เข้าสู่ระบบผ่าน

รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์ นิยาย บท 6

“อย่าอะไร?”

จ้าวหรุ่ยในอ้อมแขนดูเหมือนกระต่ายที่หวาดกลัว ดวงตาที่สดใสเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกและความสับสน

จ้าวหรุ่ยไม่รู้ว่า ยิ่งนางกลัวและอยากจะหนีมากเท่าไร เสน่ห์ที่เป็นธรรมชาติซึ่งแฝงอยู่ในกระดูกของนางก็ยิ่งจะโดดเด่นมากขึ้นเท่านั้น และยิ่งดึงดูดหลี่เฉินมากขึ้น

หลี่เฉินจับเอวที่ไม่มีกระดูกของจ้าวหรุ่ย แล้วหัวเราะอย่างชั่วร้ายที่ข้างหูนาง “อย่าอะไร อย่าไม่ทำอะไรสักอย่าง หรือว่าอย่าหยุดกันแน่?”

จ้าวหรุ่ยทั้งอับอายทั้งโมโห

คำตอบทั้งสองข้อที่หลี่เฉินกล่าวออกมานั้น ไม่มีข้อไหนที่นางอยากจะพูด

นางไม่เข้าใจว่าเหตุใดองค์รัชทายาทที่หลงใหลในตัวนางมาโดยตลอด ถึงได้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ภายในเวลาสั้นๆ

ก่อนหน้านี้ นางไม่จำเป็นต้องเคลื่อนไหวมากนัก เพียงแค่ส่งยิ้มจางๆ ก็สามารถทำให้องค์รัชทายาทเชื่อฟังคำพูดของนางได้

แต่ตอนนี้ ดูเหมือนว่าองค์รัชทายาทจะกลายเป็นปีศาจ และเรียกร้องอย่างตะกละตะกลามอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่านางจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม

“ฝ่าบาท โปรดปฏิบัติต่อหม่อมฉันอย่างทะนุถนอม” จ้าวหรุ่ยอ้อนวอนเสียงสะอื้น

หลี่เฉินหยอกล้อจ้าวหรุ่ย ผิวพรรณของนางขาวเหมือนเครื่องเคลือบ นอกจากนี้ยังแดงก่ำเหมือนลูกท้อสุก ซึ่งความงดงามเช่นนี้ มีเพียงเขาเท่านั้นที่สามารถเพลิดเพลินได้

“เอาล่ะ ในเมื่อคนงามใจร้อน”

หลี่เฉินพูด พร้อมกับอุ้มจ้าวหรุ่ยด้วยท่าเจ้าหญิง

ทำให้จ้าวหรุ่ยอุทานออกมาด้วยความตกใจ หลี่เฉินก้าวเท้ายาวๆ ไปที่แท่นบรรทม โยนนางลงกับเตียง ยิ้มจางๆ แล้วพูดว่า “ข้าจะเติมเต็มเจ้าเอง”

จ้าวหรุ่ยโมโหสุดขีด นางอยากจะพูดว่าตัวเองไม่ได้หมายความเช่นนั้น และยิ่งไม่ใจร้อนเลย แต่หลี่เฉินจะยอมให้นางมีโอกาสพูดที่ไหนกัน เขาตะครุบนางเหมือนหมาป่าที่หิวโหย

ลานโล่งนอกตำหนัก

ปึงๆ

เสียงโบยไม้ดังขึ้นพร้อมกับเสียงกรีดร้องของเฉินจื้อที่อ่อนแอลงเรื่อยๆ

เห็นได้ชัดว่าผู้คุมสองคนนี้เก่งในเรื่องนี้มาก น้ำหนักมือของพวกเขาก็แม่นยำมากเช่นกัน ทุกๆ จังหวะของไม้เท้าที่ฟาดลงไปนั้น ทำร้ายเฉินจื้อถึงกระดูกอย่างแน่นอน เพราะมีเพียงความเจ็บปวดเข้าถึงกระดูกเท่านั้นที่จะสามารถป้องกันไม่ให้เขาหมดสติลงได้

