
อยากกระอักเลือดออกมา ความรู้สึกตอนนี้มันน่าอึดอัดอย่างมาก
เซียวเหยียนและคนอื่น ๆ เองก็รู้สึกอึดอัดเช่นกัน ใครบ้างที่โดนดูถูก
แล้วจะพอใจอยู่ได้แต่พวกเขาเป็นแค่เด็กน้อย แม้ว่าจะไม่พอใจ แต่
พวกเขาก็ทำได้แต่อดกลั้นเอาไว้ พวกเขารู้สึกซาบซึ้งกับการกระทำ
ของโอวเสินเฟิง แต่คำพูดของเซียนอักษรก็มีส่วนถูกอยู่ การได้พบ
กับโอวเสินเฟิงที่ใส่ใจศิษย์เยี่ยงนี้ถือว่าเป็นโชคสำหรับพวกเขาจริง ๆ
“ทุกคน กินกันก่อน อย่าใส่ใจเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ” ตอนที่อู่ฉิงฉวน
ปรากฏตัว จางหยูก็ใช้โอกาสนั้นเปลี่ยนเรื่องและพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม
“อาหารที่ท่านอู่ทำ ไม่เคยทำให้ใครผิดหวัง”
ในอนาคตเหล่าศิษย์ของสำนักคังเฉียงจะแข็งแกร่งขึ้นจนผู้คนรับรู้
ได้เอง มันไม่จำเป็นต้องมาถกเถียงกันในเรื่องนี้
จางหยูไม่ได้สนใจหยางเพ่ยอัน ถึงจะเชื่อหรือไม่เชื่อแต่เขาก็ไม่สนใจ
มาเสียเวลาพิสูจน์เรื่องนี้ ศิษย์สำนักคังเฉียงไม่ได้เปลี่ยนไปจากเดิม
เพราะท่าทีหรือคำถากถางจากคนนอก เวลาจะพิสูจน์ทุกอย่างเอง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบเจ้าสำนัก