ท่อนล่างของเฉินจื้อเต็มไปด้วยเลือด สองมือจิกเล็บเข้าไปในพื้นดิน เขายกศีรษะที่เปื้อนเลือดขึ้นมา เขาไม่รู้สึกอะไรแล้วนอกจากความเจ็บปวด และจ้องมองไปที่ประตูซึ่งปิดสนิทอยู่

หลังจากหลี่เฉินเข้าไปแล้ว ก็ไม่ออกมาอีกเลย

ราวกับว่าเฉินจื้อได้ยินเสียงลมหายใจหนักๆ และเสียงกระซิบอันแผ่วเบาของจ้าวหรุ่ยที่เขาใฝ่ฝัน

ภาพหลอนนี้ทำให้เฉินจื้อแทบจะเป็นบ้า

เพียงบานประตูกั้น สตรีที่เขารักถูกศัตรูข่มเหง ในขณะที่เขาทำได้เพียงนอนบนพื้นโล่ง และถูกทุบตีจนตาย

“แม้กลายเป็นผี ข้าก็จะไม่ปล่อยชายหญิงสุนัขคู่นี้ไป!!!”

เสียงกรีดร้องของเฉินจื้อจากด้านนอก ทำให้จ้าวหรุ่ยตัวสั่นด้วยความตกใจ

“ฝ่าบาท เฉินจื้อเขา...”

“ทำไม เจ้าปวดใจหรือ?” หลี่เฉินถาม

จ้าวหรุ่ยส่ายหน้าโดยสัญชาตญาณ และอธิบายว่า “หม่อมฉัน หม่อมฉันแค่เกรงว่าเขาจะรบกวนความสงบสุขของพระองค์”

“ไม่เป็นไร”

หลี่เฉินโน้มตัวเข้าไปใกล้ผิวที่เปียกชื้นของจ้าวหรุ่ย แล้วกระซิบเบาๆ “ข้าแค่อยากให้ทุกคนรู้ว่าผลที่ตามมาจากการล่วงเกินข้า จะเลวร้ายยิ่งกว่าความตาย”

เมื่อได้ยินคำพูดของหลี่เฉิน จ้าวหรุ่ยก็ตกใจกลัว อย่างไรก็ตามการรุกล้ำของหลี่เฉินก็ไม่เคยหยุดนิ่งแม้นาทีเดียว นางกัดฟันทนการโจมตีครั้งแล้วครั้งเล่า นางรู้สึกได้ถึงความกลัวในใจและความรู้สึกแปลกๆ บนร่างกายของนาง ซึ่งทั้งสองอย่างนี้เกี่ยวพันกันอย่างซับซ้อน

นางรู้ว่า คำพูดของหลี่เฉินนั้น ส่วนใหญ่พูดให้นางฟัง

ชั่วขณะหนึ่ง นางก็รู้สึกเหมือนกระต่ายสิ้นใจ จิ้งจอกร่ำไห้ นางแยกไม่ออกว่านางกลัวหลี่เฉินมากกว่า หรือว่าเกลียดมากกว่ากันแน่

ในเวลาเดียวกัน ณ.วังหลัง ในห้องบรรทมของฮองเฮา มีสาวใช้นางหนึ่งวิ่งมาตรงหน้าจ้าวชิงหลานอย่างรีบร้อน

“ทูลฮองเฮา พบร่องรอยของหัวหน้าองค์รักษ์เฉินจื้อแล้วเพคะ”

สาวใช้ในวังกล่าวอย่างระมัดระวังว่า “เขา เขาแอบไปที่ตำหนักบูรพา แต่ทว่าโดนองค์รัชทายาทจับได้ จึงถูกโบยร้อยไม้”

จ้าวหรุ่ยรู้สึกเขินอายมาก

แม้ว่าสิ่งที่ควรจะเกิดและไม่ควรจะเกิด ก็เกิดขึ้นแล้ว แต่จ้าวหรุ่ยก็ไม่สามารถปล่อยให้ตัวเองถูกเปิดเผยต่อหน้าหลี่เฉิน ‘ที่ไม่รู้จักอาย’ เช่นนี้ได้

นางคว้าผ้าห่มมาคลุมตัวเอง แต่หลี่เฉินกลับทำสิ่งที่ไม่ดี พลิกตัวและตรึงนางไว้

เมื่อจ้าวหรุ่ยตระหนักได้ว่าหลี่เฉินจะทำอะไร นางก็ตื่นตระหนกและใช้มือดันไปที่หน้าอกของหลี่เฉินพลางพูดว่า “ฝ่าบาท เมื่อคืนท่านก็เคี่ยวกรำจนดึกดื่น ตอนนี้โปรดเมตตาหม่อมฉันด้วยเถอะเพคะ...”

“เมื่อคืนเจ้าเป็นคนบอกว่าวิญญาณของเจ้าหลุดลอยไป และตอนนี้คนที่ขอร้องข้าก็เป็นเจ้า ข้าไม่คุ้นกับปากอย่างใจอย่างของเจ้าจริงๆ” หลี่เฉินยิ้มอย่างชั่วร้าย

พูดจบ หลี่เฉินก็ดึงผ้าห่มและห่อพวกเขาทั้งสองไว้ในผ้าห่ม

ท้องฟ้าในตอนเช้ายังไม่สว่างมากนัก นางถูกคลื่นถาโถมจนพลิกไปมา เสียงการเคลื่อนไหวที่เพิ่งหยุดไปเมื่อสองสามชั่วโมงก่อนก็ดังขึ้น จากนั้นแท่นบรรทมก็สั่นไหวไปมา

หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมง หลี่เฉินก็ลุกขึ้นอย่างสดชื่น

เมื่อมองไปที่จ้าวหรุ่ยที่กำลังนอนหลับอย่างเหนื่อยล้าอีกครั้ง หลี่เฉินก็เรียกสาวใช้ในวังมาปรนนิบัติเขาอาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้า ก่อนจะเดินออกจากห้องบรรทม

เมื่อออกมานอกห้องบรรทม หลี่เฉินก็เห็นสาวใช้หลายคนกำลังทำความสะอาดสระเลือดบนพื้นกระเบื้องในที่โล่ง

องครักษ์เสื้อแพรแห่งหน่วยงานบูรพาซึ่งรับผิดชอบการประหารชีวิตเมื่อคืนนี้ ก็เดินเข้ามาและกล่าวด้วยความเคารพว่า “ทูลองค์รัชทายาท เฉินจื้อถูกประหารชีวิตเรียบร้อยแล้ว ตีครบหนึ่งร้อยไม้ เมื่อถึงไม้สุดท้ายก็ขาดใจตาย”

“ทำได้ไม่เลว ไปที่คลังเพื่อรับรางวัลซะ” หลี่เฉินพยักหน้าอย่างพอใจ

สิ่งสำคัญที่สุดในการใช้คน คือการให้รางวัลและลงโทษพวกเขาอย่างเคร่งครัด

หากทำชั่วจะต้องถูกลงโทษอย่างแน่นอน เพื่อที่พวกเขาจะได้ไม่กล้าขัดคำสั่ง

แต่ถ้าทำดีก็จะได้รับรางวัล ครั้งหน้าที่ให้ทำงาน พวกเขาจะได้มีกำลังใจ

องครักษ์เสื้อแพรทั้งสองคนต่างมีสีหน้ายินดี หลังกล่าวขอบพระทัยเสร็จก็รีบเดินจากไป

บนแท่นบรรทมในห้อง

หลี่เฉินเพิ่งก้าวเท้าออกไป จ้าวหรุ่ยก็ลืมตาขึ้นทันที

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์